6 มกราคม 2553 21:12 น.
กิตติเวทย์
เธอถามฉันทำไมใจจึงรัก
หญิงมาทักมากมายใยไม่สน
ทั้งสาวใหญ่สาวน้อยอีกหลายคน
ต่อไปนี้คือเหตุผลที่รักเธอ
หนึ่ง เธองามตามสเปกไม่เด็กมาก
สอง หน้าผากกลมใหญ่ใช่เสมอ
สาม ตากลมคมสวยด้วยอยากเจอ
สี่ ไม่เผลอจมูกงามตามหมายปอง
ห้า คิ้วโก่งดังคันศรพรไท้เทพ
หก ทรงเชฟกลมกลึงน่าตรึงจ้อง
เจ็ด อกตั้งงอนงามยามเคล้าครอง
แปด เป็นหนึ่งไม่มีสองผิวผ่องพรรณ
เก้า หุ่นเธอเสมอฉันวันเดินคู่
สิบ เธอตื่นเช้าตรู่คู่ไก่ขัน
สิบเอ็ด เธอเป็นกุ๊กมีรางวัล
สิบสอง นั้นเสียงนุ่มไม่เอ็ดอึง
แต่เหตุผลหมดนั้นฉันเฉลย
เอาทิ้งไปหมดเลยอย่าเอ่ยถึง
เพราะเหตุผลแท้จริงสิ่งคำนึง
คือ "รักเธอ" เป็นที่หนึ่งจากบึ้งใจ
6 มกราคม 2553 14:43 น.
กิตติเวทย์
ลมหนาวพลิ้วทิวไผ่ไหวเอนรับ
ดังเสียงขับกล่อมไพรให้คลายหนาว
หมู่นกเกาะกิ่งไผ่ไขเรื่องราว
ส่งสาส์นข่าวถึงกันวันหนาวใจ
ฉันปูเสื่อนอนใต้ลำไผ่พลิ้ว
ซ่านสยิวหนาวสั่นจนหวั่นไหว
มองนกน้อยจับคู่คลายหนาวใจ
แต่เรานั้นเดียวดายไร้ชู้ชม
เสียงนกร้องก้องไพรใจรับรู้
มันสุขใจใกล้ชู้จุ๊กกรูขรม
ตัวหนึ่งร้องหนึ่งรับขับระงม
ฉันยิ่งขมข่มจิตคิดร้าวราน
อิจฉานกอกผ่าวคลายหนาวเหน็บ
อิจฉานกหายเจ็บเสพความหวาน
อิจฉานกกกคู่อยู่เจือจาน
อิจฉานกร้องประสานผ่านพงไพร
หมู่นกเอยเคยไหมวันไร้คู่
หมู่นกเอยเคยกู่หาคู่ไหม
หมู่นกเอยเคยเหงาเศร้าดวงใจ
หมู่นกเอยเคยไหมในสักครา
เผลอฟังนกอกหวั่นพลันสะอื้น
ให้ตันตื้นขื่นขมตรมผวา
อกเอยอกอกเราอกเอกา
นอนนิ่งชาหนาวสั่นวันเดียวดาย
5 มกราคม 2553 09:39 น.
กิตติเวทย์
อรุณ ฤกษ์เบิกฟ้านภาโชติ
อุทัย โรจน์โปรดโลกไล่โศกหมอง
อรุณ แจมแจ่มนภาฟ้าสีทอง
อุทัย ส่องมองเห็นเส้นทางเดิน
อรุณ รุ่งพยุงกายหมายต่อสู้
อุทัย อยู่รีบทำอย่าขำเขิน
อรุณ ขึ้นหมายพักตร์จักจำเริญ
อุทัย มุ่งสรรเสริญเกินจำนรรจ์
อรุโณทัย เปรียบดัง ทางชีวิต
อรุโณทัย ทุกทิศ มิผิดผัน
อรุโณทัย เทียมเท่า ทุกเผ่าพันธุ์
อรุโณทัย แบ่งปัน มิผันแปร
อรุณเอยขอบคุณที่หนุนเนื่อง
งานทุกเรื่องขาดเจ้าอับเฉาแน่
อุทัยเอยขอบคุณที่หนุนแล
อรุโณทัยเผื่อแผ่แด่ทุกคน
อรุโณทัย เป็นภาษาบาลี อรุณ + อุทัย ในไวยากรณ์ตอนว่าด้วยสนธิ
สามารถแปลง (พฤติ) อุ เป็น โอ ได้ เช่น สุ + อตฺถิ เป็น โสตฺถิ > โสตฺถี
กลายมาเป็น สวัสดี ในภาษาไทย แปลว่า ขอให้มีสิ่งดีดี ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข (ผมแปลเอง) สุ แปลว่า ดี งาม อัตถิ แปลว่า มีอยู่ เป็นอยู่
หรือ คำว่า สุโขทัย > สุข+อุทัย ...ถิ่นที่มีแต่ความสุข (แล้วไงมี สุโขทัย ระทม)
5 มกราคม 2553 07:17 น.
กิตติเวทย์
ก่อนหน้านั้นเธอเป็นเช่นดาวสวย
ถักทอด้วยไหมทองผ่องนวลใส
ใครก็ตามพบพานสะท้านใจ
อดไม่ได้ปล่อยใจไปกับเธอ
ฉันก็เป็นอีกคนมิพ้นได้
อ่อนจิตใจยามสบตามาเสมอ
อกวาบหวามยามใดที่ได้เจอ
หลงพร่ำเพ้อปล่อยใจให้ล่องลอย
หลังแต่งงานใยเธอเป็นเช่นคนอื่น
กลับดึกดื่นมึนเมาฉันหงาหงอย
เคยหอมแก้มทุกวันจนเป็นรอย
ปล่อยฉันคอยร่ำไห้ใจพะวง
จะเลิกรักก็ไม่ได้เพราะใจรัก
จะหนีจากก็ไม่ได้เพราะใจหลง
จะมีใหม่ก็ไม่ได้ใจมั่นคง
เหมือนฝุ่นผงเข้าตาหาไม่เจอ
อาจตอบได้คราแรกเป็นรักแท้
รักหลังแน่รักหลงพะวงเผลอ
เขาเลวร้ายก็ยังหวังได้เจอ
จึงพร่ำเพ้อร้องร่ำระกำใจ
3 มกราคม 2553 22:08 น.
กิตติเวทย์
อยาก พักผ่อนร่างกายหายเหนื่อยนัก
นอน แนบพักตร์กับขาดังว่าหมอน
หนุน แนบชิดหลับตาพาหลับนอน
ตัก งามงอนของพี่ที่นุ่มนวล
คน ที่พี่รักยิ่งจริงเปิดเผย
รัก คุ้นเคยจนชินกลิ่มหอมหวล
พี่ จะไม่ซุกซนวนรบกวน
นอน ดิ้นป่วนนวลน้องให้หมองตรม