21 เมษายน 2552 19:59 น.
กิตติกานต์
...เธอเห็นภาพเยาว์วัยใสวิสุทธิ์
แล้วอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้
นาฬิกาหมุนไปไม่ปรานี
ตามหน้าที่มิเหนื่อยล้าพะว้าพะวัง
...บนถนนสายนี้คลุกคลีฝุ่น
แต่เคยคุ้นชินชามาแต่หลัง
ทั้งรักโลภ โกรธหลงปนชิงชัง
ระไวระวังยังพลั้งพลาดแทบขาดใจ
...มองผู้คนมากมายคล้ายไม่เห็น
ผู้ที่เป็นดวงจิตชีวิตได้
ก็บ่อยครั้งหลั่งน้ำตา...สาแก่ใจ
จะโทษใครหากไม่ใช่ใจเธอเอง
...ริมฝั่งน้ำ น้ำไหวไล้ลมลูบ
ภาพฝันวูบรำลึกไปไร้รีบเร่ง
ณ ที่นี้เพลงฝันเคยบรรเลง
มาอวดเก่ง...แข่งกัน...ฉันจะเป็น
...น้อยสร้างฝันสวยหรูสู่อนาคต
อย่างงามงดสุขสบายไร้ทุกข์เข็ญ
พร้อมทุกอย่างเงินทองของจำเป็น
ฉันจะเด่นเป็นตุ๊กตาดาราทอง
...ก้องวาดหวังอนาคตอันสดใส
ผู้ยิ่งใหญ่กว่าใครในทั้งผอง
เป็นนายก...ปกประเทศทั่วเขตครอง
สิ่งหมายปองของเขาเนานิรันดร์
...เสร็จภาพฝันวาดไว้ไม่เหนื่อยล้า
วิ่งไขว่คว้าผีเสื้อมากเหลือนั่น
หลากสีสันบินกล้าท้าตะวัน
จากวันนั้นถึงวันนี้...มีสิ่งใด
...เธอเหม่อมองริมฝั่งน้ำจนค่ำแล้ว
ดาววับแววแต้มฟ้ามาไหวไหว
ระยิบระยับทักดาวพราวฟ้าไกล
จำได้ไหมดาวเอ๋ยเคยชี้ชม
...เธอวาดฝันวัยเยาว์ด้วยเขลานัก
เพิ่งประจักษ์ฝันสลายใจขื่นขม
โลกนี้เพียงมายามากล่อมกลม
ใครเพาะบ่มอธรรมมานำทาง ?
...บนถนนสายนี้คลุกคลีฝุ่น
เธออยากหนุนวัยเยาว์เนาฟ้ากว้าง
กับความฝันทางไกลใกล้จืดจาง
ต้องสะสาง..สิ่งใดใครบอกที.
......................................................
......................................กิตติกานต์.
17 เมษายน 2552 21:23 น.
กิตติกานต์
...ฟ้าโปร่งใส ดาวสุกแสง แห่งคืนนี้
ก็มากมีแรงฤทธิ์ความคิดถึง
ด้วยตระหนักรักแน่นแสนตราตรึง
หนึ่งใจซึ่งคอยห่วงใยแม้ไกลกัน
...คำอำลาซ่อนเสียงเคียงความสุข
เสมือนหนึ่งเธอปลุกให้ได้รับขวัญ
ดิ่งฤดีใต้รัตติกาลนานนิรันดร์
แล้วเสกสรรค์ความสงบของภพใจ
...หยุดเรื่องราววุ่นวายในชีวิต
กล่อมดวงจิตด้วยรักจักหลับใหล
นิทรานี้มีแสงดาวพราวอำไพ
หริ่งเรไรขับกล่อมยอมจำนน
...ให้ราตรีสีชมพูดูอ่อนหวาน
ห่มดวงมานคนไกลในทุกหน
สรรพสิ่งไร้เสียงเพียงยินยล
สู่กมล...ราตรีสวัสดิ์หลับฝันดี.
...................................................
...................................กิตติกานต์.
14 เมษายน 2552 11:33 น.
กิตติกานต์
...กว่าที่ไทยจะเป็นไทยในวันนี้
ผ่านผู้พลีเลือดเนื้อเพื่อชาติได้
เอกราชมิให้ใคร...มาข่มไทย
แต่มิใช่ให้ไทย...มาข่มกัน
...บรรพบุรุษของไทยในกาลก่อน
คงหนาวร้อนปวดร้าวค่ำเช้านั้น
เมื่อเห็นไทยประหัตประหารผลาญชีวัน
แล้วแบ่งสันแบ่งสีชี้นำทาง
...มาฆ่าฟันกันเองเก่งนักหรือ
ให้โลกลือชื่อไทยไว้ปลายหาง
อยากให้ชาติถูกลดปลดระวาง
จึงทำอย่างที่เห็นกัน...ทุกวันนี้
...สิ่งที่ทำใช่เรียกว่ารักชาติ
แต่บังอาจทำลายไทยให้หมองศรี
นานาชาติคงเย้ยหยันขันสิ้นดี
สยามที่ใครชื่นชมถล่มทลาย
...ท่านเป็นทาสชาติไทยหรือใครอื่น
เขาหยิบยื่นสิ่งใดที่มีความหมาย
ท่านถึงพร้อมยอมพลีชีวีวาย
ออกมาขายความเป็นไทยในวิญญา
...ลมหายใจคนขายชาติแทบขาดสิ้น
เขาแดดิ้นยืมจมูกปลูกรากหญ้า
ปลุกระดมเหมือนท่านเขลาเบาปัญญา
ใช้เงินตราฟาดหน้าค่าซื้อใจ
...สิ่งที่ท่านขัดขวางหนทางชาติ
จนวินาศมากคำถามความสงสัย
ใครสั่งท่าน...กระหือรือลงมือไป
ท่านสะใจ...แล้วชาติไทยใครจะมอง
...อันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
หากท่านขัดเหมือนฆ่าใจไทยทั้งผอง
สามสิ่งนี้คือหัวใจไทยเราปอง
ใครหมายจ้องให้วอดวายให้บรรลัย
...ขอวิงวอนเพื่อนไทยให้ตระหนัก
เกียรติศักดิ์เลือดสยามลือนามได้
อย่าเห็นแก่เงินตรายอมค้าใจ
แล้วปล่อยให้ดัสกรย้อนบงการ
...ด้วยเลือดเนื้อเชื้อชาติไทยในชีวิต
จงตรองจิตเมื่อปฐพีสิ้นสุขศานต์
เลิกเป็นทาสผู้น่าชังอหังการ
คืนวิญญาณความเป็นไทยให้แก่ตน
...เขาอยู่ไหน...ซื้อใจท่านมาต่อสู้
เขาคือผู้เสพสุขอยู่ทุกหน
วงศ์ตระกูลพูนหนำสำราญตน
เขาใช้คน รากหญ้านำหน้าแทน
... เขาฉลาดใช้ท่านผลาญประเทศ
ดินแดนเขตย่อยยับอับอายแสน
ท่านรับจ้างก่อวุ่นวายไปทั่วแดน
ท่านคลั่งแค้นแทนเขาเราละอาย
...สำหรับกาลเวลานี้กลียุค
เขาผู้ปลุกผู้สร้างความฉิบหาย
คิดเถิดหนาประชาไทยให้ละอาย
ท่านอาจกลายเป็นผู้ฆ่ามาตุภูมิ.
...................................................................
..........................กิตติกานต์....13 เมษายน 2552.
ดีใจค่ะ...ที่ 14 เมษายนนี้...พวก" ท่าน"เริ่มเดินทางกลับบ้าน
ขอให้รักประเทศ รักชาติ ศาสนา และ ในหลวงของเราให้มากๆนะคะ....
ขอบคุณค่ะ...
11 เมษายน 2552 20:59 น.
กิตติกานต์
นานเนิ่นนาน...
ฉันเดินผ่านความฝันอันแรงกล้า
ไร้คนชี้เสนอโลกโชคชะตา
เพียงเดินฝ่าฝุ่นผงตรงหัวใจ
เจ็บและเจ็บ...
ความหนาวเหน็บมากล้นเกินทนได้
แต่ชีวิตก็ยังไม่เป็นไร
เธอเห็นไหม รอยยิ้มฉันนั้นยังมี
ถามและถาม....
ฉันเที่ยวตามจังจริงสิ่งใดนี่
ความทุกข์สุขหวานขมผสมฤดี
จนไม่อาจแยกสีแห่งหัวใจ
ตอบและตอบ...
ยังคงพอปลอบใจตนพ้นหวั่นไหว
ชีวิตนี้ปรารถนาหาสิ่งใด
จึงคว้าไขว่ไล่ฝันเสกสรรค์มา
หวั่นและหวั่น...
ในบางวันที่ฉันนั้นอ่อนล้า
ภาพที่พบสบสำเนียงเพียงมายา
ไกลเกินกว่าคว้ากอดออดอ้อนมา
รักและรัก...
เฝ้าแต่ภักดิ์เพียงเธอเสมอหล้า
มอบดวงใจหมายฝากปลายฟากฟ้า
ย้ำดาราบอกต่อเธอเพ้อทุกวัน
ห่วงและห่วง...
เธอดั่งดวงเนตรชีวิตจิตผูกขวัญ
ทุกนาทีที่ใจไกลห่างกัน
แม้ฟ้ากั้นเมฆบังยังเฝ้ารอ
ฝากและฝาก...
คิดถึงมากอยากให้รู้ไว้หนอ
ขับขานเพลงกล่อมหทัยไว้เคลียคลอ
เพื่อสานต่อความซาบซึ้งก้นบึ้งใจ
หนาวและหนาว...
จับจิตราวตัวร้อนนอนซมไข้
ใครคนนั้น วันนี้..อยู่ที่ใด
ก็ฝากใจให้ไว้ใยทำลืม...
.........................................................
.........................................กิตติกานต์.
7 เมษายน 2552 20:05 น.
กิตติกานต์
...เพลงอำลาจบลงที่ตรงนี้
เธอคนดีจับมือมั่นสัญญาไว้
ตาสบตามิต้องเอ่ยเผยความใน
ก็ผูกใจแนบแน่นแสนตราตรึง
...ข้างหลังภาพอาบสุนทรคำอ่อนหวาน
แม้เนิ่นนานอ่านคราใดใจคิดถึง
มองภาพสวยกระแสธารผ่านคำนึง
ความซาบซึ้งโอบคลุมกุมดวงมาน
...โลกของฉันทุกวันไม่เคยเศร้า
อาจมีบ้างที่ความเหงาเป็นเงาผ่าน
เพลงของเธอฝากฝังยังกังวาน
กังสดานแว่วสำเนียงคล้ายเสียงใจ
...พิรุณโรยโปรยฉ่ำค่ำคืนนี้
ขอคนดีหลับสนิทนิทราได้
แม้รัตติกาลไร้ดาวพราวอำไพ
ยังส่งใจสองฝันยังมั่นคง
...กับคำถามข้ามแดนแสนไกลโพ้น
ฟังอ่อนโยนดลใจจนใหลหลง
อ่านหลังภาพลืมอ่อนล้าพะว้าพะวง
จะซื่อตรงภักดิ์ใจไว้เพียงเธอ.
............................................................
...........................................กิตติกานต์.