24 กรกฎาคม 2552 12:09 น.
กิตติกานต์
...บินเวียนวน...ฉวัดเฉวียน
มิแปรเปลี่ยนท่วงท่าอัธยาศัย
ละเมียดกลิ่นบุปผา...หอมบาดใจ
ดูดซอนไซ้เกษรบินร่อนชม
...เจ้ารำร่ายกรีดกรายหมายอิงแอบ
สนิทแนบดอกใบไร้ขื่นขม
สวยดอกไม้...งามปีก...ฉีกอารมณ์
พระพายพรมไล้ลูบจูบลายงาม
...เมื่อยามเจ้าบินว่อนฟ้อนปีกขยับ
งดงามจับดวงจินต์ถวิลหวาม
ดุจจิตรกรวาดสีสันวันฟ้าคราม
ขยับจิตติดตาม...ข้ามบ่วงมาร
...ตระการตาสดสีผีเสื้อเอ๋ย
คงมิเคยทุกข์ท้อต่อแรงต้าน
หรือล่วงรู้...ชีวาตม์เจ้า...มิยาวนาน
จึงใช้กาล...คุ้มค่าทุกนาที
...จึ่งวาดฝันชีวีดุจผีเสื้อ
ระหว่างชีวี...ที่เหลือ...ต่อจากนี้
ตวัดปลายพู่กันมั่นฤดี
แต้มเส้นสีศิลป์สด...จรดลงใจ.
........................................................
.........................................กิตติกานต์
22 กรกฎาคม 2552 19:28 น.
กิตติกานต์
...รูปร่างฉันตอนนี้ไม่น่ารัก
รอสักพักจะสวยด้วยเฉดสี
จะไปทั่วท่องเที่ยวเดี่ยวปฐพี
อิสรเสรี...ที่อยากไป
...ตอนนี้ฉันเป็นเพียงร่าน..หนอนผีเสื้อ
ใครก็เบื่อถูกแล้วคันมันปวดได้
ผิวแตะผิวแสบร้อนอย่านอนใจ
อาจแพ้ภัยหนอนร่าน...ม่านบังตา
...เพื่อนของฉันถูกปราบเกือบราบแล้ว
เพราะมีแววทำลายไร่ในไม่ช้า
เกษตรกรเรือกสวนแท้แม้ชาวนา
เกลียดหนักหนาหนอนร่าน...พล่าผลาญไป
...ฉันเป็นร่าน...หนอนผีเสื้ออย่าเบื่อฉัน
รอคืนวันติดปีกบินหลีกได้
ก็จะสู่โลกกว้างทางวิไล
แสนไฉไลสีสันอวดด้วยลวดลาย
...เจริญวัยไปตามธรรมชาติ
อย่าซัดสาดคำพ้อต่อความหมาย
ร่านวงจรฉันเพียงผันเปลี่ยนกาย
สู่ความหมายผีเสื้ออะเคื้อเอย...
อิอิ....มองโลกแง่ดี ชีวีมีสุข..........
.................................กิตติกานต์...
19 กรกฎาคม 2552 10:43 น.
กิตติกานต์
...จะลุล่วง ไม่ล่วงลุ อยู่จนล้า
แม้แดดกล้า ลมแรง ไม่แหนงหนี
อีกท่ามกลาง สายฝน หม่นปฐพี
หนึ่งใจนี้ ยังยิ้มได้ ไม่หน่ายลา
...เธอเหนื่อยไหม ในวัน ฝันเริ่มห่าง
อย่าจืดจาง จุดหมาย อย่าหน่ายล้า
ฉันยังคง ซื่อตรง ปลงอุรา
เอื้อมไขว่คว้า ความฝัน วันเดียวดาย
...จะเหนื่อยหนัก มิท้อ ต่อชีวิต
จะลิขิต ชีวัน กลั่นความหมาย
ขอเพียงใจ เธอภักดี มิมีคลาย
เป็นสร้อยสาย คล้องสัมพันธ์ ขวัญของเรา
...วันที่โลก โศกเศร้า อย่าเหงาจิต
เพียงมิ่งมิตร ยิ้มไว้ ก็ไม่เหงา
นึกเสมอ หนทาง ระหว่างเรา
ยังแบ่งเบา เรื่องหนักหนา ห่วงอาทร
...เรามิใช่ ผู้ทุกข์ สิ้นสุขสันต์
คนมากมาย หลายหมื่นพัน ขวัญสับสน
คือตัวอย่าง ที่รู้รับ อย่าอับจน
ปลุกกมล ดวงวิญญา กล้าฝ่าไป
...เส้นทางนี้ แม้มาก หลากคมหนาม
จงนิยาม ความฝัน อย่าหวั่นไหว
ของสูงค่า คงมิมี สิ่งใดใด
ที่จะได้ มาง่าย อย่าหมายเลย.
...........................................................
...........................................กิตติกานต์
12 กรกฎาคม 2552 22:59 น.
กิตติกานต์
+++ ฉันกำลังจะเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง+++
หากความรักทำให้ใครใครตาบอด
ฉันก็คงกำลังตาบอด
ดูสิ....ใครใครก็มีความรัก
นั่นสิ...ฉันจึงเจอแต่คนตาบอด
แต่เอ...ทำไมโลกของคนตาบอด
ช่างต่างกัน
คนตาบอดบางคน
ยังอุตส่าห์สวมแว่นตาอีก
ซ้ำยังเป็นแว่นดำเสียด้วย
คนตาบอดบางคน
มีโลกงดงามแจ่มใส
คนตาบอดบางคน
มีโลกเศร้าหมอง
คุณตาบอดอยู่หรือเปล่าคะ
โลกของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?
ไหนๆเราต่างก็ตาบอดกันทั้งนั้น
ช่วยๆถนอมน้ำใจกันเถอะนะคะ
อย่าทำร้ายหัวใจกันเลย
เดี๋ยวหัวใจจะบอดด้วย....
คงแย่แน่ๆเลย
หากความรักทำให้คนตาบอด
ฉันพร้อมจะรับการรักษา
เพื่อเปิดดวงตาให้แจ่มใส
มองโลกงดงามด้วยด้วยหัวใจที่เบิกบาน...
คุณล่ะ......จะยอมรับการรักษาไหมคะ.
12 กรกฎาคม 2552 14:52 น.
กิตติกานต์
...บทกวีวลีหวานเขาขานเขียน
ฉันวนเวียนอ่านซ้ำจนจำได้
"เธอคนเดียว คือสุดท้าย ของหัวใจ
รักแค่ไหน มากกว่าทราย ในทะเล"
...ฉันยืนมองเม็ดทรายบนชายหาด
ความฝันวาดพิลาศนักมิหักเห
กอบกำทรายหมายมาดคาดคะเน
โอละเห่ค่าเท่าใดของใจชาย
...มิอาจจะคำนวณเกล็ดเม็ดทรายได้
วะวับแวมส่องใจในแดดสาย
ประดุจดั่งเพชรทองส่องประกาย
สู่ความหมายคำว่ารักภักดิ์ดวงจินต์
...จะขอเป็นแรงใจให้เธอสู้
มอบใจอยู่เคียงข้างทุกทางถิ่น
แม้นทางไกลหัวใจจะโบยบิน
ด้วยถวิลห่วงซึ้งคิดถึงจัง....
หากคืนนี้สายพิรุณมิกรุ่นกลบ
ก็จะพบห้วงดาวเล่าฝากฝัง
ใจอิงใจ อื่นอย่าเอ่ยมิเคยชัง
ขอเพียงหวังที่ห่างไกล...ใกล้เข้ามา.
..................................................................
.................................................กิตติกานต์.