23 กรกฎาคม 2554 10:47 น.
การัณยภาส
ปิดประตูสู่ฝันอันมืดมิด
ตามแต่จิตคิดวาดและคาดหวัง
คล้ายต้องมนต์กลลวงห้วงภวังค์
ด้วยใจสั่งหยั่งรากแล้วฝากไป
เพียงก้าวเดินเหินห่างวางสำนึก
ปิดผนึกลบเลือนสิ่งเคลื่อนไหว
เป็นรอยทางพรางเงาเข้าสู่ใจ
เห็นโลกใหม่แช่มชื่นล้วนรื่นรมย์
แม้นยินดีปรีดิ์เปรมเกษมซ่าน
เสพสำราญนานเนิ่นเกินสุขสม
ตามรอยฝันครรลองปองภิรมย์
มิอาจล้มความจริงสิ่งผันแปร
เรามั่นใจในฝันเช่นนั้นหรือ
ทุกสิ่งคือความงามตามกระแส
ตื่นจากฝันวันเดียวใครเหลียวแล
ด้วยจริงแท้แค่เราเฝ้าตัวตน
มองด้วยตาพาซื่อคือจุดหมาย
ใช่ทำลายความคิดจิตสับสน
เพียงแหวกม่านผ่านเงาที่เข้าชน
เพื่อโผล่พ้นกลลวงห้วงฤดี
เปิดประตูสู่ฝันอันสว่าง
เติมที่ว่างกลางใจไร้แสงสี
ประดุจเงาเบาบางพร่างทวี
มิได้มีคุณค่าเหนือกว่าตน
18 กรกฎาคม 2554 02:23 น.
การัณยภาส
สำนวนไทยสอนไว้ในเรื่องคู่
ควรคิดดูรู้แจ้งแถลงไข
ตามตรึกตรองมองซึ้งถึงเนื้อใน
จดจำไว้ใจความนิยามมี
ชายกับหญิงจริงแท้แน่ในรัก
ผูกสมัครฝักใฝ่ไม่หน่ายหนี
สานสัมพันธ์มั่นใจในไมตรี
ชีวิตนี้เริงรื่นชื่นอุรา
มือที่สามตามติดคิดกลั่นแกล้ง
เร่าร้อนแรงหลงผิดริษยา
โปรยเสน่ห์เล่ห์ลวงบ่วงมารยา
เยาะเย้ยฟ้าท้าลมสมฤทัย
เมื่อสำเร็จเสร็จสิ้นกินความชั่ว
มิได้กลัวบาปกรรมที่ทำไว้
มุมานะเฝ้ารอ"แย่ง"ต่อไป
มือฉันใหญ่ได้คว้าเอามาครอง
พอสังคมรู้เข้าจึงเฝ้าด่า
ประณามว่าบาปนั้นพลันสนอง
ยังแก้ตัวรัวร่ำน้ำตานอง
แล้วป่าวร้องเสแสร้งไม่แย่งใคร
ปีนต้นงิ้วในนรกต้องตกต่ำ
ด้วยเวรกรรมซ้ำทับเกินรับไหว
มือสองข้างตบกันจึงบรรลัย
ตบข้างเดียวก็ดังได้ถ้าใจทราม