11 เมษายน 2551 02:20 น.
การัณยภาส
เธอนั้นหรือ คือพลอย เม็ดน้อยนิด
พลอยเม็ดเล็ก กระจิริด ติดใจฉัน
พลอยเช่นเธอ เลอล้ำค่า กว่าทุกอัน
พลอยเช่นเธอ เท่านั้น ที่ฉันดู
แม้เป็นพลอย มิใช่เพชร แต่เด็ดกว่า
ทอแสงมา พริ้งเพริศ งามเลิศหรู
พลอยเนื้อดี มีคุณค่า น่าเชิดชู
พลอยเช่นเธอ ควรคู่ ประดับใจ
20 มีนาคม 2551 03:39 น.
การัณยภาส
ไปเที่ยวผับ กลับดึกดื่น ตื่นไม่ไหว
ทั้งร้องรับ เต้นสลับไป หลายร้อยหน
ถึงบ้านแล้ว นอนเร็วรวด ไม่สวดมนต์
ไม่สังหรณ์ ไม่ฉงน จนเจอดี
กำลังฝัน ว่าเห็นงู เนื้อคู่ทัก
เลื้อยเข้ามา พูดว่ารัก ช่างสุขศรี
หากเสียงร้อง ที่ก้องมา ดังหลายที
ทำฉันนี้ สะดุ้งตื่น ขึ้นทันใด
คอยเงี่ยหู ดูลาดเลา เสียงเป่าร้อง
ดังหวีดก้อง ร้องโหยหวน ชวนหวั่นไหว
หนาวสะท้าน ผ่านเข้าตัว ขั้วหัวใจ
ใครหนอใคร มาร้องร่ำ ทำฉันกลัว
ดึกป่านนี้ ยังมีเสียง สำเนียงประหลาด
ดังซู้ดซ้าด ผ่านกำแพง แสงสลัว
ใจสับสน ขนลุกตั้ง ไปทั้งตัว
คว้าสร้อยพระ มาสวมหัว กลัวผีมา
เขย่าขวัญ สั่นประสาท ขยาดจิต
แต่ยังคิด อยากรู้เห็น เป็นนักหนา
จึงไล่เลียง ตามเสียงนี้ จากที่มา
แล้วแนบหน้า ส่องตาดู รูกำแพง
คนข้างห้อง ร้องครวญคราง พลางระริก
เสียงกระซิก ดังลอดล่อง ตามช่องแสง
โอ้ละหนอ พอเห็นแล้ว สิ้นเรี่ยวแรง
หายคลางแคลง เธอเมคเลิฟ กับแฟนเธอ
12 มีนาคม 2551 02:07 น.
การัณยภาส
คือความงาม อันล้ำเลิศ ประเสริฐยิ่ง
ล้วนทุกสิ่ง ถูกสรรค์สร้าง อย่างหรูหรา
ประดับพลอย กลอยแก้วเก็จ เพชรรัตน์ดารา
ทรงคุณค่า ประทับไว้ ในวิมาน
ดั่งความรัก ปักในจิต คิดฝันเฟื่อง
อร่ามเรือง แรงรุ่งโรจน์ โชติช่วงฉาน
หลงยึดมั่น ในรักนั้น นานแสนนาน
ลิ้มรสหวาน ปานน้ำผึ้ง จนซึ้งใจ
สร้างวิมาน ประสานฝัน บนชั้นฟ้า
สูงสุดหล้า นภากว้าง สว่างไสว
เป็นพยาน แห่งรักมั่น สวรรคาลัย
แสนยิ่งใหญ่ เกินจะนับ ประทับทรวง
เพียงเศษเสี้ยว เฉลียวจิต สักนิดไม่
วิมานใจ ที่โลดแล่น บนแดนสรวง
โฉมสคราญ งามจริงแท้ แค่ลมลวง
ทลายร่วง บ่วงพิศวาส ตัดขาดกัน
ดั่งความรัก ที่เลิศลอย นั้นคล้อยเคลื่อน
วิมานเลื่อน ให้เตือนจิต หยุดคิดฝัน
ลอยละลิ่ว ปลิวสลาย มลายพลัน
ขาดสะบั้น วันแสนหวาน วิมานลอย
21 กุมภาพันธ์ 2551 20:52 น.
การัณยภาส
เสียงธารา รินไหลหลั่ง ดังเรื่อยเปื่อย
บรรเลงเพลง อันเนิบเนือย ไพเราะหู
วิหคร้อง ดังก้องป่า ลืมตาดู
มวลแมกไม้ กระตู้วู้ เล่นลู่ลม
สัตว์น้อยใหญ่ โยกย้ายเยื้อง อยู่เบื้องล่าง
ร่วมสรรค์สร้าง ให้ชีวี นี้สุขสม
ขับดนตรี ระริกระรื่น น่าชื่นชม
จากโคลนตม พ้นสู่ดิน ไปบอกดาว
ธรรมชาติ แห่งพื้นล่าง ช่างต่ำต้อย
ดินใจน้อย คอยรักร้าง อย่างหงอยเหงา
จึงบรรเลง กล่อมเพลงรัก ไปฝากดาว
ผ่านลมหนาว ที่เป่าพัด สะบัดไป
เมื่อสิ้นแสง แห่งอรุณ อันอุ่นหล้า
อรุโณทัย ได้คลาดคลา ลับลาหาย
ทิ้งเนื้อดิน ปนหินก้อน นอนเกลือกทราย
ทุรนทุราย ไม่คลายเจ็บ หนาวเหน็บทรวง
โอ้ดารา ลอยเด่นฟ้า จะรู้ไหม
ระยิบระยับ ประทับใจ ในแดนสรวง
อยากเอื้อมคว้า มาคู่เคียง เพียงหนึ่งดวง
แต่ไฉน ดาวจะร่วง มาห่วงดิน
ธรรมชาติ แห่งพื้นบน มิสนรัก
ห่างเหินนัก รักต่ำต้อย น้อยถวิล
ทั่วผืนฟ้า นภากว้าง ทิ้งขว้างดิน
มลายสิ้น แล้วจริงหนา ดอกฟ้าราตรี
แม้นตะวัน ได้ผันขึ้น ทุกหย่อมหญ้า
ส่องแสงมา พาอุ่นใจ ไม่หน่ายหนี
จึงได้เห็น พสุธา คู่มาลี
ดารานี้ ได้ลอยลับ ดับแสงไป
เสมือนหนึ่ง ภาพชวนฝัน พลันสูญสิ้น
สูงคือดาว ต่ำคือดิน เกินคว้าไหว
รักแสนรัก ร้างแสนร้าง เพราะห่างไกล
หวังสลาย ทลายสิ้น ดินเอื้อมดาว
17 กุมภาพันธ์ 2551 20:44 น.
การัณยภาส
วาเลนไทน์ในปีนี้ช่างดีนัก
เธอบอกรักกับฉันแล้วอย่างแหววหวาน
แม้น้ำผึ้งถึงลองลิ้มชิมน้ำตาล
ก็ไม่หวานเท่ารักนี้ที่พูดมา
หนึ่งหัวใจใสสะอาดที่มอบให้
แทนความรักทั้งดวงใจใยเสน่หา
เป็นกุ๊กกิ๊กเสียงปิ๊งปั๊งดังเรื่อยมา
แสนสดชื่นรื่นอุราทุกคืนวัน
เฝ้าเพาะปลูกกุหลาบแดงสีแรงฤทธิ์
เพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจเธอให้ฉัน
แต่ที่ให้ในฐานะคู่รักกัน
คือคำมั่นและสัญญาตลอดไป
วาเลนไทน์ในปีนี้ช่างดีนัก
เธอและฉันมีความรักอันสดใส
เป็นรักแรกแต่รักแท้และจริงใจ
กุหลาบไหนก็แพ้ราบกุหลาบเธอ
ทางสายรุ้งพยุงรักมักหวานฉ่ำ
ช่วยประคองทุกก้าวย่ำสม่ำเสมอ
เป็นพยานแห่งรักนี้ที่พบเจอ
ฉันและเธอมีสุขสันต์วาเลนไทน์