14 กรกฎาคม 2551 22:46 น.
การัณยภาส
ยินสำเนียง เสียงร้องครืน บนผืนฟ้า
ลั่นลงมา พาฤทัย ให้ถวิล
สู่ปลายทาง ถึงคนหนึ่ง ซึ้งดวงจินต์
จนด่าวดิ้น เกือบแดดับ ลับชีพไป
หยาดพิรุณ กรุ่นกลิ่นโชย โปรยปรายร่วง
เหมือนความห่วง คำนึงคิด รินรดไหล
หยดน้ำตา พาเอ่อล้น ถึงคนไกล
แม้ใจใกล้ แต่กายห่าง ช่างตรอมตรม
หรือเทวา บนฟ้าโน้น มาโปรดแล้ว
ให้คลาดแคล้ว จากอาราม ความขื่นขม
หลุดจากบ่วง ความห่วงหา เล่ห์อารมณ์
ที่เคยล้ม ได้ลุกยืน ฝืนเดินไป
แม้มีรัก จักต้องพลาด จนบาดเจ็บ
เพียงแต่เก็บ เป็นความรู้ ดูเลื่อมใส
คอยศึกษา ตำราคน ผ่านพ้นไป
เริ่มต้นใหม่ ด้วยใจแข็ง แกร่งขึ้นมา
คิดให้รู้ ดูให้เห็น เป็นเช่นนี้
สวรรค์มี ที่สื่อรัก มากนักหนา
แม้ใจคน หม่นมืดดำ เจ็บช้ำมา
แต่สวรรค์ ยังเห็นค่า ความเป็นคน
21 เมษายน 2551 00:38 น.
การัณยภาส
ห้วงนิทรา พาเคลื่อนคล้อย ลอยหลับใหล
ล่องลิ่วไป ในแดนดิน ถิ่นเมืองฝัน
จากภพหนึ่ง ถึงภพหน้า วิลาวัณย์
ตามจิตมั่น ที่สรรค์สร้าง แพรวพร่างพราย
ด้วยภวังค์ สั่งชีวิต สถิตอยู่
สำนึกรู้ ดูเหมือนจริง สิ่งทั้งหลาย
ธารน้ำทิพย์ ระยิบระยับ สลับลาย
เห็นรุ้งฉาย สายโค้งพาด คาดนที
มวลพฤกษา พาสะพัด สะบัดไหว
กวัดแกว่งไกว พิไลพิศ วิศิษฏ์ศรี
บุปผชาติ ปราศมลทิน กลิ่นมาลี
สกุณี รี่ร่ำร้อง บินร่อนมา
ดั่งพิมาน สถานเทพ เสพสุขสร้าง
ใช่อ้างว้าง อย่างสิงสู่ ในคูหา
หวนหอมกรุ่น ละมุนนิ่ม พิมมาลา
ท่องทั่วหล้า มายาฝัน วันภิรมย์
17 เมษายน 2551 00:49 น.
การัณยภาส
เหมือนลิขิต จากสวรรค์ บันดาลให้
สองหัวใจ ได้ครองรัก สมัครสมาน
ร่วมร้อยเรียง เคียงคู่ขวัญ ทุกวันวาร
เป็นหลักฐาน พยานรัก ปักฤดี
จึงผูกดวง เป็นบ่วงเล่ห์ เสน่ห์รัก
ทำนายทัก รักมิคลาด สวาทศรี
แม้นคืนวัน นั้นผันผ่าน เนิ่นนานปี
หากรักนี้ ยังคงอยู่ มิรู้คลาย
แต่เพรงกรรม ที่ทำไว้ ในปางก่อน
ได้คืนย้อน หมุนศรรัก หักสลาย
ต้องเจ็บช้ำ จำปวดแปลบ แทบวางวาย
เหมือนใจกาย มลายแล้ว ดวงแก้วตา
เมื่อสิ้นบุญ ช่วยหนุนนำ ค้ำจุนไว้
ดวงฤทัย ไร้รักเร่ เสน่หา
เวียนบรรจบ พบเพื่อพราก แล้วจากลา
ต้องรินรด หยดน้ำตา แสนอาลัย
แม้นเราสอง ต้องไกลห่าง ร้างรารัก
ขอสลัก ปักจิตมั่น มิหวั่นไหว
ยังซาบซึ้ง ติดตรึงทรวง ห้วงหทัย
เสน่หา รอยอาลัย ให้สองเรา
15 เมษายน 2551 17:48 น.
การัณยภาส
มีชายหนุ่ม หน้าตี๋หล่อ มาขอจีบ
แสนเร็วรีบ ชวนเดทกัน ในวันเสาร์
ช่างมีลุ้น บุญกุศล หล่นทับเรา
รีบเดินเข้า ห้างชื่อดัง เพื่อสั่งจอง
ซื้อรองเท้า เป็นส้นตึก นึกสนุก
เย็บฝังมุก ดูสวยใส ไม่เป็นสอง
สีส้มแสด แปร๊ดจับใจ ไม่เป็นรอง
เดินช่ำชอง เพราะขาเรียว เพรียวเกินใคร
วันออกเดท มาถึงแล้ว พ่อแก้วขวัญ
เดินมาดมั่น เพราะฉันสวย ชวนหวั่นไหว
ดูโก้เก๋ เสน่ห์รวย อย่างหมวยไทย
นางแบบใด ก็แพ้ราบ ไม่ทาบเทียม
แต่ส้นตึก สูงสี่นิ้ว ต้องนิ่วหน้า
น่องเริ่มล้า ขาเริ่มเมื่อย เลยเจี้ยมเจี๋ยม
ปวดตุบตุบ ยุบพองหนอ เพราะไม่เจียม
ช่างโหดเหี้ยม เปี่ยมด้วยทุกข์ หมดสุขกัน
แล้วที่ร้าย ต้องขายหน้า พาอับเฉา
รองเท้าเรา ดันพลิกคว่ำ ซ้ำหน้าหัน
ทำพายไก่ ป้ายหน้าเขา อย่างเมามัน
ราดน้ำปั่น และไอติม ทิ่มหัวเลย
นี่คือเดท ประเภทไหน ใครรู้บ้าง
ช่วยตอบมั่ง ทั้งถูกผิด คิดเฉลย
เพราะส้นตึก ทำแสบมา อย่าละเลย
รองเท้าเอ๋ย ทำเราช้ำ ระกำใจ
12 เมษายน 2551 01:49 น.
การัณยภาส
กลิ่นหอมหวาน ปานประหนึ่ง น้ำผึ้งป่า
ล่องลอยมา พาฤทัย ให้ถวิล
อุ่นอบอวล ชวนชมชื่น รื่นระริน
ทั่วแดนดิน ถิ่นเมืองฟ้า พนาไพร
ดั่งต้องมนต์ บนสวรรค์ อันล้ำเลิศ
แสนบรรเจิด เพริศแพร้วยิ่ง กว่าสิ่งไหน
โชยชุ่มฉ่ำ หยดน้ำค้าง พรางอำไพ
ชะโลมใจ ให้สุขสม ภิรมย์ปอง
ลิ้มรสเลิศ ประเสริฐแท้ แลฉะนั้น
ติดตรึงมั่น พันผูกไว้ ไม่เป็นสอง
น้ำผึ้งหวาน ซาบซ่านลิ้น คิดจับจอง
หวังได้ครอง ลองให้ซึ้ง จนถึงใจ
เมื่อยาพิษ ออกฤทธิ์ร้าย ทำลายชีพ
ดวงประทีบ แห่งชีวัน สนั่นไหว
พิษซึมเข้า แผดเผาร้อน บ่อนทำลาย
กว่าจะรู้ ก็เมื่อสาย จนวายชนม์
ดั่งต้องสาป บาปชีวิต ลิขิตไว้
จนฤทัย ไร้สิ้นสุข ทุกแห่งหน
แม้นชีพดับ อับวิญญาณ พาลมืดมน
ยังไม่พ้น วิบากกรรม ที่ทำมา
เมื่อชอกช้ำ พิษน้ำผึ้ง เข้าถึงจิต
จึงได้คิด รู้ชั่วดี ฉะนี้หนา
ลิ้มรสหวาน สำราญรื่น ชื่นอุรา
จึงรู้ว่า คือยาพิษ ติดโทษทัณฑ์