22 ธันวาคม 2553 03:53 น.
การัณยภาส
คำหนึ่งคำยิ่งใหญ่ในใจนี้
เป็นคัมภีร์แห่งรักในอักษร
จึงเฝ้าเพียรเขียนย้ำในคำกลอน
ทุกบทตอนเนื้อคู่อยู่ในใจ
หนึ่งคู่บุญคู่แท้แต่ปางก่อน
ได้ถือหมอนนอนเตียงร่วมสมัย
เพราะทำบุญหนุนนำค้ำจุนไป
เกิดชาติใดได้อยู่เป็นคู่กัน
สองคู่สร้างคู่สมภิรมย์ยิ่ง
ผูกสมัครรักจริงเป็นมิ่งขวัญ
เพราะก่อร่างสร้างเสริมเติมแต่งกัน
ด้วยกุศลผลนั้นพลันตามมา
สามคู่พลัดคู่พรากจำจากแยก
หนทางแตกชอกช้ำระกำหนา
เพราะเคยขวางทางคู่ผู้อื่นมา
จึงร้างราพรากพลัดตัดใจตน
สี่คู่เวรคู่กรรมร่วมทำไว้
แต่ปางใดนั้นเถิดบังเกิดผล
เพราะพันผูกกรรมเวรเป็นวังวน
ต้องมืดหม่นอับเฉาเศร้าฤทัย
ห้าคู่ล้างคู่ผลาญระรานจิต
มิใช่เป็นคู่มิตรพิสมัย
เพราะบาปชั่วมั่วสุมรุมหทัย
เกินอภัยไร้สุขต้องทุกข์ตรม
แล้ววันนี้มีเห็นเช่นเนื้อคู่
จงคิดดูตรองไว้ให้เหมาะสม
แม้นเลือกเฟ้นเน้นงามตามนิยม
จักขื่นขมรับรู้เพราะคู่เรา
17 ธันวาคม 2553 03:16 น.
การัณยภาส
ธรรมชาติสร้างสรรค์บรรเจิดแท้
เป็นของแน่น่าดูชายคู่หญิง
คือคำมั่นสัญญาว่ารักจริง
ไม่ทอดทิ้งเหินห่างให้ร้างรา
ขอตั้งจิตคิดฝันรักฉันนี้
เพียงแค่มีเธอไว้ไม่โหยหา
แม้เธอเป็นฟากฟ้าท้องนภา
ฉันขอเป็นเมฆาชมหน้ากัน
หากเธอเป็นก้อนหินบนดินพื้น
ฉันขอยืนเป็นหญ้าพาสุขสันต์
แม้เธอเป็นพราวพร่างอย่างดวงจันทร์
ตัวฉันนั้นเป็นดาวพราวราตรี
หากเธอเป็นตะวันอันอบอุ่น
ฉันขอลุ้นเป็นเช่นรุ้งเจ็ดสี
แม้เธอเป็นมัจฉาในวารี
ตัวฉันนี้เป็นปูเคียงคู่ใจ
หากเธอเป็นผ้าเหลืองเรืองอร่าม
ฉันขอตามธรรมะน่าเลื่อมใส
เป็นหนังสือสวดมนต์ท่องบ่นไป
เจริญได้ด้วยจิตมิตรปัญญา
หากเธอเป็นนิ้วโป้งอันโข่งอ้วน
ฉันขอชวนนิ้วชี้ที่ใฝ่หา
เป็นสองนิ้วบรรจงจีบลงมา
มีคุณค่างดงามยามฟ้อนรำ
หากเธอเป็นเช่นช้อนตักป้อนข้าว
มีด้ามยาวจับชิมให้อิ่มหนำ
ฉันขอเป็นเช่นส้อมคอยน้อมนำ
เพื่อตอกย้ำรักแท้มิแปรไป
หากเธอเป็นเรือนแหวนแทนใจรัก
ผูกสมัครรักมั่นมิหวั่นไหว
ฉันขอเป็นนิ้วนางทางหัวใจ
เพื่อเธอนี้สวมใส่ได้ทุกวัน
ธรรมชาติสร้างมาน่าประเสริฐ
ทุกสิ่งเกิดเช่นเฉกเราเสกสรร
ขอเรานี้มีอยู่เป็นคู่กัน
เธอและฉันคงมั่นนิรันดร
11 พฤศจิกายน 2553 13:48 น.
การัณยภาส
เพลงนิทรามาเยือนเตือนในจิต
กล่อมความคิดจนซึ้งถึงหลับใหล
ด้วยอิ่มเอิบเคลิบเคลิ้มในฤทัย
จึงลอยล่องท่องไปในพริบตา
เพียงวูบเดียวเลี้ยวสู่ประตูภพ
มาบรรจบกว้างไกลเกินใฝ่หา
เป็นหนึ่งห้วงนิมิตติดตรึงตรา
รอยมิติโลกหน้ามาพบกัน
เป็นเรื่องจริงหรือภวังค์เกินหยั่งรู้
หากมองดูนั้นทึ่งประหนึ่งฝัน
เฉิดเฉลาเพราพริ้งทุกสิ่งอัน
คล้ายโลกนั้นคือห้วงแห่งบ่วงกาล
ลอยละลิ่วปลิวไปในนิมิต
ตามแต่จิตคิดรับจับประสาน
ท่องทั่วหล้าพาฝันอันโอฬาร
ลิ้มรสหวานซ่านซึ้งถึงฤดี
ด้วยปรุงแต่งแปลงปั้นอย่างบรรเจิด
เป็นความงามล้ำเลิศประเสริฐศรี
หนึ่งนิมิตนิทรายามราตรี
ผ่านภพนี้ภพหน้ามาเยี่ยมเยือน
แม้นมีใครคนหนึ่งซึ่งซ่อนอยู่
อาจไม่รู้ดูจริงสิ่งเสมือน
แต่ใครเล่าเฝ้าหาจนพร่าเลือน
คอยย้ำเตือนคิดถึงก้นบึ้งใจ
เราเดินหลงงงทางในมิติ
หรือทิฐิขวางกั้นจนหวั่นไหว
จึงอำพรางห่างเหินมองเมินไป
สิ่งซุกไซร้ในจิตคิดวกวน
ห้วงนิมิตนิทราลับลาแล้ว
จึงคลาดแคล้วผู้นั้นให้สับสน
เป็นหลุมเงาเข้าลึกถึงตัวตน
ใครบางคนซ่อนไว้ในหทัย
27 ตุลาคม 2553 01:48 น.
การัณยภาส
เสียงฟ้าร้องครืนครืนนับหมื่นครั้ง
ฝนพรูพรั่งหลั่งไหลไม่ขาดสาย
น้ำท่วมป่าหนาหนักทะลักทลาย
ถิ่นบ้านเรือนวอดวายสลายพัง
เห็นน้ำท่วมหลังคาน่าหดหู่
เรารับรู้ผู้คนหม่นสิ้นหวัง
ไร้อาหารผ่านท้องรองประทัง
เพื่อชีพยังหยูกยาหาได้มี
เพื่อนพี่น้องชาวไทยได้รับทุกข์
สิ้นความสุขทุกข์ยากอยากหน่ายหนี
ด้วยเคราะห์ซ้ำกรรมซัดตัดชีวี
เหมือนชีพนี้หมดบุญที่หนุนมา
เราสงสารเห็นใจในผองเพื่อน
ไม่ลืมเลือนใส่ใจในปัญหา
เหมือนผู้พายเรือน้อยด้อยปัญญา
แต่เห็นค่าผู้ว่ายแหวกนที
จงอดทนเข้มแข็งกล้าแกร่งไว้
สู้ด้วยใจในรักและศักดิ์ศรี
เป็นมนุษย์สุดแท้แต่กรรมมี
เราน้องพี่ชาวไทยไม่ทิ้งกัน
จึงร่วมแรงร่วมใจในยามยาก
แม้ลำบากยากไร้ไม่แปรผัน
เราเอื้อเฟื้อเจือจานทุกวารวัน
ช่วยเหลือกันรู้รักสามัคคี
หยดน้ำใจใสขาวที่เราหลั่ง
คือพลังสร้างสุขขับทุกข์หนี
ต่างเกื้อหนุนจุนเจือเผื่อไมตรี
ในวันนี้วันหน้าไม่คลาดครา
ขอกราบกรานผ่านพระทั่วทุกเขต
เพื่อประเทศและชาติศาสนา
เป็นมงคลมิ่งขวัญและปัญญา
ฝนก่อนฟ้าระรานให้ผ่านไป
ความทุกข์ยากตรากตรำมืดดำพ้น
ฟ้าหลังฝนปรากฎแสนสดใส
เพียรยึดมั่นพระธรรมนำจิตใจ
กรรมเกิดได้ดับได้ด้วยใจตน
24 ตุลาคม 2553 00:17 น.
การัณยภาส
ความคู่ควร ควรคู่ ดูแน่แท้
ดีหรือแย่ หากรักมา สมราศรี
เหมือนภมร เฝ้าอยู่ คู่มาลี
ดั่งกิ่งทอง ใบหยกนี้ ที่คู่กัน
แม้เป็นเพียง ดอกไม้ ใช่ดอกฟ้า
แต่ใบหญ้า อย่างเธอ ยังมองฉัน
เหมือนโลงผุ กับผีเน่า เท่าเทียมกัน
คือวาจา แดกดัน เขาลั่นมา
แม้เป็นเพียง ดอกไม้ สกปรก
ที่เกะกะ ระรก พระศาสนา
ไม่ควรคู่ สักการะ และบูชา
แต่ใบหญ้า ยังรัก และชื่นชม
แม้เป็นเพียง ดอกไม้ กลีบบอบช้ำ
เขาเหยียบย่ำ ซ้ำซาก จนสาสม
แต่ใบหญ้า ยังปัดป้อง รองฝนลม
เพื่อเพาะบ่ม ให้ฉัน นั้นงอกงาม
เขาตราหน้า ว่าเป็นดอก ดัดจริต
ไร้ความคิด ติดเสนียด น่าเหยียดหยาม
ไม่ควรคู่ อยู่ประดับ วัดอาราม
เดี๋ยวความชั่ว เลวทราม จะตามไป
เขาดูแคลน ใบหญ้า ว่าต่ำต้อย
ศักดิ์ศรีน้อย ด้อยค่า น่าเสือกไส
หมิ่นประมาท บาดหู อยู่ร่ำไป
ก็อดทน อดกลั้นไว้ ได้ทุกวัน
ฉันกับเธอ คือดอกไม้ กับใบหญ้า
ที่ผู้คน ก่นด่าว่า จนแสบสัน
เหมือนหมามุ่ย ดอกตำแย แย่พอกัน
ดั่งผีเปรต นรกปั้น สรรค์สร้างมา
ดีหรือชั่ว ตัวเรา เท่านั้นรู้
แม้ใครดู ถากถาง อย่างแมวหมา
เป็นดอกไม้ ไร้ค่า เสื่อมราคา
อีกใบหญ้า น่าฉีกทึ้ง ดึงจมดิน
แม้ฝูงชน คนประณาม ว่าทรามต่ำ
เราชอกช้ำ ไม่เหมือนมีด ที่กรีดหิน
หลั่งน้ำตา มาร้อยครั้ง ยังมลทิน
ไม่หมดสิ้น เวรกรรม ที่ทำมา
ขอตั้งจิต อธิษฐาน ตรงลานวัด
บุญไม่ขัด ปัดบาปชั่ว ทั่วทิศา
เพียรยึดมั่น อานิสงส์ องค์ศาสดา
เพื่อดอกไม้ กับใบหญ้า พาสุขใจ