5 ธันวาคม 2554 02:36 น.

พ่อพระของชีวิต

การัณยภาส


หนึ่งดวงใจได้เกิดกำเนิดแล้ว
เป็นลูกแก้วนัยน์ตามาโปรดขวัญ
เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูกัน
จากวันนั้นถึงวันนี้ที่ล่วงมา

ชีวิตน้อยเติบใหญ่ในมือพ่อ
ไม่ย่อท้อฟูมฟักรักหนักหนา
แม้นลำบากยากไร้ในชีวา
ไม่เคยว่าพร่ำบ่นอดทนจริง

ด้วยโลกนี้มีกรรมนำวิบาก
ต้องตรำตรากมากน้อยคอยสู่สิง
พ่อคือพระนำใจได้พักพิง
ไม่ทอดทิ้งนิ่งอยู่หรือดูดาย

แม้นลูกนี้อับจนหนทางสู้
ใช่รอบรู้หรูเลิศลอยเฉิดฉาย
พ่อค้ำจุนหนุนไว้ให้สบาย
ที่เลวร้ายกลายดีทุกวี่วัน

แม้นล้มลุกคลุกคลานนานเนาจิต
ยังรู้คิดเข้มแข็งมีแรงฝัน
ด้วยพ่อนี้มีรักคอยผลักดัน
ช่วยปลุกปั้นเรี่ยวแรงแห่งตัวตน

สำนึกรู้ชั่วดีที่พ่อสอน
เป็นดั่งพรทอนไว้ให้ฝึกฝน
คือธรรมะชนะผ่านมารผจญ
ได้รอดพ้นต้นเหตุกิเลสภัย

ด้วยพระพุทธพระธรรมนำดวงชีพ
เหมือนประทีปเรืองรองส่องไสว
บุญคุณพ่อเหนือฟ้ายิ่งกว่าใคร
พระในใจเลิศล้ำนำปัญญา

แล้วชีวิตจิตมั่นของฉันนี้
ยกความดีเพื่อชาติศาสนา
ขอกราบไหว้สักการะบูชา
ให้บิดาสุขสมอารมณ์ปอง

ดั่งร่มโพธิ์ร่มไทรในชีวิต
น้อมนำจิตสดใสไม่มัวหมอง
เทิดทูนไว้ล้นหลามตามครรลอง
เป็นพ่อพระเมืองทองของแผ่นดิน
				
1 ธันวาคม 2554 02:36 น.

ฉันไม่ได้รักเธอ

การัณยภาส


เธอคือชายด้อยค่าราคาต่ำ
ฉันตอกย้ำในใจไว้เสมอ
เพียงสามคำสั้นสั้นฉันเกลียดเธอ
แต่ยังเผลอเพ้อถามมองตามไป

เธอเอียงอายทายทักพยักหน้า
ส่งยิ้มมางามงดดูสดใส
ฉันยิ้มตอบฝืนทำแบบจำใจ
แต่ข้างในไหวหวั่นและสั่นรัว

เธอเสียฟอร์มยอมทนเป็นคนขลาด
ฉันวางมาดนางฟ้ามาเหนือหัว
ดูแรงฤทธิ์พิษสงจงเกรงกลัว
แต่หดตัวเสียใจที่ได้ทำ

เธอสำเหนียกเรียกตนว่าคนบ้า
ฉันวางท่ายิ้มเยาะหัวเราะขำ
เหมือนมองผีอีกาหน้าตาดำ
แต่ร้องร่ำเจ็บปวดรวดร้าวใจ

เธอเจียมตนทนสู้ดูทุกสิ่ง
เป็นคนจริงนอบน้อมยอมรับไหว
ฉันเป็นหงส์ทรงค่าสูงกว่าใคร
แต่ในใจใคร่อยู่เคียงคู่กัน

เธออ่อนเพลียเสียใจไม่เคยบ่น
เฝ้าอดทนทุกเมื่อเพื่อสร้างฝัน
เกมครั้งนี้มีหัวใจเป็นเดิมพัน
ฉันเท่านั้นคือที่สุดจุดหมายปอง

ได้ตระหนักรักแท้ก็แพ้พ่าย
เมื่อเธอตายเคราะห์ซ้ำกรรมสนอง
ลมหายใจไร้ฝันตามครรลอง
ฉันเรียกร้องไขว่คว้าหาไม่เจอ

นางพญาวันนี้ที่ชนะ
ไม่ลดละทิฐิมีเสมอ
บอกซ้ำซ้ำย้ำไปไม่รักเธอ
น้ำตาเอ่อท่วมท้นล้นหลามใจ

ถามตนเองหลายครั้งฟังคำตอบ
ไม่เคยชอบไม่ดูรู้หรือไม่
รักคำเดียวไม่พูดหลุดออกไป
ทั้งหัวใจแตกดับพร้อมกับเธอ
				
29 พฤศจิกายน 2554 02:42 น.

วิกฤตในใจ

การัณยภาส


คลื่นสายชลพ้นผ่านวันวารก่อน
หลายคนจรร่อนเร่พลัดถิ่นฐาน
แม้นน้ำใจไหลท่วมอ่วมสายธาร
สูญเสียบ้านอาศัยไว้อยู่กิน

เราร่วมด้วยช่วยเหลือเจือจุนแล้ว
มิคลาดแคล้วห่วงใยในทรัพย์สิน
ต้องลำบากยากไร้ในชีวิน
ขอให้สิ้นเวรกรรมที่ทำมา

วิกฤตนี้ตีแผ่กระแสคลื่น
ยามหลับตื่นฝืนทนคนห่วงหา
ฉันอยู่รอดปลอดภัยในกายา
พ้นธาราแผ้วพานระรานกัน

เธออยู่ไหนใครเลยจะล่วงรู้
มิอาจดูให้เห็นเช่นในฝัน
เพียงคำรักจากใจได้แบ่งปัน
ร่วมฝ่าฟันทุกข์ยากที่มากมี

ประเทศเราบอบช้ำระกำนัก
เกินห้ามหักหัวใจไม่ถอยหนี
แม้นมากล้ำน้ำตาในวารี
สร้างสิ่งดีเข้มแข็งเป็นแรงใจ

เห็นผองเพื่อนร่วมทุกข์มีสุขแล้ว
แต่วี่แววเธอเล่าเฝ้าอยู่ไหน
ฉันยังมีวิกฤตติดค้างใจ
เสาะหาไปใต้ฟ้าธาราธร

มอบด้วยใจในรักและคิดถึง
ที่สุดซึ้งในทรวงดวงสมร
คลื่นเหนือน้ำย้ำใจให้แรมรอน
ไม่บั่นทอนความรักประจักษ์จริง

ก่อนอรุณเบิกฟ้าจะมาถึง
ตะวันซึ่งทอแสงแห่งทุกสิ่ง
กระแสรักในใจได้พักพิง
ใช่ถูกทิ้งจมหายในสายชล
				
1 สิงหาคม 2554 17:16 น.

นิรันดรแห่งรัก

การัณยภาส


คล้ายสวรรค์ชั้นฟ้ามากำหนด
ให้ลิ้มรสน้ำตาลอันหวานหอม
ช่างแช่มชื่นรื่นรมย์ยามดมดอม
เป็นช่อแก้วสีย้อมหล่อหลอมใจ

หนึ่งฤดีมีไว้ให้จงรัก
เฝ้าฟูมฟักถักสานผ่านเส้นไหม
ร้อยเรื่องราวข่าวสารผ่านมาลัย
ประทับไว้ในจิตติดตรึงตรา

อีกฤทัยไหนเลยจะล่วงรู้
ว่ามีอยู่หนึ่งทรวงคอยห่วงหา
แม้นสิ้นทุกข์สุขสมภิรมยา
ตราบชั่วฟ้าดินพังยังเฝ้ารอ

ด้วยภักดีมีให้ไม่สิ้นสุด
มิอาจหยุดนอนนิ่งแท้จริงหนอ
สารพันสรรเสริญคำเยินยอ
มิอาจขอแบ่งปันผันแปรไป

เส้นทางนี้ที่มาพาเชื่อมั่น
นิจนิรันดร์เรืองรองส่องไสว
จากลำแสงแห่งรักปักสายใย
เป็นถนนนำใจไปสู่เธอ

ความจงรักภักดีที่ประสาน
นิรันดร์กาลเที่ยงแท้แน่เสมอ
นิรันดรแห่งรักจักพบเจอ
เพียงเพราะเธอคือจุดหมาย ณ ปลายทาง
				
23 กรกฎาคม 2554 10:47 น.

ประตูเงา

การัณยภาส


ปิดประตูสู่ฝันอันมืดมิด
ตามแต่จิตคิดวาดและคาดหวัง
คล้ายต้องมนต์กลลวงห้วงภวังค์
ด้วยใจสั่งหยั่งรากแล้วฝากไป

เพียงก้าวเดินเหินห่างวางสำนึก
ปิดผนึกลบเลือนสิ่งเคลื่อนไหว
เป็นรอยทางพรางเงาเข้าสู่ใจ
เห็นโลกใหม่แช่มชื่นล้วนรื่นรมย์

แม้นยินดีปรีดิ์เปรมเกษมซ่าน
เสพสำราญนานเนิ่นเกินสุขสม
ตามรอยฝันครรลองปองภิรมย์
มิอาจล้มความจริงสิ่งผันแปร

เรามั่นใจในฝันเช่นนั้นหรือ
ทุกสิ่งคือความงามตามกระแส
ตื่นจากฝันวันเดียวใครเหลียวแล
ด้วยจริงแท้แค่เราเฝ้าตัวตน

มองด้วยตาพาซื่อคือจุดหมาย
ใช่ทำลายความคิดจิตสับสน
เพียงแหวกม่านผ่านเงาที่เข้าชน
เพื่อโผล่พ้นกลลวงห้วงฤดี

เปิดประตูสู่ฝันอันสว่าง
เติมที่ว่างกลางใจไร้แสงสี
ประดุจเงาเบาบางพร่างทวี
มิได้มีคุณค่าเหนือกว่าตน
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟการัณยภาส
Lovings  การัณยภาส เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟการัณยภาส
Lovings  การัณยภาส เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟการัณยภาส
Lovings  การัณยภาส เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงการัณยภาส