24 กรกฎาคม 2549 03:30 น.
กันเอง
เธอตายไปไม่รับรู้ฉันอยู่หลัง
น้ำตาหลั่งรินให้ใจครวญหา
เธอตายจาก,พ่อ-ลูกอยู่หลังหลั่งน้ำตา
อยู่อยู่มาเธอก็พรากจากฉันไป
พระเทศน์แผ่กุศลให้พ้นโลก
พ้นทุกข์โศกสู่สวรรค์อันสดใส
จงไปเถิดอย่าได้มีความห่วงใย
พร้อมเปลวไฟเผากายในกองฟอน
จะกรวดน้ำอุทิศให้ได้ไปเกิด
ลืมเสียเถิดอย่าให้เห็นเป็นภาพหลอน
ลืมฟูกหมอนบ้านเรือนเฮือนเคยนอน
อย่าอาวรณ์ความหลังรั้งเวลา
จะสร้างเจดีย์ใส่อัฐิในวัดใหญ่
จะปลูกดอกไม้รายล้อมหอมพฤกษา
ทุกคืนค่ำจะจุดธูปเทียนไหว้บูชา
อิมินาฯ กรวดน้ำตามให้เธอ
ค่ำคืนหนึ่งฉันนอนหลับกับความเศร้า
คล้ายมีเงานางย่องมายามข้าเผลอ
นอนบนเตียงกับลูกน้อยคอยออ-เออ
ฉันละเมอด้วยคิดถึงจึงฝันลวง
หรือเจ้าห่วงลูกน้อยคอยอยู่บ้าน
จึงบันดาลนิมิตด้วยจิตหวง
เห็นลูกน้อยฉันสะอื้นตื้นตันทรวง
คล้ายว่าดวงวิญญาณนางอยู่ข้างลูกยา.
11 กรกฎาคม 2549 10:07 น.
กันเอง
ใจหนึ่งอยากทำดีดังที่คิด
ใจหนึ่งยังยึดติดกับตัณหา
ใจหนึ่งยังลุ่มหลงในกามา
หากใจหนึ่งมุ่งใฝ่คว้ารสแห่งธรรม
ใจหนึ่งสงบเย็นเช่นพระสงฆ์
ใจหนึ่งไม่ยอมปลงก้าวถลำ
ใจหนึ่งรู้ตรองรู้คิดรู้จำ
ใจหนึ่งยังระยำไม่ปรับใจ
ใจหนึ่งพบทางสว่างแล้ว
ใจหนึ่งยังย่ำแจวไม่ไปไหน
ใจหนึ่งพบปะพระรัตนตรัย
ใจหนึ่งยังจัญไรทั้งเสเพล
ใจหนึ่งพบแล้วแก้วประเสริฐ
ใจหนึ่งยังเตลิดเที่ยวสรวลเส
ใจหนึ่งกว้างไกลดั่งทะเล
ใจหนึ่งยังซวนเซคับแคบทาน
ใจหนึ่งไปไกลถึงปลายฟ้า
ใจหนึ่งยังไม่ลาจากถิ่นฐาน
ใจหนึ่งไปไกลถึงนิพพาน
ใจหนึ่งยังไต่คลานทั้งต่ำทราม
มีสองใจอยู่ในหนึ่งจึงหนักอก
เหมือนนรกทิ่มแทงไม่แกร่งขาม
เมื่อใดกันใจหนึ่งจะถึงตาม
พบสิ่งงามทั้งสองใจในจิตเรา.
11 กรกฎาคม 2549 09:38 น.
กันเอง
พร่าฝนหล่นลงจากโค้งฟ้า
เมล็ดกล้าเพาะพันธุ์การสืบสาน
ครายามฝนหล่นหลั่งดังสายธาร
คือตำนานการพร่าฝนที่คนคอย
ฝนเอยฝนหลั่งพรั่งพรูเถิด
เผ่าพันธุ์สดชื่นตื่นจากหงอย
เมล็ดพันธุ์กล้าท้าทยอย
ไม้บนดอยสอชื่นตื่นภวังค์
เมื่อฝนหลั่งคนพร้อมยิ้มอิ่มเอิบจิต
ทุกชีวิตสดใสไม่สิ้นหวัง
เมื่อฝนหลั่งนั้นหมายกายอยู่ยัง
เป็นพลังสานตอพอสู้ไป
ครั้นมีฝนใจคนจึงด้นสู้
ทุ่งหดหู่หนุ่มสาวเจ้าไปไหน
ปล่อยผืนดินว่างเปล่ามายาวไกล
จงผลิใบเพาะพันธุ์วันฝนปรอย
เพาะเผ่าพันธุ์ผลิขึ้นบนผืนหล้า
เพาะพันธุ์กล้าผลิใบไร้ร่วงผล็อย
เพาะพลังอันยิ่งใหญ่ให้ฟ้าทยอย
เพาะปรัชญาไว้รอคอยการเติบโต.
11 กรกฎาคม 2549 09:19 น.
กันเอง
ถึงวันพระใจสงบเย็นยามเห็นพระ คารวะรัตนตรัยในโบสถ์ศีล
ร่วมภาวนาแผ่กุศลพ้นราคิน ล้างมลทินด้วยรสธรรมตามครรลอง
ยามวันพระฉันเอาใจเข้าในวัด ปฏิบัติแผ่กุศลเพื่อผลสนอง
จึงทำตามหลักธรรมที่นำปอง ลิ้มทำนองรสพระธรรมเย็นฉ่ำใจ
คราวันพระฉันบูชาพระในโบสถ์ ละโลภ-โกรธ,วางปลงสิ่งหลงไหล
สร้างค่าคนให้เกิดผลบนหว่างใจ ฝึกวินัยสร้างตนบนความดี
ครั้นวันพระคารวะพระภาคเจ้า เทิดเหนือเกล้าสูงไว้ใส่เกศี
ได้อุทิศแผ่กุศลผลชีวี ในวจีกราบไหว้ใจบูชา
ทุกวันพระร่วมพระละกิเลส สิ่งอาเพศห่างไกลอย่าใฝ่หา
สิ่งประเสริฐเลิศล้ำจึงนำมา ใส่กายาให้เป็นศรีที่ตัวตน
มาเถิดพี่น้องผองชาวพุทธ รีบเร่งรุดทำดีให้มีผล
มากราบพระเรียนธรรมฉ่ำกมล เพื่อให้ตนสงบเย็นเห็นนิพพาน.