11 ตุลาคม 2553 22:08 น.

เปิดทาง...ตัน

กันนาเทวี

ยามชีวิตอ่อนล้าพาจมทุกข์
ดั่งติดคุกเดินวนจนมุมหมอง
จะเหลียวหาใครเคียงเพียงประคอง
เป็นแสงส่องสว่างใจไร้คนแล

โอ้..ละหนอคนเราเมามัวนัก
เดินเสียหลักเซซังพลั้งเป็นแผล
หมดแรงใจสับสนจนอ่อนแอ
อยากจะแก้รอยมัวในหัวใจ

เพราะหลงคิดผิดเป้าเฝ้าแต่หวัง
ใจจึงพังดังฝันอันอ่อนไหว
รำลึกค่าตนด้อยน้อยเกินไป
สิ่งมอบไปใครเล่าเขาต้องการ

เหลิงหลงไยใจเอ๋ยเผยใจเถิด
แท้จริงเกิดจากเหตุกิเลสฐาน
ปรุงแต่งใจให้ท้อทรมาน
พึงเล่นงานกิเลสเจ้าพาเมามัว

ดับดีกว่ากองไฟเปิดใจกว้าง
เปิดหนทางยอมแพ้แม้สิ่งยั่ว
จะเย้ายวนเพียงใดให้นึกกลัว
สิ่งใดชั่วหลีกห่างสร้างแต่ดี

นี่แหละหนอหนทางกระจ่างแจ้ง
ธรรมแสดงให้ประจักษ์รักศักดิ์ศรี
เปิดทางตันเสียเถิดเกิดผลดี
ขอชีวีเป็นสุขอย่าทุกข์ทน

กันนาเทวี
๑๑  กันยายน  ๒๕๕๓				
10 ตุลาคม 2553 22:50 น.

สุขที่แสนเศร้า

กันนาเทวี

ฟ้ากระจ่างหว่างเวหนไยหม่นเศร้า
เปรียบใจเราระทมตรมนักหนา
เงียบและเหงาเซาซึมดื่มน้ำตา
เขามาลาจากไปใจสั่นคลอน

นึกภาพเก่าเราเคยเดินเที่ยวท่อง
อยากจำลองภาพฝันอันหลอกหลอน
ส่งมอบไปให้เธอเพื่อเว้าวอน
คืนจันทร์อ้อนหนาวเหน็บเจ็บขั้วใจ

มีบางใครแทรกกลางระหว่างนี้
หรือคนดีหมดรักเลยเฉยชาใส่
เธอคนนั้นคงสวยเลิศวิไล
เก่งกว่าใครในหล้าฟ้าส่งพร

ลิมแล้วหนอบทเพลงบรรเลงร่ำ
คืนชุ่มฉ่ำน้ำค้างพรมลมพัดอ่อน
สะท้านจิตคิดหักรักอาทร
ใจรอนรอนจะขาดสวาทวาย

เหงาเหงาเหงาเจ้าเอ๋ยมาเย้ยเยาะ
เคยฉอเลาะหยอกเย้าเขาจางหาย
รู้ว่าละเลิกคิดจิตเสียดาย
สุขสบายเถิดหนาอย่าห่วงใด

พยายามเข้าใจในความรัก
เพิ่งประจักษ์ดุจดังสายน้ำไหล
ไม่มั่นคงแปรผันทุกวันไป
ปล่อยรักให้ไหลล่องท้องธารา...				
ไม่มีข้อความส่งถึงกันนาเทวี