19 พฤศจิกายน 2552 06:59 น.
กันนาเทวี
เย็นร่มไม้ชายคาที่อาศัย
อบอุ่นใจร่มรื่นชื่นสุขสันต์
ตราบใดที่โลกนี้มีตะวัน
มิไหวหวั่นก้าวไปฝ่าภัยพาล
จะตึกใหญ่หรือกระท่อมย่อมไม่ต่าง
หากอยู่อย่างยิ่งใหญ่ใจกล้าหาญ
รู้จักพอแม้อาศัยใต้สะพาน
ก็เป็นบ้านพักพิงอิงอุ่นใจ
ที่แตกต่างคือจิตที่ติดยึด
จึงประพฤติหลงเพลินเกินแก้ไข
แพ้ชนะไม่เห็นจะเป็นไร
สาระใดแก่นแท้เกิดแก่ตาย
จะทุกข์ท้ออีกกี่หนจนดับวอด
ลองหยุดจอดมองเวลาน่าใจหาย
สุขใกล้ตัวมีรักตั้งมากมาย
จะขวนขวายหมายมุ่งคงนุงนัง
โคนไม้หรือเรือนว่างห่างหันเห
ที่จำเจเดินจากที่ฝากฝัง
พึ่งตนใต้ร่มไม้มีใบบัง
อนิจจังลองพินิจคิดไตร่ตรอง
เย็นร่มไม้ชายคาพาใจพบ
ความสงบจบสิ้นมลทินหมอง
ไม่มีเราไม่มีเขาในครรลอง
ล้วนเพื่อนผองร่วมชะตาใต้ฟ้าเดียว...
18 พฤศจิกายน 2552 07:52 น.
กันนาเทวี
ยิ่งถือยิ่งหนัก..........ทั้งรักทั้งรบ
ปล่อยวางสงบ.........เลิกรบเลิกรัก
ชีวิตวุ่นวุ่น..........เที่ยวไปผ่อนพัก
เติมความคึกคัก.......ที่หนักวางนะ
คนเราเกิดมา..........กรรมพาก่อเกิด
อย่าหลงเตลิด..........เก่งเลิศเกินพระ
คนเก่าตักเตือน........แชเชือนปล่อยปละ
ระวังปะทะ.........โชคร้ายรายวัน
จะดีจะชั่ว...........มัวเมาเขลาโฉด
ย่อมได้รับโทษ...........มีทุกข์สุขสันต์
แล้วแต่กรรมสร้าง.........ทำมาปางบรรพ์
ชีวิตแสนสั้น..........ขีดคั่นทำไม
กรงกรอบครอบไว้.........ปล่อยใจโบยบิน
ลืมมันให้สิ้น.........อดีตกรีดใจ
ชีวิตวันนี้...........ทำดีเรื่อยไป
อนาคตใหม่...........คงจะงดงาม
ตะวันทาบฟ้า...........ชะตาลิขิต
นำพาชีวิต...........อย่าคิดผลีผลาม
รู้เขารู้เรา..........เอาใจใส่ตาม
สิ่งควรหักห้าม........ปรามไว้ให้ดี
อย่าถือความหนัก.........อย่าผลักเหตุผล
เกิดมาเป็นคน.........ร่างตนยอมพลี
มุ่งช่วยเหลือโลก.........โชคนำชีวี
ย่อมไม่เสียที...........ที่ได้เกิดมา....
17 พฤศจิกายน 2552 08:11 น.
กันนาเทวี
จุดด่างดำแปดเปื้อนลบเลือนยาก
ชีวิตหากพลาดผิดติดความหลัง
สกัดกั้นแรงใจไร้พลัง
หมดความหวังก้าวไปในชีวา
อนาคตมองไปไร้เข็มทิศ
ปล่อยชีวิตเซซังด้วยกังขา
รักชังชอบย้ายโยกโชคชะตา
คล้ายกับว่าฟ้าบันดาลพาลเป็นไป
มนุษย์นี้ดั่งมดแมงแฝงกายอยู่
ตามร่องรูกิ่งก้านบ้านอาศัย
ต้นไม้มีใบดกปกป้องภัย
ฝูงมดไซร้สามัคคีมีสุขพลัน
แบ่งหน้าที่กันทำนำพาสุข
ใครจะรุกเข้ามาอย่านึกฝัน
มดรุมกัดหากทำร้ายถึงรังมัน
ต่างสู้กันยิบตาน่าดูชม
มนุษย์ต่างจากมดรันทดแท้
เฝ้ารังแกทั้งทำลายไม่สุขสม
พวกเดียวกันเอาเปรียบเหยียบให้จม
แย่งอาจมกินกามเกียรติจึงเบียดเบียน
จึงโลกนี้ไร้ไมตรีมีศึกก่อ
เฝ้าตีต่อไร้สันติมิเคยเปลี่ยน
ทำร้ายกันรายวันอย่างวนเวียน
โลกเกือบเตียนยื้อยุดฉุดทำลาย
ธรรมชาติที่อาศัยไม่รักษา
กลับเอามาต่อรองครอบครองหมาย
ไร้สติปัญญาพาวอดวาย
โลกร้อนร้ายแตกดับใครรับกรรม..
14 พฤศจิกายน 2552 21:25 น.
กันนาเทวี
โศกร่ำกำสรวลหวนไห้
นรกใดใครเล่าสร้างสรรค์
มนุษย์ไหนทำโทษฉกรรจ์
ปลุกปั่นทำลายชาติชน
ปึกแผ่นแน่นแฟ้นแดนไทย
ทำลายย่อยยับสับสน
เนรคุณเชื้อชาติแห่งตน
ฤๅพ้นนรกอเวจี
ลุแก่อำนาจเงินตรา
ธรรมาดำมืดบอดสี
อวดเบ่งเก่งกล้าท้าตี
ชักชี้ชาวชนป่วนเมือง
ลอยหน้าท้ากฏจดจ้อง
ครรลองมิอาจเอาเรื่อง
เกรงใจวิบัติขัดเคือง
ยักเยื้องลีลาน่าเบื่อจัง
กรรมใดใครทำจำขาน
ยมบาลโกรธขึ้งขึงขัง
สินบนไร้ค่าน่าชัง
ยับยั้งซ่อนเร้นไว้ไป่มี
นรกยังรอหนอนั่น
พวกปั่นพวกปล่อยเปรตผี
ยุยงแตกซ่านสามัคคี
ยุคกลีผีนรกตกอบาย.....
13 พฤศจิกายน 2552 20:06 น.
กันนาเทวี
หนทางเดินสายนี้มีรักให้
อิ่มอุ่นไอใจจริงทุกสิ่งสรรพ์
มิลวงหลอกบอกไว้เป็นสำคัญ
ทางสายนั้นมั่นคงจงมั่นใจ
หนทางนี้มีรักที่หนักแน่น
มิคลอนแคลนแบ่งปันอย่าหวั่นไหว
รักเพียงเธอคนเดียวตลอดไป
ด้วยสายใยผูกพันฉันเพื่อนเกลอ
ทั้งห่วงหวงอาวรณ์ตอนเช้าค่ำ
จะตรากตรำลำบากหากพลั้งเผลอ
ทุ่มกำลังแรงใจส่งให้เธอ
ยังละเมอรำพึงคิดถึงกัน
อยู่แห่งไหนอย่างไรเหนื่อยไหมหนอ
อยากเคล้าคลอชมชอบเฝ้าปลอบขวัญ
ลมหนาวล่องโรยรื่นชื่นชีวัน
ส่งใจฝันมอบรักและภัคดี
วันฟ้าใสใจคะนึงคิดถึงอยู่
คราคลอคู่เคียงใกล้ในสวนศรี
ชี้ชวนชมไม้งามตามพงพี
เพลินฤดีสุขสมภิรมย์ปอง
ทางสายนี้แค่เพียงเดินเคียงคู่
รักชื่นชูชิดเคียงเพียงเราสอง
หากเพียงเราเข้าใจในครรลอง
มิจำจองคู่ฝันนิรันดร์...