18 กรกฎาคม 2551 08:23 น.
กันนาเทวี
ชีวิตนี้ทุกข์จังตั้งแต่เกิด
ลืมตาเปิดร้องไห้จ้าละหวั่น
กลัวผจญเหตุการณ์สารพัน
แต่ละวันทุกข์ถมจมน้ำตา
จะกินนอนนั่งเดินเหาะเหินฟ้า
อนิจจาทุกข์ไม่จางจากเลยหนา
ทุกข์เป็นเงาเคียงคู่อยู่เรื่อยมา
สุขชั่วครั้งชั่วคราก็ลาไป
พื้นฐานแท้คือทุกข์มิสร่างสิ้น
ต้องทนดิ้นต่อสู้ทั้งหวั่นไหว
เมื่อยังมีลมปราณอยู่ข้างใน
ฝึกตนให้แกร่งกล้าท้าฝ่าฟัน
อยากไต่ถามตามหาความสุขแท้
อยู่ไหนแน่กันหนอขอเพียงฝัน
ต่างไขว่คว้าอยากได้มากำนัล
ให้ตัวฉันสุขเลิศประเสริฐมี
สุขอยู่ที่ใต้ร่มไม้ใบบัง
เวลานั่งพิงพักจักสุขี
ลมโชยพัดเย็นใจคล้ายฉิมพลี
ใยคนนี้ตัดโค่นจนร้อนแรง
สุขอยู่ที่ใจดีมีเมตตา
ยิ้มเริงร่าให้กันใช่ขันแข่ง
สันติธรรมนำใจช่วยแจกแจง
ใยยื้อแย่งสู้รบกันสนั่นเมือง
สุขอยู่ที่รักมั่นสามัคคี
ไม่ย่ำยีเอาเปรียบด้วยปราชญ์เปรื่อง
ช่วยอุ้มชูผู้ทนทุกข์แน่นนองเนือง
ใยทำเรื่องบัดสีเบียดบีฑา
แล้วสุขแท้อยู่ไหนใครตอบด้วย
เราจะช่วยเสริมส่งตรงจุดหนา
วานสงบทบทวนสิ่งผ่านมา
สมฤๅค่าชีวิตนี้ที่เกิดกาย...
17 กรกฎาคม 2551 12:33 น.
กันนาเทวี
เข้าพรรษาชาวพุทธหยุดสดับ
กราบน้อมรับธรรมาอิงอาศัย
สงฆ์จำวัดเรียนรู้ธรรมวินัย
เป็นปัจจัยช่วยเอื้อเนื้อนาบุญ
พรรษาสามเดือนนี้มีฝนชุก
อาจจะรุกนาข้าวเขาเคืองขุ่น
เหยียบต้นกล้าพายุ่งชุลมุน
ฤดูหมุนเวียนตามห้ามธุดงค์
เป็นบัญญัติพุทธะประกาศไว้
หยุดจาริกออกไปตามประสงค์
ให้จำวัดศึกษาบำเพ็ญตรง
กุศลส่งสามเดือนเคลื่อนคลาไป
ชาวประชาหน้าใสได้บำเพ็ญ
สมชื่อเป็นชาวพุทธที่ยิ่งใหญ่
งด ละ เลิกความชั่วทิ้งออกไกล
เร่งทำดีดีได้สมใจจินต์
อธิษฐานละชั่วกลัวกิเลส
ทำแต่เหตุแห่งดีที่ถวิล
ห่างอบายทุกข์ไกลไม่ยลยิน
ปราบให้สิ้นโลภหลงปลงปล่อยวาง
ชำระใจขุ่นมัวกลัวผลบาป
ขอก้มกราบปฏิมาเพื่อสะสาง
ปฏิบัติธรรมาเดินสายกลาง
ทำจิตว่างจากตัวตนพ้นทุกข์ภัย
โปรดละวางตัวตนที่ทนทุกข์
ดังขังคุกจิตร้อนนอนหวั่นไหว
อุปสรรคชีวิตดุจกำไร
สู้ผ่านได้สำเร็จผลคือคนจริง
ชนะภัยชนะตนบนทางผ่าน
ขจัดสิ้นภัยมารภูติผีสิง
ก่อนทำการพูดคิดจิตประวิง
รู้จักนิ่งนึกหวนทบทวนตน
สละจากเวรภัยชัยชนะ
เลิก ลด ละสิ่งชั่วพามัวหม่น
ชนะใครชนะได้ใจอดทน
เลิกพร่ำบ่นลดทิฐิดำริตรอง
เข้าพรรษาบวชใจใสพิสุทธิ์
ยิ้มแย้มหยุดยอมได้ใจผุดผ่อง
โลกจะหมุนเปลี่ยนไปตามครรลอง
ยลทุกช่องด้วยปัญญาอย่าเศร้าตาม...
14 กรกฎาคม 2551 07:08 น.
กันนาเทวี
แปลกกะไรใจเอ๋ยไม่เคยพบ
จะสยบยอมใครในแห่งหน
ทิฐิกล้าเชื่อมั่นในตัวตน
ด้วยเหตุผลมากมายหลายประการ
เป็นคนมั่นจริงจังตึงตังซ่าส์
แกร่งเกินกว่าเสน่ห์ห้าวคราวกล้าหาญ
ยุติธรรมต่อสู้หมู่ภัยพาล
ใครรุกรานเอาเปรียบใครไม่หวั่นกลัว
เมื่อพานพบรักหนึ่งจึงซึ้งจิต
ยอดมิ่งมิตรสละตนพ้นทางชั่ว
ชุบใจชนหลงผิดคิดเมามัว
ให้กลับตัวคิดตรองพ้นผองภัย
ได้พูดจาสนทนาประสาเพื่อน
ต่างติงเตือนตำหนิต่างนิสัย
ยกตัวอย่างแยกแยะคิดวิจัย
เป็นความนัยจำนนจนจำยอม
เกิดสิ่งดีมองไปในโลกกว้าง
คนอ้างว้างมากมายที่ผ่ายผอม
ยังขาดแคลนน้ำใจและตรมตรอม
สิ่งแวดล้อมสังคมจมทุกข์ทน
บนทางเดินชีวิตสิทธิ์เสรี
ย่อมจะมีปัญหาคราสับสน
ความขัดแย้งธรรมดาของหมู่ชน
ก่อนร้อนรนตัดสินใจคิดให้ดี
เพราะใจเธองดงามในความรัก
ได้ประจักษ์ซึ้งใจในวิถี
ใจเธองามน้ำใจมากไมตรี
สมกับที่ชนเผ่าเขาวางใจ
จึงหลั่งรินน้ำใจให้พิงพัก
ซึ้งใจรักช่างงามงดและสดใส
เป็นสุขยิ่งได้รักได้ห่วงใย
อิงแอบในรักนี้ที่ยั่งยืน.....
13 กรกฎาคม 2551 07:28 น.
กันนาเทวี
ยามอยู่ว่างหรือวุ่นเฝ้าครุ่นคิด
บางครั้งจิตสับสนทนทุกข์เหลือ
งานรุมเร้าเหนื่อยจริงมากเป็นเบือ
แต่เหลือเชื่อทำไปคล้ายจักรกล
ยังผู้คนรอบตัวน่ากลัวอีก
อยากหลบหลีกหนีไกลคล้ายล่องหน
เจอคดีบ้าใบ้ให้กังวล
อยากให้พ้นผ่านไปทำไงดี
ยังมีห่วงให้พะวงคงต้องอยู่
จำต้องสู้ฝืนทนสู้เต็มที่
ขอแค่บ่นระบายในบางที
หวังพวกพี่เพื่อนพ้องไม่ข้องใจ
ด้วยอึดอัดเต็มทีกับภาระ
ไม่รู้จะบอกกล่าวเล่าตรงไหน
เขียนกลอนมาตรงนี้ระบายไป
หันหน้าใหม่สู้ต่อพอมีแรง
มาตรงนี้ดังร่มเงาแก้เหงาง่วง
ทุกข์ทั้งปวงปลดไว้ได้พบแสง
เขียนบทกลอนร่ายคำเรื่องดำแดง
มาเล่าแจ้งสู่กันสร้างสรรจินต์
ได้ปลดเปลื้องคลายอารมณ์ที่ขมขื่น
แล้วเริงรื่นทำใจให้เป็นหิน
จะแข็งแกร่งหนักแน่นเป็นแผ่นดิน
แล้วไหลรินเย็นใสเช่นสายธาร
ขอขอบคุณบ้านกลอนที่แสนรัก
ที่พำนักพักใจยามพลุ่งพล่าน
รักชอบชังบู๊เศร้าเกลาจดจาร
เขียนลงบ้านกลอนไทยให้คลายปม
ขอขอบคุณมิตรรักพักบ้านนี้
ต่างก็มีน้ำใจให้เหมาะสม
ทักทายกันเมนท์ให้บ้างชอบชม
ฟังคารมเขียนกลอนก็ผ่อนคลาย......
11 กรกฎาคม 2551 06:39 น.
กันนาเทวี
ย่ำค่ำแล้วแจ้วนกกาลากลับรัง
ยามนี้นั่งมองฟ้าน่าใจหาย
โค้งขอบฟ้ามืดเปลี่ยวคืนเดียวดาย
เห็นจันทร์ฉายเจิดจ้าคู่ฟ้างาม
นวลแสงเดือนเคลื่อนคลาเพลาค่ำ
ใจร้องร่ำเหม่อลอยข้อยอยากถาม
ป่านฉะนี้เป็นไฉนใคร่ติดตาม
ที่สนามบ้านเราเมื่อเยาว์วัย
คิดถึงบ้านทุ่งนาข้าเคยอยู่
อยากจะรู้เดือนจ๋าข้าสงสัย
ควายในคอกใครหนอจะสุมไฟ
ฝากบอกไปทางบ้านนานจากมา
อยากกลับไปซบหน้ากะอกแม่
อบอุ่นแท้ตักท่านนานแล้วหนา
จากแดนดินท้องถิ่นพลัดไกลตา
โอ้เดือนลาร้างแรมข้าแรมไกล
มีภาระใหญ่หลวงด้วยห่วงนัก
ห่วงคนจักทุกข์จนทนไม่ไหว
บอกคนที่คอยหวงและห่วงใย
จักกลับไปรับขวัญอย่าหวั่นกลัว
ดวงจันทราฟ้าใสในคืนหนาว
หมอกพร่างพราวดังม่านมองสลัว
คิดถึงบ้านคนรักหัวใจตัว
อย่ามืดมัวสัญญากันวันเดือนเพ็ญ
แม้อยู่ห่างต่างถิ่นแผ่นดินไหน
ขอฝากใจยามมองจ้องเดือนเด่น
ส่งสำเนียงเสียงสั่งเจ้าเนื้อเย็น
ความลำเค็ญจักสลายกะสายลม
นะนวลน้องแก้วตาอย่าห่วงพี่
คนที่นี่หม่นหมองเพราะทุกข์ถม
จะปลดแอกให้ชนผู้จ่อมจม
เพื่อสังคมปมคลายหายเจ็บจน.....