สมญาไทยเคยได้ขานนามเมืองสยามดินแดนแห่งรอยยิ้มมิตรไมตรีเสรีล้วนเต็มอิ่มหน้างามพริ้มปริ่มด้วยธารน้ำใจเมื่อกาลแปรเปลี่ยนเวียนมาพัฒนาทั่วแดนก้าวทันสมัยต่างดิ้นรนต่างคนวิ่งคว้าไขว่ศิวิไลซ์ปลุกคนมากปรารถนาสังคมเรียบง่ายสงบสุขงดงามแปรสู่ความวุ่นวายต้องฟันฝ่าอุปสรรคมวลความเครียดนานากร่อนชีวายิ้มเปื้อนหน้าหายไปค.คนขึงขังจริงจังกับอนาคตไหนจะผ่อนรถบ้านช่องโตใหญ่มือถือติดต่อลูกขอมอเตอร์ไซด์จะเอาไปขี่ซิ่งวิ่งแข่งรอบเมืองธรรมชาติถูกปล้นพร้อมรอยยิ้มเคยเต็มอิ่มสมบูรณ์พูนฟูเฟื่องสังคมเจริญทางสะดวกดูรุ่งเรืองแต่ทุกเรื่องทุกถิ่นจำดิ้นรนรอยยิ้มสัญลักษณ์ชี้บ่งสุขโดนรานรุกทุกพื้นที่ต่างขัดสนศีลธรรมไม่กลับมาพาอับจนน้ำใจคนแห้งไปไม่เหมือนเดิม..
ด้วยวิถึชีวิตอันรีบเร่ง ลืมตนเองมัวหาแต่ทรัพย์สิน ลืมคืนวันลืมนอนและลืมกิน จึงขาดวิ่นสุขแท้แค่ใจพอ ห่วงชีวิตห่วงตนห่วงคนอื่น กลัวขมขื่นยากจนโอ้คนหนอ หาแต่เงินหวังรวยล้นคนยกยอ ต่างวิ่งห้อวุ่นวายหมายเงินตรา ไขว่คว้าตะกายดาวพราวพร่างฟ้า ลืมมองมาใกล้ตนดิ้นรนหา ถมไม่เต็มความอยากมากนานา ต่างไล่ล่าทุกวิธีที่คิดปอง เพราะมีเรามีเขาเหล่าสมมุติ จึงเยื้อยุดต่อตีเป็นเจ้าของ บ้างเหนือชั้นเอาเปรียบเทียบลำพอง ต่างขัดข้องเคืองใจไฟโลกีย์ ลองลดราวาศอกหัดฟอกจิต มองชีวิตใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ จะร่ำรวยเพียงใดหากไม่ดี ใช่จะมีสุขสงบพบเย็นใจ ด้วยวิถีชีวิตคิดละโมบ รักหลงโลภมืดมนไม่สดใส หยุดสักนิดคิดตรองของของใคร หากตายไปแม้ตัวเราเขายังเมิน..
ตัวตนอาจไม่มีในที่นี้ ขอพิ้นที่ยืนบ้างกลางโลกฝัน ในชีวิตผ่านไปทุกวารวัน ขอรำพันบทเพลงบรรเลงกลอน ไร้ตัวตนในใจใครคนหนึ่ง เหลือใจซึ่งอ้างว้างลางสังหรณ์ ความรู้สึกร้างไร้คนอาทร เกินเว้าวอนหวังให้ความใยดี ยิ้มยิ้มไว้ทั้งใจรอนอ่อนล้า ดั่งไฟฟ้ามืดมนทนหมองศรี คลำหนทางอับแสงแห่งชีวี พลังกายมีสู้ต่อใจพอเพียง เหมือนลอยอยู่เคว้งคว้างท่ามกลางเหงา ไร้แม้เงาไม่รับสดับเสียง มีคนอื่นหมื่นแสนแฟนเดินเคียง แต่หลีกเลี่ยงคอยหลบจบสิ้นกัน คงเหลือเศษความชังที่ยังอยู่ คอยรับรู้ซ้ำเติมเพิ่มเย้ยหยัน อยากจะลบกลบเกลื่อนเลือนสัมพันธ์ ขาดสะบั้นคมคำย้ำวจี แทนอณูอยู่ว่างกลางอากาศ เป็นดังธาตุไร้รูปร่างและกลิ่นสี มองทะลุผ่านไปเหมือนไม่มี คิอคนที่ไร้ตัวตนคนถูกลืม..
รักตนอย่าจนใจ อย่ารักใครอย่างทุ่มเท สักวันเขาหันเห จะเจ็บร้าวราวชีพวาย เรื่องรักมักแปรเปลี่ยน ใจคนเวียนน่าเบื่อหน่าย รักแล้วก็กลับกลาย ผลสุดท้ายอาจชิงชัง หวังรักจะสดใส คงนับได้อย่าพึงหวัง สำรวมใจระวัง อาจภินท์พังไมแน่นอน ใครใคร่รักก็รักเถิด ให้ดีเลิศสโมสร เห็นค่าตนไว้ก่อน ไม่รุ่มร้อนตอนจากลา รักดีนั้นมีแน่ ก็พ่อแม่รักลูกยา รักยิ่งกว่าแก้วตา เกินสรรหามาเปรียบเปรย รักกันต้องเข้าใจ คือการให้ไม่ละเลย สุขทุกข์ไม่เชือนเฉย ฝึกให้เคยไม่ช้ำใน...อิอิ ช้ำในก็ใบบัวบกเน้อ .....
มั่นใจเราคือเรา..... อย่าเศร้าหมองใจสับสน กี่คราวที่จำทน ก็ผ่านพ้นตามวันวัย ชีวิตจำต้องสู้ กว่าจะรู้ต้องหวั่นไหว ไม่สายเริ่มต้นได้ ลมหายใจเรายังมี ตะวันฉายแสงส่อง ฟ้าสีทองเฉิดฉวี สรรค์สร้างหนทางดี เริ่มวันนี้วันของเรา อดีตกาลวันวานผ่าน จะหอมหวานฤๅอับเฉา จำไว้สอนใจเอา เป็นบทเรียนราคาแพง อนาคตคือความหวัง จะหักพังหรือกล้าแกร่ง มุ่งเพียรมิอ่อนแรง ดุจดั่งแสงแห่งตะวัน มั่นใจในตัวตน เกิดเป็นคนอย่าไหวหวั่น เดินทางตามทางฝัน สิ่งมุ่งมั่นอยู่ไม่ไกล