11 กรกฎาคม 2548 13:38 น.
กันตะปัณณ์
สายลมพัดพลิ้วอีกแล้ว...
ฉันรู้สึกแผ่วๆเหมือนเธอกระซิบฉัน
เสียงลมพัดใบไม้ไหวถึงพระจันทร์
เหมือนเธอส่งความผูกพันจากแดนไกล
...........
ฉันได้กลิ่นหอมของสายลม
มันพลิ้วพรมจนหัวใจรู้สึกได้..
หากความรักเป็นดั่งสายลมพรมหัวใจ
ฉันขอลมหอบรักไปได้ไหม?...
.
....ให้เธอรับรู้......
11 กรกฎาคม 2548 13:35 น.
กันตะปัณณ์
คุณทำอะไรอยู่ปลายขอบฟ้า
รู้บ้างไหมว่า....ฉันแสนเหงา
ไม่มีเพื่อนคอยนั่งนับดวงดาว
หัวใจว่างเปล่า....สุดทานทน
ได้แต่ปล่อยลมหายใจคว้างเคว้ง
เมื่อความเงียบบรรเลง.
.......เป็นเพลงหมองหม่น
ภายใต้ผืนฟ้ากว้าง.
...อ้างว้างเกินจะทน
ได้แต่ฝากลมหายใจหม่น...
...ไปถึงอีกคนที่แสนไกล....
11 กรกฎาคม 2548 13:32 น.
กันตะปัณณ์
มองใบไม้ร่วงซบผืนดิน
น้ำตาก็ร่วงริน...ตามใบไม้
หัวใจสั่นรัว กลัวใจเธอเปลี่ยนไป
ทีท่าเมินเฉยใส่...ฉันไม่ชิน
ท่ามกลางผู้คนมากมาย
กลับรู้สึกเปล่าดาย
..กำลังใจหมดสิ้น
มือเธอกุมมือฉัน.....
แต่ใจเธอนั้น...โบยบิน
ฉันเลยได้แต่อุทิศน้ำตาซบผืนดิน..
...และกลืนกินความเหงาใจ
8 กรกฎาคม 2548 16:18 น.
กันตะปัณณ์
ขอกราบครูผู้ประดิษฐ์อักษรสาส์น
ภาษาไทยอันละลานหวานรื่นหู
เราคนไทยรักษ์ภาษาพาเชิดชู
ให้อยู่คู่ลูกหลานตราบนานไป
สำนึกในพระคุณพ่อขุนรามฯ
ท่านประดิษฐ์จนข้อความมีไว้ใช้
สื่อภาษาได้ตรงจิตชิดหัวใจ
พูดอ่านเขียนลื่นไหล จนได้ดี
ทั้งพ่อครูสุนทรภู่ผู้ยิ่งใหญ่
อ่านสนุกพระอภัยฯของนางผีฯ
ทำให้เด็กซึมซับรับสิ่งดี
ผ่านคำกลอนสอนกวีเป็นศรีตน
ภาษาไทยภาษาแม่ของผองไทย
เราควรพูดอ่านเขียนได้ไม่สับสน
ถึงไปอยู่เมืองไหนไหน อย่าวกวน
หมั่นฝึกฝน ให้แยบยล เราคนไทย
7 กรกฎาคม 2548 12:12 น.
กันตะปัณณ์
ฉันเพิ่งเข้าใจ..อะไรบางอย่าง
เมื่อเราเดินร่วมทางกันอย่างชิดใกล้
เราเห็นข้อดีของกันเหมือนเอาผ้าผูกปิดตาไว้
โลกของเราทั้งใบ..เป็นสีชมพู
แล้ววันนึงรักโรยรา..
มีเพียงความชืดชาหลงเหลืออยู่
เวลาที่เรามองตากันเหมือนศัตรู
พร้อมใจกันรับรู้..แต่ด้านไม่ดี
จะจบกันด้วยดีได้ไหม?
กว่าจะมารักกันได้นานขนาดนี้
เสียดายสายใยที่ก่อตัวมานานแรมปี
ไม่ต้องกลับมารักกันหวานจี๋..
...ขอแค่มิตรภาพดี-ดี ได้ไหมเธอ?...