29 มกราคม 2549 04:29 น.
กะเรกะร่อน
ฉันเดินทางอยู่ระหว่างยุคสมัย
ลมหายใจมีราคาไว้ค้าขาย
เศษกระดาษล้ำค่ากว่าความตาย
ที่ซึ่งค่าแห่งความหมายนิยามทุน
ฉันเดินทางกลางหมอกแห่งพลบค่ำ
มีแสงนำหรืออำพราง ? ว้างวุ่น
เมื่อยกเท้าก็เหยียบย่างบนร่างพรุน
พะเนินซากผู้สิ้นบุญ ไร้ทุนนิยาม
กลางหน้าผาก ตีตรา "อิสราภาพ"
ประณตมือก้มกราบ ลงเบื้องต่ำ
เกิดมาเพื่อเป็นเพียงผู้ถูกกระทำ
หายใจเพื่อตอกย้ำ "ความไม่มี"
ฉันยืนอยู่บนทางของซากศพ
อยู่ระหว่าง-สมัยพลบ- ยุคกดขี่
บนช่องว่างระหว่าง "ความไม่พอดี"
ปรารถนาเดียวของ "ทีนี่" - "มี" ไม่(เคย)พอ
คนเดินทางไต่ฟ้ามหาสมุทร
หวังก้าวรุดเรื่อยไปที่ไหนหนอ ?
ว่างเปล่าแม้กลางปล้องไผ่ในกกกอ
ระ-หว่างก้าว ยุค-ต่อ คืน สุญญา
26 มกราคม 2549 04:44 น.
กะเรกะร่อน
แค่เพียงอีกวันที่ผันผ่าน
คือร่องรอยร้าวรานอันเกิดใหม่
คืออดีตแห่งปัจจุบันอันแจ่มใจ
ย่ำเหยียบ ทิ้งทอดไว้เพียงรูปรอย
กดเจ็บในหัวใจไปอีกวัน
สองตาพร่าสั้นและเสื่อมถอย
ตบและแต่งสมองปั้นประดิดประดอย
สิ่งคอย - สิ่งทำ ย้ำกรรมกาล
แค่เพียงอีกเวลาที่ล่วงไป
หยดน้ำตา หยาดใหม่จึงขับขาน
อนาคต ปรุงประดิษฐ์จะกลบประจาน
รอยร้าวร่วงรานจะผ่านพ้น
ศักดิ์ศรีมีไว้ให้ดื่มหอม
ใจตรอม สำนึกเจ็บ หัวคิดหม่น
เจ็บใจ...เจ็บแรง จึง แจ่มกมล
ดื่มกินน้ำตาตนอันล้นราย
มนุษย์มีชีวี....มีกำลัง
มีสองมือไว้สร้างหวังสืบความหมาย
แม้ชีวิตแหว่งวิ่น กระจัดกระจาย
อาจแอบซ่อน สินสาย เพื่อสมดุล
สืบเส้นทาง อดีต ปัจจุบัน
ร่องรอยร้าวแห่งคืนวันอันคุกรุ่น
กอบเก็บก้อนกรวดแหลกอันละมุน
บรรจงประคบระบมอุ่น....เพื่อเติบโต
๒๕ มกรา ๔๘
14 มกราคม 2549 21:21 น.
กะเรกะร่อน
คดข้าวขาวใส่จานมาปันป้อน
หอมข้าวแดงแกงร้อนน้ำพริกป่า
น้ำตาหยดหยาดแร้นแทนน้ำปลา
เม็ดข้าวเรียงเบื้องหน้า...จาก"นาเดียว"
แม่โพสพหน้าหมอง ฤา ร้องไห้ ?
ท้องธรณินทร์เกรียมไหม้แท้งกล้าเขียว
แม่คงคาล้ารินกสิณเกลียว
ขวัญแผ่นดินซูบเซียวและแหลกลาญ
สูญสิ้นหมดหรือไรน้ำใจรัก
สามัคคีฤดีภักดิ์เคยไถหว่าน
เกิดจาก"ดินผืนเดียว"เกี่ยวสำราญ
เปิบข้าวแดงแกงหวานปันกันกิน
เหลือเพียงนาผืนร้างและสางสัตว์
เสียงแส้โบก เงินสะบัด ทั่วทุกถิ่น
แม่โพสพระบมโบยซบอกดิน
อัสสุชลไหลรินแทนคงคา
พระสยามเทวาผวา...เคลื่อนคลาหรือ?
สางสาบสัตว์โหมกระพือทุกทิศา
อัคคีผลาญลาญแล้วแก้วพารา
หมดน้ำใจ ไฟน้ำตามาฟาดฟัน
คดวิญญาณข้าวนามาปันป้อน
ครั้งหนึ่งหอมแกงร้อน เนื้อสวรรค์
วันนี้...ไร้แผ่นดิน สิ้นฟ้า สูญตาวัน
ยังโกศเงินเก้าชั้น....(เท่านั้น)......ท่วมท้องไทย
หิวข้าว....ลูบท้อง ปะน้ำตา
แผ่นดิน...ผืนฟ้า นี้ของใคร?
13 มกราคม 2549 03:21 น.
กะเรกะร่อน
อรุณใหม่ ตะวันสดรดแสงฉาย
ชั่วประกายพริบละมุนอุ่นฟ้าหนาว
บนยอดหญ้า...ทิ้งรอยย่ำฉ่ำรอยดาว
ฉันคิดถึง หญิงสาว แห่งค่ำคืน
อุ่นไฟสางน้ำค้างยังค้างหอม
ยังวับวอมแววฝันอันแช่มชื่น
ยังไหม้กลิ่นฟอนเก่าเฝ้ากองฟืน
ฉันคิดถึง รอยรื่น บนผืนฟ้า
ระหว่างเราช่องว่างห่างแค่ก้าว
เธออาจสาวเท้าซ้าย ฉันไพล่ขวา
เดินชีวิตอย่างคาบเกี่ยวเสี้ยวเวลา
จึงคลาดหน้า เคลื่อนใจในช่วงนี้
พริบตะวันจูบลา ฟ้าเปลี่ยนเสื้อ
อนธการเอื้อเฟื้อระบายสี
ข้างพระจันทร์พันดาวเฝ้าราตรี
ฉันคิดถึง คนดี...ที่ฟากฟ้า
ดวงดาราพร่างพราวสีขาวใส
แต่คืนมืดดับไฟ..ไม่เห็นหน้า
ดอกไม้หายใจในท้องนา
ระหว่างดิน ระหว่างฟ้า ลมพัดพาย
มีชีวิตซ่อนอยู่ในทุกมุมเหงา
ยามแดดเช้า ตะวันสดรดแสงฉาย
กลีบดอกหญ้ายังแต้มอุ่นไม่รู้วาย
ฉ่ำรอยดาวพริบพรายใต้เงาจันทร์
ยามฟ้าหอมฟืนไฟไหม้แสงสูรย์
ดาวอาดูร นึกมอดดับลับทุกฝัน
นึกว่าไกล นึกว่าห่างเลยร้างกัน
นึกว่าสิ้นทุกสิ่งอัน พันธนาการ
แต่ดอกไม้ยังยิ้มไหวอยู่ใต้ฟ้า
ทุกราตรีทุกทิวายังขับขาน
มองดาวพราวใสในกษิรธาร
ยังฉ่ำหวานรอยดาวทุกเช้าเย็น
อาจโคจรอยู่ห่างในบางครั้ง
มิใช่อยู่ลำพัง ใช่ร้างเห็น
เพียงเวลาพริบไหลใต้ฟ้าเพ็ญ
ฉันยังเป็นดอกไม้ ... ใต้ดวงดาว
11 มกราคม 2549 05:49 น.
กะเรกะร่อน
"มองเด็ก" :
บนคาคบไม้
ลูกใคร ลูกใครป่ายปีนอยู่
อยู่ไหนหนอคุณครู
โน่น..บ้างคุดคู้ บ้างวิ่งเล่นบนศาลา
ตาโต บ้องแบ๊วอย่างแมวคราว
เด็กสาวเจื้อยแจ้วหรรษา
อ๋ออนั่งรถคอกหมูหมา
นอนเล่นรอเวลา บนคาคบ
หญิง ชาย ก็ป่ายปีน
บ้างก็กิน บ้างก็งีบ บ้างเป่ากบ
เจอะฝรั่ง วิ่งกรูเข้าไปพบ
ยื่นสมุด ปากกา ยางลบ พัลวัน
วิชาภาษาอังกฤษ
ขอลายเซ็นต์คนละนิด เด็กขบขัน
ค่อยปีนป่าย ค่อยไต่ขึ้นทีละวัน
ระหว่างฝัน.ระหว่างฟ้า..บนคาคบ
..
"มองตัวเอง" :
ตะวันกงกลางหัว
ระหว่างฝันระหว่างฟ้าระหว่างตัว.ไม่รู้จบ
โตแล้ว จะปีนป่ายก็กลัวหล่นจากคาคบ
แต่ต้อง
มัดความกล้า - ถือปากกา ยางลบ ไต่คบคา.
ระหว่างฟ้า.ระหว่างฝัน
ระหว่างตะวัน..ระหว่างยอดหญ้า
เด็ก -ผู้ใหญ่- วัยชรา
ต่างปีนไต่ ต่างไขว่คว้า กันครื้นเครง
นั่งมองจากคาคบไม้
จากทางไกล.ข้าไต่ฟ้า ..ข้าเจ๋ง
เด็กเล่น.คนโตแข่ง.คิดกันเอง
หมดเวลาย่ำเพรง. ต่างคืนดิน