24 สิงหาคม 2550 18:48 น.
กะลาสีเบจ
สังคม สังเวย..(จุดกามใต้ตำตอ)
เด็กสาวน้อย ห้อยห่วง บ่วงกรรมเกิด
ครั้นกำเนิด ลืมตา บิดาหาย
หายจากโลก ล่วงลับ สดับคลาย
แม้ลมสาย หายใจ มิได้ทัน
ทนเลี้ยงลูก ผูกใจ ให้หนักแน่น
เพื่อทดแทน บิดา ที่ลาฉัน
สาวม่าย ลูกติด ไม่ปิดกัน
ถ้าใครมา พัวพัน มอบใจ
จนชายโสด เข้ามา ในชีวิต
ตีสนิท แม่ลูก ผูกหลงใหล
ไม่นานนัก รักกัน ทันตาไว
ล้อมหัวใจ เป็นรั้ว ครอบครัวเดียว
รักหวานชื่น กลับขื่นขม ระทมเศร้า
พ่อติดเหล้า เรื้อรัง ยั้งเฉลียว
งานไม่ทำ ซ้ำจ่าย ง่ายลูกเดียว
บรั่นเพรียว เมามาย ทำร้ายคน
แม่ทำงาน กลับมา เวลาค่ำ
ปล่อยลูก เพียงลำพัง ทุกครั้งหน
อยู่กับพ่อ พ่อเลี้ยง เพียงสองคน
เพราะไว้เนื้อ เชื่อชน คนบนเรือน
ดั่งปลาปิ้ง ทิ้งไว้ ข้างในบ้าน
อยู่กับแมว ซมซาน ร่านเฉือดเฉือน
หอมยวนเย้า เหย้าปลุก ลุกไปเยือน
ไม่ช้าเชือน ที่จะลิ้ม ชิมเนื้อปลา
เด็กสาวน้อย ทำงาน การบ้านอยู่
เสียงประตู เคาะดัง ยังห้องหา
แล้วเปิดออก เห็นเป็นพ่อ ผู้เคาะมา
ตรงถลา เข้าห้องมา ปิดประตู
จับมือ ถือแขน แล้วสะบัด
เหวี่ยงกระหวัด ลงนอน หมายจรจู่-
โจมกระหน่ำ ปล้ำปลุก ลูกโฉมตรู
พ่อจะทำ ให้หนู สุขกายใจ
ด้วยเรี่ยวแรง น้อยนิด แพ้พิษยักษ์
ถูกสลัก รอยช้ำ ย้ำความใคร่
ของความเด- รัจฉาน ซ่านจัญไร
ของพ่อ นอกไส้ ใช่พ่อเรา
เสียน้ำตา หลั่งริน สิ้นบริสุทธิ์
กับมนุษย์ ต่ำช้า กามห่าเหง้า
สำเร็จเสร็จ ความใคร่ ใจผู้เยาว์
ตะคอกเจ้า ถ้าบอกใคร ฆ่าให้ตาย
วัฏจักร เลวทราม กามวิถี
เป็นเช่นนี้ เรื่อยมา คร่าสลาย
หัวใจเด็ก ถูกตอกย้ำ ซ้ำด้านตาย
ของผู้ ที่แฝงกาย แทนบิดา
อันตราย ใกล้ตัว น่ากลัวสุด
คือที่จุด ใต้ตำตอ ส่อตัญหา
มิตรสหาย ญาติโก- โหติกา
ไม่ลดรา ก่อกาม ตามครอบครัว
..............กะลาสีเบจ (๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๐)
21 สิงหาคม 2550 15:05 น.
กะลาสีเบจ
สังคม สังเวย..
เจ้ากำเนิด เกิดมา ตาดูโลก
วิปโยค เคราะห์กรรม ซ้ำหนักหนา
เกิดบนความ ล่ามลั่น ครั่นกามา
ของมารดา ผู้ไม่พร้อม อ้อมดวงแด
ผ้าห่อเด็ก ใส่ตะกร้า แล้วพาทิ้ง
ให้อยู่อิง กับขยะ คละคลุ้งแผ่
โดนมดกัด ชัดแดง เป็นแผงแพ
ร้องอุแหว่ อุแหว่ แก้บรรเทา
คนตามเสียง เสียงนำคน ให้ค้นหา
มีเสียงทา- รกน้อย ที่ฉอยเฉา
แทบตะลึง เมื่อพบเห็น เป็นร่างเยาว์
สงสารเจ้า คงลำบาก และตรากตรำ
บ้านหลังแรก คือสถาน บ้านสงเคราะห์
ผู้บ่มเพาะ นิสัย ให้งอกหงำ
ประสาท ความรู้ คู่คุณธรรม
ให้เจ้านำ ไปใช้ ครั้นเติบโต
เมื่อเติบโต พอคิด พินิจเคราะห์
ปีกขาแข็ง มีแรงเหาะ พอจะโผ
หนีจากสถาน แห่งนี้ ที่เคยโต
ไปเซโซ ขอทาน งานหากิน
เจ้ายังเด็ก เล็กนัก เกินจักหา
เจ้ายังเด็ก ไร้เดียงสา เกินโผผิน
ภาระเจ้า หนักไป ครั้นจะบิน
ทุนทรัพย์สิน ของเจ้า คือเล่าเรียน
จะอดมื้อ กินมื้อ ถือไม่แปลก
นอนตามแยก สะพาน รถกระเหวียน
สุขอนา- มัยใช่ นวลเนียน
ระเร่ร่อน วนเวียน เปลี่ยนวันวัน
แวดล้อมข้าง ห่างไกล ใจพ่อแม่
สุดอ่อนแอ จิตใจ ให้แปรผัน
หลงทางผิด คิดเลว เหวโลกัน
ยาเสพติด กระนั้น สั่นลงแดง
จากคนเสพ เป็นคนขาย ให้นายหน้า
สุดต่ำช้า ผู้ใหญ่ ใคร่แสลง
ใช้มือเด็ก บริสุทธิ์ จุดไฟแดง
คนร้อนแสง ปวดมือ คือเด็กน้อย
เคราะห์กรรมซัด พัดเด็ก ไปติดคุก
ฉุกละหุก เด็กเอ๋ย เลยโดนสอย
ถูกจองจำ คร่ำครา น้ำตาปรอย
อนาคต หมดรอย ทอดทางตัน
นี่น่ะหรือ สังคม อุดมค่า
ใช้ตัวหุ้น วัดเงินตรา ใครล่ำสัน
เศรษฐกิจ เฟื่องฟู ขึ้นทุกวัน
แต่ซากสัน- ดานดี กลับหรี่ลง
.............กะลาสีเบจ (21 สิงหาคม พ.ศ.2550)