11 พฤศจิกายน 2550 13:32 น.
กะลาสีเบจ
ยอดตระหง่านคานฟ้ามาเหนือเมฆ
วังวิเวกเพลือกโพลนโทนสีขาว
"เอเวอร์เรสต์"เขตชั้นบันไดดาว
บนแนวยาวหิมาลัยไต่ทั่วแดน
ผืนไตรรงค์ธงลิ่วพลิ้วยอดเสา
หมายจะเอาไปโบกพัดสะบัดแขวน
ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์จรัสแทน
บนยอดแกนสูงล้ำค้ำนภา
เก้าชีวิตพิชิตฝันเหมันต์เยือก
แม้นดูเปลือกขาวนุ่มคลุมผืนผา
ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องดั่งทองทา
เพียงมายาลุ่มหลงให้ปลงตาม
หลายชีวิตปิดฉากเป็นกากปุ๋ย
ฝ่าตะลุยธรรมชาติพิฆาตคร้าม
กองกระดูกปลูกแซมแต้มผางาม
เป็นอุทาหรณ์สอนปรามผู้ฝืนตัว
ดั่งก้าวกร่างย่างกรายบนด้ายผุ
จะลงกรุหุบเหวเปลวขาวทั่ว
ชีวิตดับลับลาอาจมาทัวร์
ไม่มีรั้วเวลามาเตือนตน
ความลำบากตรากตรำกล้ำกลายฝืน
หมายปักยืนผืนธงดงเกล็ดขน
กลางน้ำแข็งแก่งหิมะปละปลายบน
แห่งห้วงหนจุดยอดสอดเมฆา
จากเก้าคนทนนานทานเพียงห้า
แต่ชะตามรสุมรุมถลา
มิอาจฝืนธรรมชาติซัดสาดมา
จึงสั่งลา"เอเวอร์เรสต์"เพียงเนตรชม
แม้พิชิตไม่สำเร็จเสร็จดังหวัง
ไม่มีธงปักยังดังใจสม
แต่ได้พิชิตใจ"เอเวอร์เรสต์"เขตตรากตรม
ตั้งแต่ลมหายใจแรกก่อนไต่เดิน
......กะลาสีเบจ (๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๐)
4 พฤศจิกายน 2550 13:22 น.
กะลาสีเบจ
ห้วยขาแข้งแก่งแกนแดนชีวิต
แหล่งสถิตต้นน้ำลำธารใส
สัตว์สงวนมวลแมกไม้พนาไพร
โดนรุกไล่อิทธิพลคนเบียดเบียน
พ.ศ.2529
ห้วยขาแข้งแอ่งอกอ้าหัวหน้าใหญ่
แห่งพงไพรคือ "สืบ นาคะเสถียร"
พร้อมปัญหาถาโถมรุมโจมเจียน
เป็นวงเวียนวังวนรอคนคลาย
เงามืดดำคล้ำอิทธิพลหวังผลประโยชน์
มาล่าโลดไล่วิ่งยิงสัตว์ได้
เอาเงินสาดฟาดหัวคนยากไร้
จ้างตัดไม้ในเขตแคว้นแดนสงวน
เจ้าหน้าที่พิทักษ์รักษาป่า
ถูกเข่นฆ่าเป็นว่าเล่นเซ่นป่าสวน
ทุจริตในวงขั้นชั้นประทวน
เป็นโซ่ตรวนตรึงปัญหามายาวนาน
"สืบ"ตามแก้ไม่แพ้พานต่อชานโชค
ถูกสับโขกกลั่นแกล้งแช่งล้างผลาญ
ชาวชุมชนห้วยขาแข้งแย้งทัดทาน
อุดมการณ์ของสืบจึงตืบตัน
พ.ศ.2533
ราวตีสี่วันที่หนึ่งกันยายน
ในห้วงหนพนาไพรไอวสันต์
เสียงกู่ก้องร้องดังยังไพรวัลย์
คือเสียงลั่นไกปืนแห่งผืนพง
สิบโมงเช้าพานพบเป็นศพแล้ว
เจ้าดวงแก้วแห่งสัตว์ป่าพนาหลง
พบร่าง"สืบ"ไร้วิญญาณแห่งบ้านดง
พร้อมจดหมายเคียงร่างปลงลมหายใจ
พ.ศ.2534
ห้วยขาแข้งเรื่องแพร่งพรายกระจายทั่ว
กระทบรั้วยูเนสโกโล่ห์เหล็กไหล
ประกาศเป็นมรดกโลกโบกฉาบไว
เป็นเกราะให้ห้วยขาแข้งป้องแพ่งพาล
การ"อัตวินิบาตกรรม"ทำตัวเขา
หวังเรื่องเรายูเนสโกโห่รับขาน
แม้ต้องแลกกับเสียงปืนยื่นยมบาล
แม้ต้องทิ้งเสียงประสานแห่งสัตว์ดง
......ก็คงยอม
.....กะลาสีเบจ (๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๐)
3 พฤศจิกายน 2550 08:11 น.
กะลาสีเบจ
ราตรีกาลหว่านฟ้ามามืดคล้ำ
เมฆระบำก่อตัวระรัวฝน
ลมพายุดุดันอันตรดล
ทุกแห่งหนพื้นที่ถี่ตาราง
เจ้าจันทราลาลับอาพับแสง
ไร้เรี่ยวแรงเฉิดฉายประกายสว่าง
รังสีอ่อนผ่อนสั้นบั่นเทียวทาง
พนากลางพงไพรแสงไฟตัน
ในป่ามืดดืดดาดผงาดฝน
มีชีวีต้องผจญทนบากบั่น
เพียงหนึ่งเดียวเสี้ยวชีวิตกลางไพรวัลย์
คือแมงปอผู้ล้ารันกลั้นเดินทาง
สองปีกบินจากถิ่นไกลสู่ไพรนี้
เริ่มไร้รี่เรี่ยวแรงแซงขัดขวาง
เม็ดฝนย้ำกระหน่ำใส่ปีกใสบาง
เริ่มเลือนลางต่อชะตาที่ฝ่าฟัน
หวังฝากใจใครคนหนึ่งพึงสงสาร
เพียงไม่นานพอตื่นจะยื่นฝัน
เมื่ออาทิตย์ปริดราตรีจะจรรีพลัน
แล้วโจษจันผู้ให้เอนไหล่อิง
แผ่นใบไม้กิ่งก้านมิทานฝน
มิทานทนพายุกรุผีสิง
จะหาใครไหล่ซบสยบพิง
คงไม่มีไหล่อิงไห้พิงใจ
เพียงก้าวเดียวเอี่ยวเดินเกินจะก้าว
ปีกอ่อนร้าวขยับน้อยอิ่งอ่อยไหว
ร่างแมงปอล้อต่ำลงสู่พงไพร
กัดฟันใจขยับปีกเกินปลีกตัว
หัวและร่างดิ่งลู่สู่แผ่นพื้น
ยากจะฝืนปีกบางร้างลมรั่ว
สดับปลงดงพนายามฟ้ามัว
เป็นเศษตัวดุจธุลีกลางราตรีมาร
อุปสรรคปรักขวางวางตรงหน้า
แก้ปัญหาร้อยครั้งยังไม่ผ่าน
ได้ลงมือแก้ไขไม่ยอมแพ้พาน
แม้ต้องผลาญชีพไปไม่เสียที
.....กะลาสีเบจ (๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๐)