26 ธันวาคม 2550 21:25 น.
กะลาสีเบจ
สุขสรัญวันปีใหม่กาลใกล้ถึง
น้อมรำพึงประกาศิตอธิษฐาน
ปรารถนาสมหวังดังต้องการ
ขจรขจารสุขสันต์วันรับปี
ต้อนสดับรับขวัญวันปีใหม่
ให้สดใสเอี่ยมอ่องฉลองศรี
คำว่า"เก่า"อัปมงคลมนต์กาลี
ต้องใหม่"ปรี๋"แกะกล่องพร่องทันกาล
รับขวัญปี"แอลซีดี"ที่คมชัด
มาแจงจัดโดดเด่นผสมผสาน
ตามด้วยถอยป้ายแดงเหยียบแรงราญ
ใหญ่โอฬาร"นาวาร่า"สง่าครัน
มองรายรอบขอบข้างล่างและบน
ทุกห้วงหนก็ใหม่จบครบพิถัน
อนิจจามาฉุกคิดสนิททัน
โอ้! แม่ขวัญเรือนชานก็..นานนม
อ้างฉลองปีใหม่ในทุกค่ำ
แต่แอบย่ำหาสุขสนุกสม
ทิ้งของเก่าเฝ้าบ้านทานระทม
เกลือกสนมงอมแงมเพื่อแกล้มใจ
คงสุขใจ"แฮปปี้..นิวเมีย"นี้
แม่โฉมศรีเอวองค์ทรงเฉิดไฉ
แม่นงเยาว์เฝ้าถนอมมิตอมไร
ของเก่าไกลความห่วงหาชายอาทร
จะลำบากตรากตรำทำไมหนอ
เฝ้าพะนอสิ่งเดิมอย่าเริ่มถอน
หาของใหม่ได้ผลเพียงต้นตอน
สู้ไม้ขอนผุพังยังคุณดิน
ต้องลำบากย่องกลับพลับพลาบ้าน
ไม่ให้เสียงประตูบานร่านเสียดสิน
ต้องลำบากตอบคำถามพล่ามอาจินต์
ทำไมกินกลับสว่างค้างแรมคืน?
ก่อนกิเลสขาวนวลมายวนเย้า
สติเบาถ่วงให้หนักจักขมขืน
แม้ความขมอมแรกรสแผกกลืน
แต่ทนฝืนสักคราเป็นยาดี
เฝ้าครองคู่อยู่กินสิ้นผมดำ
รักเฉิดฉ่ำจางหายสยายหนี
เหลือแต่เพียง"ความเข้าใจ"กำไรนี้
คล้องชีวีครองคู่สู่นิรันดร์
.....กะลาสีเบจ (๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๐)
24 ธันวาคม 2550 15:40 น.
กะลาสีเบจ
ทุกถ้อยคำแนะนำที่พร่ำเอ่ย
อย่าเมียงเมยลู่หูซ้ายย้ายหูขวา
หัวกะทิอาจจะน้อยด้อยราคา
แต่คุณค่าใช่ว่าจะไม่มี
ไม่มีคำแนะนำของคนไหน
ที่จะไร้คุณค่าอนาวิถี
มองให้ลึกกรึกกรวงท่วงวจี
ถ้อยวาทีแนะนำทำเป็นทาง
เฉกเช่นกับนาฬิกาแรงล้าหมด
เข็มหยุดถดตายนิ่งถูกสิงสาง
คุณค่าใน..วันหนึ่งพึงครบราง
มันยังพรางตรงเวลา..ถึงสองคราว
......กะลาสีเบจ (๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๐)
23 ธันวาคม 2550 14:01 น.
กะลาสีเบจ
ทุกแผ่นพื้นตื้นลึกผลึกร้าย
ประดับกายแอบแฝงแปลงผสม
ในสีขาวพราวบริสุทธิ์ดุจเมฆพรม
หรือในสีดำอมกลมกลืนเงา
คนคิดชั่วตัวทำระยำโฉด
หฤโหดใครเห็นเป็นแช่งเผา
คิดร้ายใครไม่เสแสร้งแกล้งบรรเทา
ใส่เต็มเปาหน้าที่ร้ายสหายกัน
เฉกด้านมืดแนบฝังยังร่าง"มืด"
แยกกำพืดชั่วช้าว่ามหันต์
เห็นเงามืดเด่นชัดรหัสจาบัลย์
ก็รู้ทันหนทางหนีทีไร่เดิน
ผิดกับคนหน้าดีที่ภายนอก
กลับสำรอกภายในใช่ผิวเผิน
ปากปราศรัยพูดหวานชานเชื้อเชิญ
น้ำใจเกินเชือดคอรอฟาดฟัน
แอบแปลงปลงลงร่างอย่างเทวดา
ชักนำพาให้ชนคนเสริญสรร
กลับวางแผนแยบยลฤๅผลทัณฑ์
จนมุมตันสยบราบคราบเทวา
เฉกความมืดแนบฝังยังร่าง"ขาว"
ดูเพริศพราวพร่างเงามืดกำพืดหนา
เห็นกงจักรเป็นดอกบัวเมามัวตา
อันตรายยิ่งกว่าชั่วกลั้วสันดาน
...
..
ถ้าอยากมองให้เห็นเด่นกว่านี้
มองดูที่สองอักษรกลอนสีสาร
อักษรมืดย้ำชัดถนัดมาร
สารสว่างพลางกาฬด้วยม่านดี
มองอักษรสารให้เป็นเช่นแก่นบน..จะค้นเจอ
....กะลาสีเบจ(๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐)
14 ธันวาคม 2550 17:52 น.
กะลาสีเบจ
ณ โรงเรียนบ้านไพรไกลปืนเที่ยง
ฟุ้งเจรียงกลิ่นกันดารสถานสอน
การศึกษาล้าหลังวังตะกอน
แน่นิ่งนอนก่อผลึกก่อตรึกตรา
ผู้ใจบุญหนุน"ครูตู้"ผู้อุทิศ
สิงสถิตในกรอบรอบเหลี่ยมหนา
มีหน้าต่างบางใสไว้ตรวจตรา
ชุบชีวาก็แค่เสียบเรียบหายใจ
สื่อการสอนวอนเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ
โลกาภิวัฒน์เปิดตาดำนำสมัย
ตัวครูตู้ความรู้รอบครอบแดนไกล
นักเรียนใช้ศึกษาค้นคว้าเอง
เด็กนักเรียนปลื้มปลอบชอบครูตู้
เพราะตัวครูไม่เคยว่าด่าข่มเหง
ไม่เคยใช้ไม้เรียวเฟี้ยว!!กางเกง
เป็นนักเลงอันธพาลไม่ขานปราม
ส่วน"ครูชอล์ก"ลอกการบ้านผสานหวด
เจ็บแสบปวดยาวแดงเป็นแผงสาม
แต่เด็กกลับสำนึกระลึกตาม
คุณธรรมย้ำเกรียวไม้เรียวรอย
ในไม่ช้า..เวลานั้นอาจพลันถึง
เกียรติศักดิ์ศรีครูถูกดึงจึงถดถอย
วิญญาณครูจางหายมลายรอย
เด็กรุ่นใหม่ไม่สืบสอยตามจรรยา
กอปรกับเทคโนโลยีที่ล้ำเลิศ
ประตูเปิดให้ครูตู้ผู้ก้าวขา
มาสอนสั่งในห้องทุกช่องเวลา
เพราะเทคโนโลยีนำพาเกินความจริง
กลิ่นไอชอล์กอาจเจือจางเลือนลางหาย
ถ้ากลิ่นอายชนรุ่นหลังยังไม่สิง
ไม่ซาบซึ้งถึงเรือจ้างแม้ร้างพิง
ผอออ(ผอ.)ตู้อาจเสียบวิ่งเข้าชิงธง..
....กะลาสีเบจ (๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๐)
10 ธันวาคม 2550 22:45 น.
กะลาสีเบจ
หยาดเมล็ดเม็ดน้ำตาที่ฟ้าหลั่ง
จากเวียงวังวิมานฟ้าพนาสรวง
พรมรดใจสรรพชีวิตประสิทธิ์ทรวง
ชโลมรวงเป็นสายทอดตลอดทาง
ใย..วันนี้ปรี่ผล็อยแค่ปรอยประ
โปรยปะทะใบสนยังทนขวาง
ฉ่าพรำพรำฉ่ากลิ่นระรินทาง
ดุจขนบางเบาเส้นกระเซ็นพรม
ไอละอองกรองกลั่นเป็นชั้นสี
โค้งคำนับนภีเจ็ดสีสม
ตรงขอบข้างว้างฟ้าทิวากลม
อภิรมย์นาฏศิลป์ถิ่นฝนพรำ
บรรยากาศ"วาดฝัน..วันฝนโปรย"
ใจระโรยสร้างวิมานบนลานฉ่ำ
ขอบโค้งรุ้งคือสะพานลานทรงจำ
ที่คล้องนำพับแผ่นทางไม่ห่างไกล
ต่างเดินข้ามสะพานฝันสรัญรัก
มายลพักตร์กัลยานวลหน้าใส
สายกระเซ็นเป็นดอกรักถักสายใจ
โค้งไสลประปรายโปรยโรยมาลี
ในไม่ช้า..น้ำตาสรวงก็ล่วงลับ
รุ้งสดับเลือนหายมลายสี
วิมานฝันละลายลดหมดสิ้นดี
รอฝนพรี่"พรำภาพฝัน..วันฝนโปรย"
....กะลาสีเบจ (๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๐)