16 มกราคม 2551 20:03 น.

ผมชื่อ"สัตว์ประหลาด"หรือครู

กะลาสีเบจ

         เคยสัญยิงสัญญาขมาโทษ
ผมสองคนไม่กระโดดเรียนแล้วหนา
โจรกลับใจครูพร้อมอ้อมเมตตา
ถ้าทำมาไม่ไว้หน้าลดราทัณฑ์

เคยผงาดเช่นเสือเมื่อครั้งก่อน
จะเว้าวอนให้ทิ้งลายที่ป้ายสัน-
ดานของผมลบไม่ได้ด้วยโทษทัณฑ์
ด้วยสามัญสำนึกผมฝึกเอง

สองนักเรียนไม่ฟังครั้งครูไข
ด้วยเยาว์วัยการเรียนเจียนข่มเหง
คณิตศาสตร์กระโดดไปไม่ยำเกรง
ตีกางเกงสองสามไม้..ไล่ไปเรียน

เมื่อเรื่องราวกระโดดเรียนเจียนถึงหู
จึงเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อรู้เฮี้ยน
ไม่เคารพแม่บทกฎมณเฑียร
จำต้องเปลี่ยนกลวิธีให้หลาบจำ

โซ่คล้องเอวล่ามขึงตรึงต้นไม้
ล็อคกุญแจประจานไว้ให้น่าขำ
พร้อมตั้งชื่อสรรพนามคร้ามสกำ
ตัวประหลาดผู้ตกกรรมครั้งทำตัว

ตวงตักน้ำตั้งไว้ให้ด่ำดื่ม
ให้เธอลืมการเป็นมนุษย์หลุดจากหัว
ประจานสัมพันธ์สัตว์ประหลาดน่าหวาดกลัว
สองสามร้อยยืนเป็นรั้วทั่วท้องลาน

นี่คือบทลงโทษฐานโดดหนี
สัตว์ประหลาดสองตัวนี้ที่เรียกขาน
ไม่เชื่อฟังก็รั้งขึงตรึงประจาน
ให้เพื่อนพานตราหน้าว่าสัตว์พิเรนทร์

ทำแบบนี้ใช่ทางแก้ที่แท้หรือ
ตามกระพือกางล้อมคอกบอกผิดเห็น
ตอปัญหาอยู่ที่ใดนัยประเด็น
รากซ่อนเร้นทำไมเจ้า..ไม่เข้าเรียน?

ก่อนลงโทษผู้ใดให้ชี้เหตุ-
ผลที่ผิดอาเพทแจ้งเสถียร
มิฉะนั้นแม้ตัดหัวตามโทษเฑียร
ในบังเหงียนก็ยังล้าผลึก..สำนึกตน

.....กะลาสีเบจ (๑๖ มกราคม ๒๕๕๑)				
14 มกราคม 2551 19:14 น.

ถึง..คุรุบุพาจารย์

กะลาสีเบจ

       ถึง..คุรุบุพาจารย์ประสานถ้อย
ร่วมเรียงร้อยคุณานันต์ผู้สรรค์สร้าง
หว่านเมล็ดปัญญาคณาทาง
ทรัพยางกรตะกรันเป็นวันครู

ปูชนียบุคคลปรนนิบัติ
ชะแง้มงัดวิชชามาเขลาขลู
บ่มจริยาเสี้ยมสอนช้อนอนู
ดั่งพรมปูให้ก้าวย่างย่ำทางไป

น้ำตาริน..กินอาบบ้างบนทางสอน
ท้อใจถอนหยดสหายพร่างพรายไหล
เห็นหิ่งห้อยกร่อยแสงแล้งเชื้อไฟ
เกือบมอดไหม้ดับฝันวันโคจร

ปาดน้ำตาที่รินหลั่งบังวิชาชีพ
มาเป็นแสงประทีปกลีบอัปสร
จุดส่องทางหิ่งห้อยน้อยแสงจร
ให้รุ่งร้อนโรจน์สว่างกลางราตรี

เสียสละกิจวัตรประจำคาบ
เหงื่อต่างอาบคลาคล่ำฉ่ำเกศี
ปุจฉา?ศิษย์ร้อยข้อรอพาที
ครูวจี..วิสัชนามาครบครัน

วันที่สิบหกมกราเวียนมาถึง
ศิษย์รำพึงครูบาคณาสรรค์
น้อมเคารพกตัญญูกตเวทิวัญ
แด่คุณครูผู้ส่งฝันจากฟากไกล

ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของครูผู้เคารพ
สถิตกลบเพทร้ายพรายตักษัย
ร่างกายาสุขะพลานามัย
ไร้โรคภัยสุขเกษมเปรมปรีดา

น้อมรำลึกถึงบุญคุณ..ครูทุกท่าน
....กะลาสีเบจ (๑๔ มกราคม ๒๕๕๑)				
13 มกราคม 2551 10:33 น.

อกหัก..ไม่ยักตาย

กะลาสีเบจ

        โลกชมพูงดงามท่ามดอกรัก
ตอกเสาหลักฝังลึกเป็นปึกฐาน
จะคงมั่นนิรันดร์รักชั่วกัปกาล
ร่วมสาบานต่อเบื้องฟ้าธรานินทร์

เราสองคนปรนนิบัติพัดความทุกข์.
แม้ล้มลุกคอยประคองคล้องถวิล
ข้าแต่ฟ้าเบื้องบนได้ยลยิน
สดับศิลป์แห่งรักปักนำทาง

ฟ้าสวยใสบนเทียวทางครั้งย่างก้าว
เมฆาขาวบรรทุกรักถักสายหาง
ไม่ทันใดฟ้าตระบัตกัดเขี้ยวกราง
กวาดตาขวางร้องคำรามคร้ามอื้ออึง

เสียงเปรี้ยง!ดังของสายฟ้ามาบอกเหตุ
ภัยอาเพทของใจใคร่มาถึง
โลกชมพูมืดสนิทปิดตายตรึง
ประโยคหนึ่ง.."ประโยคเดียว"เคี้ยวกลบกลืน

วาระของ..สองเราเหลือเงาอดีต
เธอใช้ถ้อยคำเป็นมีดมากรีดขืน
สองมือกำรักเราที่ยาวยืน
มาทิ้งคืนทั้งดอกผลต้นทุนใจ

จากวันนั้นฉันหมดแรงแล้งใจสู้
กินน้ำหูซดน้ำตาเพื่ออาศัย
ฝังเสาหลักปักเลนจำเอนไป
โรเรไร้..จุดยืนกล้ำฝืนทน

บทเรียนแสนราคาแพงที่แบ่งให้
คือหลักชัยทางชีวิตลิขิตผล
อุโมงค์มืดกลบฝังร่างพรางใจตน
พลันสว่าง ณ บัดดลบนทางจริง

มาวันนี้ขาหัวใจไร้ทางล้ม
หลงจ่อมจมกับอดีตจารีตสิง
คราบรอยยิ้มนักสู้ลู่เข้าชิง
ปลดแอกอิงกิ่งปัญหาถลาชัย

โลกชมพูงดงามในยามนี้
เท่าที่มีพำนักรักไฉน
รักตัวเองให้ดีก่อนคิดป้อนใจ
ให้กับใครที่อยากรักและภักดี

"อกหัก"ช้ำย้ำหนักสลักแน่น
การแก้แค้นไม่จำเป็นหรอกโฉมศรี
แค่อยากถามผู้หญิงใดช่วยไขที
น้ำตาผู้ชายนี้..คือของว่างหรืออย่างไร

..กะลาสีเบจ (๑๓ มกราคม ๒๕๕๑)				
10 มกราคม 2551 19:24 น.

"สี่คูณร้อย"

กะลาสีเบจ

        แถบชายแดนแคว้นขวานถิ่นด่านใต้
โอท็อปใหม่พุ่งแรงแซงฉะลุย
กอปรกับ*แมวยากจะหาราคากระจุย
จึงขุดคุ้ย"สี่คูณร้อย"มาปล่อยแทน

"ใบกระท่อม"เขียวสดปลดจากต้น
มาคั้นคนเหลือแต่น้ำทำตามแผน
เขียวละอ่อนฝาดขมหลอดลมแกน
รสสุดแสนจะดื่มเพรียวเลี้ยวลงคอ

จึงแต่งเติม"ยากันยุง"ปรุงผสม
จะได้อมความเมาไปเผาก่อ
"ยาแก้ไอ"ไหลผสมกลมกล่อมพอ
หวังปลุกปลอสร้างเหตุการณ์ผลาญชีวา

"กัมม๊อกโซน"เติมแต่งแกร่งฤทธิ
อุตริผลิตภัณฑ์ช่างสรรหา
แต่สูตรใหม่พิเรนทร์พิลึกกว่า
นำไส้หลอดนีออนมาสวาปาม

ทุบนีออนแล้วขูด"สารฟลูออเรสเซนต์"
มาย้ำเน้นแต่งเติมความเหิ่มหาม
สูตรสำเร็จสี่คูณร้อยค่อยเลื้อยลาม
ทั่วถิ่นสาม-สี่อำเภอ*สิงขลา

วัยรุ่นรั้วชายแดนแคว้นศรีวิชัย
กลับเสพไปเผาสถานลานศึกษา
ยิงชาวบ้านบริสุทธิ์จุดครูบา
แสวงเครื่องบึ้ม!ผวาจ่ากระจาย

สิ่งน่าห่วงพ่วงสอยห้อยตามติด
มิใช่แค่ผู้ก่อกิจคิดการณ์ร้าย
เหล่านักเรียนเริ่มสดับรับลวดลาย
เสพฝังกายค่านิยมเลวเหวกัปกัลป์

ขอวิงวอน..รัฐบาลใหม่ในครั้งนี้
เร่งเร็วรี่แก้ปัญหาพา-ติสัน
เทียนเยาวชนหลอมละลายลงทุกวัน
หรืออยากเห็นเพียงตะกรัน..หลั่นโคนเทียน

.....กะลาสีเบจ (๑๐ มกราคม ๒๕๕๑)

*แมว  ยาบ้า เรียกแมวเพื่อพรางตำรวจ (ภาษาถิ่นใต้แถบสงขลา) เช่น ไปเสพแมวหรือไปสูบแมว ก็คือไปเสพยาบ้า
*สิงขลา  จังหวัดสงขลา (สิงขลาเป็นชื่อในสมัยโบราณ)				
3 มกราคม 2551 15:07 น.

โคมจันทร์..ชันนาเลีย

กะลาสีเบจ

      โถงนภาราแรงหรี่แสงลับ
เขยื้อนขยับก้าวย่างสู่รางฝัน
เขมือบขมับกลืนกลบปบตะวัน
ขมีขมันโถงกว้างสร้างราตรี

เมฆาคล้อยชะม้อยแสงแห่งสีบริสุทธิ์
ขาวผ่องผุดละเอียดนวลรัญจวนสี
ค่อยสดับลับหายกรายกาฬี
ท่องนภีเอื่อยอ่อยกร่อยฤทธา

เสมอเสมือนเพื่อนเดิมเริ่มจรัส
เสลือบสลับจุดขาวพราวส่องหา
สดุดแสดงแสงดาวดวงพวงนภา
สถานสถานาฏกาฬลานค่ำคืน

ตัวประกอบออกโรงท้องโถงครบ
ปูพิภพให้ตัวเอกพิเภกผืน
เหลื่อมลำแสงทแยงล้ำยันค้ำยืน
ดาดระดื่นเด่นเดือนเจือนสีนวล

โถงต้อนรับ..โคมจันทร์สั่นระย้า
แสงอำพา..ชันนาเลียละเหี่ยหวน
สง่าสมกลมเหลืองชำเลืองชวน
รูปกระบวนครบพิถันสรรพนา

เอรืองอร่ามส่องหล้าราตรีมืด
พะอมพะอืดปลายอุโมงค์ช่องโพรงผา
สว่างไสวทอดทางรางนิทรา
อนุอนาอบอุ่นกรุ่นชันนาเลีย

ขบวนฝันจันทร์แรมแต้มคืนค่ำ
ลอยสูงล้ำลับตาเวลาเลี่ย
ฉากประกอบรอบข้างมลางเมลีย
โคมจันทร์เพลียอันตรธาน..กาลเวลา

.....กะลาสีเบจ (๓ มกราคม ๒๕๕๑)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะลาสีเบจ
Lovings  กะลาสีเบจ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะลาสีเบจ
Lovings  กะลาสีเบจ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกะลาสีเบจ
Lovings  กะลาสีเบจ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกะลาสีเบจ