1 กันยายน 2547 20:44 น.
กอกก
มีซิ้มแก่คนหนึ่งนอนแน่นิ่ง
ไม่ไหวติงขยับเยื้อนและเคลื่อนไหว
รวยระรินเหนื่อยอ่อนซ่อนความนัย
ตาที่หลับเพียงได้กระพริบตา
หายใจแผ่วเนิบนาบอย่างแผ่วพริ้ว
ปรากฏริ้วแห่งวัยให้อ่อนล้า
ผิวขาวซีดยังดูนวลลออตา
ลูกทั้งห้า..ล้อมรอบข้างขอบเตียง
และนิยายชีวิตใกล้ปิดฉาก
ชีวิตจากแผ่นดินใหญ่ใกล้ดับเสียง
มะเร็งร้ายยื่นความตายเป็นคู่เคียง
ไม่หลีกเลี่ยงตั้งมั่นรับ..อย่างเต็มใจ
ซิ้มคนนี้ลืมตาอย่างเหนื่อยล้า
ในแววตาไร้รู้สึกที่หวั่นไหว
ข้าวปลานั้นไม่อาจฝืนกลืนลงไป
มีเพียงน้ำหยอดได้พอประปราย
ป้อนน้ำใส่ปากซิ้มด้วยจิตล้า
มีน้ำตาไหลร่วงมาเป็นสาย
น้ำตาหล่นมากกว่าน้ำที่ป้อนไป
ให้โหยไห้..สงสารซิ้มกินอะไร
ให้น้ำเกลือไม่ได้หัวใจแหลก
เส้นเลือดแตกเพราะชีพใกล้ดับขัย
เส้นเลือดเปราะเพราะชีวิตที่แก่วัย
ซิ้มค่อยผ่อนลมหายใจ..อย่างรู้ตัว
ซิ้มนอนนิ่งเหมือนรู้ เลิกสู้โลก
สามวันโศกพ้นผ่านกับโลกสลัว
สามกันยาปีสองเก้าเศร้ามืดมัว
ปิดตาตัว..ทิ้งลูกผัวทิ้งร่างไป
สิบแปดปีที่ไร้แม่อยู่เคียงข้าง
คราอ้างว้าง...ยังร่ำหาแม่อยู่ไหน
สาวสุดท้องติดแม่มากยังช้ำใจ
ขออาลัยแด่*แม่*รักอีกสักครา
**********
*ซิ้ม*...ผู้หญิงคนหนึ่งที่พลัดพรากจากแผ่นดินแม่มา
*ซิ้ม*...ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยวิญญาณของความเป็นแม่
*ซิ้ม*...ผู้หญิงที่ต่อสู้กับโรคร้ายด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง
*ซิ้ม*...คือแม่ของเรา วันนี้เราขออาลัยถึงแม่..ที่รัก
3 กันยายน 2547 ครบรอบ 18 ปีวันตายแม่
คิดถึงแม่..อยากกอดแม่..เหลือเกิน..
31 สิงหาคม 2547 00:08 น.
กอกก
ฉันยังอยู่ที่นี่
ในที่เราเคยมีกัน
ก่อความหวังสร้างความฝัน
อยู่ในคืนวันอันเงียบเชียบ
ฉันยังอยู่ที่เดิม
อยู่อย่างเดียวดายง่ายเงียบ
ที่ที่เราเคยย่างเหยียบ
หนาวยะเยียบสะท้านดวงใจนาง
ฉันยังอยู่ที่นี่
รอเธออยู่ตรงนี้ที่อ้างว้าง
แม้นความหวังนั้นเริ่มเลือนลาง
รอเธอหยุดหลงทาง..หันกลับ..รับฝันเรา
28 สิงหาคม 2547 01:09 น.
กอกก
***รักเธอมันล้า*** เรไร
รักใครที ก็พัง หวังวอดวาย
คงจะสาย เกินกว่า หาอีกหน
ถึงจะเหงา จำใจ ให้จำทน
กระวายวน คนเดียว ช่างเปลี่ยวใจ
เพื่อนผมถาม ทำไม อยู่คนเดียว
ไม่เปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง บ้างหรือไร
ผมก็ตอบ ว่ามีบ้าง อยู่ข้างใน
ที่เหงาใจ ก็ทำลืม กล้ำกลืนเอา
ให้เลี้ยงปลา สักตัว คงดีแท้
เราก็แค่ ให้อาหาร มันตอนเช้า
เพียงมองหน้า เคาะดู ตู้เบาเบา
เห็นหน้าเรา ก็ว่ายมา หาทุกที
อยู่อย่างนี้ สบายใจ ใครจะเหมือน
ปลาคือเพื่อน ไม่เคยด่า เมินหน้าหนี
ไม่เคยงอน ต้องมาง้อ ขอคืนดี
ขอแค่มี อาหาร สำราญใจ
ไม่เคยขอ ให้โทรหา เวลานี้
ไม่เคยมี ปัญหา มาแก้ไข
ไม่คอยตาม ว้าวุ่น ให้ขุ่นใจ
ไม่ขอไป ไหนไหน ให้นำพา
แค่แหวกว่าย ในตู้ อยู่กับที่
ไม่ต้องมี สิ่งปรนเปรอ ที่เลอค่า
ไม่เคยพูด โป้ปด ประชดด่า
คอยหาว่า หลอกลวง กลอกกลิ้งไป
รักกับเธอ หัวใจ ฉันมันล้า
มาเลี้ยงปลา ดีกว่า ใครว่าไหม
ไม่ต้องห่วง ใครจะกลิ้ง หรือจริงใจ
ขอตัวไป ดูหน้าปลา ให้อาหาร
@@@@@@@@@@
.......................
**รัก *น้องปลา* ไม่ล้าแน่ **
รักสักคราเธอว่ามันล้านัก
แถมอกหักซ้ำซากหลากหลายหน
จึงปล่อยให้ใจเหงาอย่างจำนน
กระวายกระวนคนเดียวแสนเปลี่ยวใจ
เก็บความเหงาไว้ข้างในไม่อิดเอื้อน
คอยตอบเพื่อนที่ถามว่าเหงาไหม
อยู่คนเดียวอ้างว้างบ้าง ไม่เป็นไร
ที่เหงาใจก็ทำลืมกล้ำกลืนเอา
จึงคิดเพียงเลี้ยงปลามาเป็นเพื่อน
ไม่แชเชือนเป็นเพื่อนใจให้คลายเหงา
ให้อาหารเคาะตู้ดูอย่างเบาเบา
แล้วหยอกเย้าครามันว่ายน้ำมา
คิดเลี้ยงปลาเพียงบอกว่าไม่มากเรื่อง
ปลาแสนเชื่องไร้วาจามาจ๊ะจ๋า
ไร้ร้องขอให้พะนอทุกเวลา
ไร้วุ่นว้าเซ้าซี้รบกวนใจ
ไร้คำขอต่อปัญหามาให้แก้
ไร้ข้อแม้ให้โทรหาเวลาไหน
ไร้ต้องมีสิ่งเลอค่าปรนเปรอใจ
ไร้โป้ปดประชดให้ทุกข์ทน
รักกับใครที่ทำให้ใจเธอล้า
ทอดเวลาเปิดใจรักอีกสักหน
พิจารณาหญิงนี้อีกสักคน
ไม่ต้องค้นความหมายคำ *ล้า* ลา
ปลาตัวเดียวเลี้ยงไปมันเหงาจิต
สองตัวชิดสนิทใกล้ให้อิจฉา
ปิดหัวใจกั้นตัวเองเสียเวลา
เลี้ยงทั้งปลาและ *น้องปลา*ดีกว่าเอย
***************
ประกาศขอขอบคุณ คุณเรไร ผู้จุดประกายให้เกิด
กลอนบทนี้
เป็นกลอนตอบถ้อย..*รักเธอมันล้า*..
20 สิงหาคม 2547 22:47 น.
กอกก
***ทีลอซู ที่รัก***
วันนี้เดินเมื่อยนักขอพักก่อน
มุดเต็นท์นอนฟังเสียงน้ำตกไหล
เสียงสะสาดอึกทึกดังมาไกล
เตรียมใจไว้พรุ่งนี้ได้เยือนยล
เสียงนกร้องจิ๊บจิ๊บกระซิบข้าง
ฟ้ารุ่งสางแสงเริ่มสาดทุกแห่งหน
ลมเย็นชื่นปะทะร่างรื่นกมล
เตรียมดั้นด้น...ค้นหาเดินป่าไป
เสียงสนั่นก้องไพรเสียงสายน้ำ
ละอองฉ่ำอบอวลชวนหลงไหล
ยิ่งก้าวย่างก็ยิ่งใกล้ใกล้เข้าไป
เสียงน้ำไหลยิ่งสนั่นจดใจรอ
ละอองเย็นปลิวมาปะทะหน้า
ความเย็นพาปะทะร่างเหมือนสั่งขอ
ลมเย็นมาปะทะดั่งใจรอ
หายทดท้ออ่อนล้าคนมาไกล
ยอดเขาสูงตะหง่านตรงข้างหน้า
หมอกหยอกฟ้าขาวโพลนสว่างไสว
มองไม่เห็นเส้นขอบเขาหมอกบังไว้
เบิ่งตาไป...เอ๊ะน้ำไหลจากฟ้ามา
หน้าผาสูงสองร้อยเมตรคือน้ำตก
ต้องตระหนกน้ำตกไหลหลายชั้นหนา
ความกว้างของน้ำตกมองเต็มตา
เหมือนกว้างกว่าสี่ร้อยเมตรคือความจริง
ดั่งสายธารน้ำไหลจากสวรรค์
จึงตื้นตันตื่นเต้นกับทุกสิ่ง
ใหญ่ที่ห้าในโลกาคือความจริง
เหมือนยากยิ่งอธิบายอย่างไรดี
สมแล้วที่เดินลดเลี้ยวคดเคี้ยวเลาะ
ความสวยเหมาะให้ดั้นด้นค้นสิ่งนี้
อัญมณีแห่งป่าน่าอภิรดี
**ทีลอซู**แห่งนี้ช่างมีมนต์
~~~~~~~~~~
**ทีลอซู** เป็นภาษากระเหรี่ยงแปลว่า น้ำตกที่ยิ่งใหญ่
**ทีลอซู ชูชื่นใจ** ภาคแรกอ่านได้จากหน้าส่วนตัว
ห้องเก็บกลอนที่ชอบนะคะ
16 สิงหาคม 2547 23:46 น.
กอกก
*** โลกมืดในใจ ***
ไม่มีแสงไม่มีสี...ไม่มีเสียง
เหลือแต่เพียงความรู้สึกเบื้องลึกหลอน
ไม่มีแววเวทนา..เอื้ออาทร
มืดสนิทแน่นอนเป็นฉะนั้น
ฝันสูง ใฝ่สูง ไม่สุดสิ้น
ลืมหมดสิ้นคำหมิ่นจะมีหยัน
เมื่อสิ้นสุดดุจดวงตะวันวัน
แหลกลงนิจนิรันดร์สลายลับ
โลกสวยด้วยเสียงและแสงสี
มาบัดนี้ถึงทีโลกก็ดับ
ทุกสิ่งอย่างแตกแยกและย่อยยับ
มืดอยู่กับโลกมืดในหัวใจตน
....................
...โลกมืดวันนี้ เขียนกวีได้เพียงเท่านี้...ดีแล้ว