20 กรกฎาคม 2548 22:36 น.
กอกก
. ... คนไม่รัก ดี...
เอ๊ะ ใครมาส่งเสียงเคยเคียงข้าง
อยู่กับนางคนใดในห้องหรือ
มาหยอกเย้า วกวนให้คนลือ
เธอนั้นคือของใครใจกับตัว
ทำกรุ่มกริ่มวันนี้พูดดีอยู่
ชายเจ้าชู้มาดเท่ห์เล่ห์สลัว
ส่งคำหวานหว่านหาช่างน่ากลัว
น่าชวนหัวจริงหนอต้องขอลา
เคยซาบซึ้งเราสองในห้องนั้น
อย่าทิ้งฉันให้คอยละห้อยหา
*ยังคิดอยู่ย้อนกลับไม่ลับลา*
ที่หายหน้าใครฉุดเฉี่ยวเธอไป
ห้องเลขที่ยี่สิบสองต้องไร้ค่า
อย่าหวังมาตีสนิทขอชิดใกล้
เกลียดเหลือล้นคนบ้าจงลาไกล
ประตูใจปิดแน่นมิแคลนคลอน
ไม่ต้องหวนกลับมาเห็นหน้าอีก
ฉันจะฉีกอกข้างซ้ายชายกระล่อน
ควักหัวใจเกเรพเนจร
มาสั่งสอนให้รู้จักความรักจริง
น้ำตาหล่นบนเตียงส่งเสียงเพ้อ
ที่ห้องเบอร์ยี่สิบสองมองทุกสิ่ง
เคยชื่นชมกายแนบเข้าแอบอิง
เหลือแต่หญิงโง่งมต้องซมซาน
ฉันจะรอที่เดิมเพื่อเติมทุกข์
เธอสนุกเชิญหลงอย่าสงสาร
แม้นหัวใจสลายจนแหลกลาญ
แต่วันวานเคยปลื้มมิลืมเลือน
................................
19 กรกฎาคม 2548 11:34 น.
กอกก
. ..เกลียดห้อง เลขที่ 22 ..
ใจที่เจ็บ...แต่มิด้านมารานร้าว
กับเรื่องราวครั้งก่อนยังย้อนหวน
น้ำตาหล่นบนหมอนสะท้อนครวญ
จิตแปรปรวนสวาทไร้ใจอัปรา
เหมือนจะกร้าน...แต่ยังเจ็บและเหน็บหนาว
รอยคราบคาวครานั้นยังฝันหา
เขาหว่านโปรยโหยไห้ในอุรา
เป่ามนตราตรึงรักเข้าปักใจ
ใยจึงยอมตรอมตรมจมเป็นทาส
ฤาพิฆาตด้วยเล่ห์ลวงบ่วงสาไถย
จิตระทมข่มร้อนซุกซ่อนใน
รัญจวนใคร่รันทดท้อทรมาน
หรือมนต์ดำกล้ำกรายแล้วหมายกริ้ว
เปลี่ยนเป็นริ้วรอยแค้นมาแทนหวาน
เมื่อยามมองห้องเก่าเราร้าวราน
ใจก็พาลรุ่มร้อนเกินผ่อนคลาย
ไร้วี่แววเขามาหาเวลานี้
ดวงฤดีรันทดสุขหดหาย
เตียงนอนนี้ฉันเปลี่ยวนอนเดียวดาย
สะท้านกายเกินฝืนสะอื้นครวญ
เกลียดเลขที่ ยี่ สิบ สองเบอร์ห้องนี้
ความหลังมีฝังใจร่ำไห้หวน
คราหนึ่งนั้นฉัน-เขา เคยเย้ายวน
ใยเรรวนไม่มา น้ำตาริน
มองรอบห้องอีกหนอย่างคนล้า
ก่อนจากลาตัวตนคนใจหิน
ยี่สิบสองท่องให้แม่นแค้นในจินต์
ชั่วชีวินจนจบอย่าพบเลย
...........................
ระเบียงห้องสีขาวมองราวฟ้า
สกุณาโฉบเฉี่ยวเล่นเกลียวคลื่น
จันทร์กระจ่างแสนงามยามค่ำคืน
โอบขวัญยืนเคียงแข่งเย้ยแสงจันทร์
สัมผัสรักร่วมสนองหลังห้องเก่า
มีแต่เราโลกทั้งใบมิใช่ฝัน
เสน่หาซาบซึ้งส่งถึงกัน
ไม่มีวันเลือนนิวาสสวาทวาย
ห้องเบอร์ที่ยี่สิบสองเคยครองคู่
ยังคิดอยู่ย้อนกลับใช่ลับหาย
ความอบอุ่นยามอิงแอบกายแนบกาย
ตราบชั่วฟ้าดินสลายยังหมายปอง
จาก...พี่เสือ
12 กรกฎาคม 2548 20:34 น.
กอกก
. .. เกาะสีชัง มิชังเจ้า ..
ลมทะเลเวลาบ่ายโชยชายชื่น
พลิ้วลมรื่นรอบกายคลับคล้ายเหมือน
เย็นจากมนต์ดลให้ผู้ได้เยือน
มิลืมเลือนสุขล้นต่อคนไกล
ลั่นทมใหญ่ให้ชมชื่นระรื่นจิต
มองเพ่งพิศยืนทะนงชวนหลงใหล
ลำต้นแก่แผ่กิ่งก้านขนานไป
เห็นดอกใบหลายหลากล้วนมากมี
ต้นมะขามงามอยู่คู่เคียงใกล้
เขาปลูกไว้แต่โบราณกาลก่อนนี้
คู่ลั่นทมปลูกมาร้อยกว่าปี
เดินชวนชี้สุขเกษมเปรมอุรา
เหลียวรอบกายหมายชมภิรมย์รื่น
แลแตกตื่น เขตราชวังน่ากังขา
พระจุฑาธุชราชฐาน อันลือชา
สมัย ร. ห้า สร้างไว้วิไลเรือง
ตะวันคล้อย ค่อย ค่อย ลาลับร่วง
แล้วทิ้งดวงขอบฟ้านี้สีส้มเหลือง
แดงสะท้อนทะเลดั่งมลังเมลือง
สุดลือเลื่องช่องเขาขาด พิลาสดี
แล้วเราสองปองหมายคล้ายเคียงคู่
ยืนมองดูตะวันลับกลับสุขี
เกาะสีชัง ดั่งสวรรค์สุขาวดี
ดินแดนนี้มีมนต์ขลังมาฝังใจ
.....................
.......................................................................................................................
ที่ในบริเวณเขตพระราชวังพระจุฑาธุชราชฐาน บนเกาะสีชัง...
เป็นสถานที่ตั้งอาคารสถานที่สำคัญๆ หลายแห่ง...
แต่สิ่งที่ดึงดูดใจข้าพเจ้าได้ดียิ่งอีกสิ่งหนึ่งคือ ต้นลั่นทมยักษ์และต้นมะขามยักษ์...
ที่ปลูกเรียงรายไว้มากมายในเขตพระราชฐานนั้น...
จนขอยกมาอวดอ้างเป็นกลอนไว้ ณ ที่นี้...
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อก็มีมากมายนัก วันนี้ขอยกตัวอย่างเพียง ช่องเขาขาด หรือช่องอิศริยาภรณ์...
เป็นสถานที่ที่นิยมมาดูพระอาทิตย์ตกน้ำกันมากที่สุด...
........................................................................................................................
## ขอขอบคุณนายแผน ผู้เอื้อเฟื้อภาพ (เพื่อนเราอิ้ อิ้ )
8 กรกฎาคม 2548 22:48 น.
กอกก
. ..ร้องไห้กลาง สายฝน..
สายฝนพรำ ค่ำคืนนี้ ที่โปรยสาย
มองคลับคล้าย เส้นแสง ที่แกว่งไหว
ลมกรรโชก โยกพัด สะบัดไกว
เปรียบฝนใส่ อารมณ์ ล้อลมครวญ
แสงไฟสาด คล้ายส่อง ละอองฝน
ที่ร่วงหล่น ริ้วสาย มากลายหวน
ระยิบระยับ ฝนปราย คล้ายแปรปรวน
เป็นแนวล้วน โปรยประสาน เมื่อนานมา
อารมณ์เหงา เศร้าหมอง ของคนนี้
อยู่กับที่ รวดร้าว เกินก้าวขา
หยุดเถิดหนอ อย่าซ้ำ เจ้าน้ำตา
หากหลั่งมา ว่าสะอื้น ขอฝืนทน
แล้วสายฝน หล่นกระหน่ำ สาดซ้ำหนัก
คนพ่ายรัก ครวญคำ พร่ำกับฝน
สมน้ำหน้า ว่าโง่นัก ปักใจตน
แม้นหมองหม่น กริ้วโกรธ จะโทษใคร
พลันวิโยค โศกนัก เกินจักห้าม
ถาโถมตาม กมล คนหวั่นไหว
เดินตากฝน ปนสะอื้น ขมขื่นใจ
น้ำตาไหล รวมกับฝน หยาดหล่นมา
.....................
3 กรกฎาคม 2548 18:27 น.
กอกก
. ลมหายใจนี้..เพื่อเธอ
มองจันทร์เสี้ยวข้างแรมไม่แจ่มฟ้า
ม่านเมฆาผ่านผันบุหลันหาย
ลมกรรโชกโบกเย็นมิเว้นวาย
อยู่ใต้สายลมแรงและแสงจันทร์
เหมือนสองร่างเคียงคู่เป็นชู้รัก
แนบวงพักตร์เพื่อแสดงทางแห่งฝัน
เฝ้าอิงแอบแนบชิดจุมพิตกัน
เติมให้ทันอารมณ์สมอุรา
พิศวาสบาดอารมณ์ร่วมชมชื่น
เริงระรื่นรสเล่ห์เสน่หา
ลมที่แรงร่วมฝันกับจันทรา
มิเหนือกว่าลมหายใจที่ไหลวน
ระหว่างลมชมชื่นในคืนค่ำ
ที่ดื่มด่ำใกล้ชิดสัมฤทธิ์ผล
ลมหายใจใคร่สนองเราสองคน
ระรินชนวนเวียนเปลี่ยนซึ่งกัน
ยามใกล้ชิดอิงแอบเนื้อแนบเนื้อ
ประดุจเอื้อร่วมรับเธอกับฉัน
อานุภาพความรักและผูกพัน
แสนสุขสันต์ใต้ลมโลมแสงโสมเอย
.................................