8 มีนาคม 2553 14:50 น.
กวีบ้านไร่
ถึงกาฬยุค บนพื้นดิน ที่สิ้นแสง
ฟ้าเคยแจ้ง ต้องมืดมัว สลั่ว
เพราะอำนาจ กาฬคน ที่เต็มตัว
นำความชั่ว ส่งสร้าง แนวทางตน
มาตรฐานรัฐะ มากมาตรฐาน
คนเต็มบ้านต่างรู้ซึ้ง ทุกแห่งหน
นำกฎหมาย ตีกินเข้าพวกตน
จนผู้คน ทนทานไม่ได้ จึงออกมา
จากสิบหกตุลามาห้าสาม
ลองติดตาม ดูเถิด สิ่งที่หา
ประชาธิปไตย ไทยเป็นมา
หรือเพียงค่า ปากกาบนรัฐธรรมนูญ
กี่หยดเลือดวีรชน ดำเนินขีด
กี่เลือดฉีด บนธรรมนูญอันอดสู
กี่ผู้คนที่ ล้มตายให้คิดดู
กี่คนผู้ ที่สร้างสรร ขวัญเมืองไทย
ไทยเป็นไทย หลายร้อยปี ใช่ปีนี้
ก่อนหน้านี้ เป็นไทยได้ จนผ่องใส
บรรพชน เอาเลือดรบ กลบเส้นชัย
จนเป็นไทย ให้ไอ้อี แย่งชิงกัน
มาจนถึงสองสี่เจ็ดห้า
คณะราษฎร์ มานำไทย ส่งฝัน
ประชาธิปไตร ควรเป็นของไทยนั้น
จนองค์ท่าน ร.๗ สละองค์ลงมา
องค์ฯสละอำนาจให้ราษฎร์ นั้น
ต่างรู้กัน มิได้ให้ผู้ใด มีวาสนา
ใช้อำนาจเกินกว่า มวลประชา
อัญเชิญตรา ธรรมนูญ มาปกครอง
จนเวลาล่วงก้าว เป็นทศวรรษ
ผู้คนจัดเสพสม อำนาจของ
รัฐมนตรี นายก ต่างหมายปอง
เหิมเกริมต้อง รัฐประหารกัน
อำนาจมืดปกครอง ปีสิบหก
จนไทยตกกาฬยุค มิสุขสันต์
นักศึกษาเข้าป่า ต่างรู้กัน
จนถึงวันเส้นชัยราชดำเนิน
มาปีกลายเมษาเลือด เลือดไหลล้น
เพราะผู้คนมาก มาย ไม่ห่างเหิน
ประชาธิปไตย ไทยต้องก้าวเดิน
เสารีย์ฯ เกินจะเปิดทาง จนรบกัน
มาปีนี้ มีนาร้อน ร้อนถิ่นหนัก
คนหลายหลัก หลายฐาน ผสมศัลย
รวมกลุ่มก้อน เข้าเรียกร้อง สิทธิไทยนั้น
ให้รู้กัน เหลือง แดง จะรู้ดี
แดง หรือ เหลือง ครองเมือง ไทยแล้วหรือ
หรือนี่คือ กาฬยุค เกินสุดที่
จะหักห้าม มิให้รบ จบชีวี
เพราะน้องพี่ หลานไทย ไม่รักกัน
+++++++++++++++++++++++++
8 มีนาคม 2553 12:42 น.
กวีบ้านไร่
(จดหมายจากพญานาค )
เขียนจากพื้นบาดาล เมืองดินต่ำ
หวังจะนำ ถ้อยคำ ถึงสหาย
พญามังกร เพื่อนที่เคยร่วมเคียงกาย
ช่วยผ่อนคลายทุกข์ร้อน ให้เห็นใจ
น้ำในของ เกือบแห้ง แล้งขนาด
เพื่อนฉลาดกั้นกันน้ำไม่ให้ไหล
มวลพวกนาคน้อยใหญ่ แทบขาดใจ
เพราะน้ำไกล โดนกั้น ใกล้สิ้นเมือง
สงสารเถิดท่านท้าวมังกร ผู้ยิ่งใหญ่
เราเมืองไกล วอนไหว้ด้วยสร้อยเขือง
เห็นแต่มิตร โปรดปล่อยน้ำได้เจือเมือง
ผู้รุ่งเรืองอย่างท่าน โปรดเอ็นดู
คำวิงวอนจากมิตร สนิทเชื้อ
เคยช่วยเหลือ ครั้งเก่า เคยเคียงสู้
น้ำพึ่งเรือ นาคพึ่งน้ำช่วยคิดดู
มังกรอยู่เมืองต้นน้ำ อย่าแกล้งกัน
โขงแห้งนัก เพื่อนรัก ร้อนตัวมาก
สงสารนาค น้อยใหญ่ ไร้สุขสันต์
เมืองใต้น้ำ ต้องสิ้นชาติ ด้วยสุริยันต์
เมืองคนนั้น ร้อนขึ้นทุกคืนวัน
(ตอบพญานาค)
ถึงพญาเมืองนาคมิตรสนิทเชื้อ
เราอยากเจือจุนนาค ผู้โศกศัลย์
น้ำในเมืองมังกร มากอย่างรู้กัน
เพราะคนนั้น สร้างเขือนในแดนเรา
คนเท่านั้น เหลือมล้ำ รุกรานนาค
จึงเขียนฝาก ถึงนาคอย่าหมองเศร้า
ว่าพวกคน ทุกวันนี้ข่มเหงเรา
ตั้งตัวเขา ยังข่มเหงกันและกัน
อยากช่วยเพื่อแทบขาดใจ ไยช่วยได้
เพราะเขือนได้ สร้างกำแพง อย่างแข็งขัน
แม้มังกร จะฟาดหาง ฝ่าฟัน
แต่เขือนนั้น ก็ยากจะพังลง
จนจำต้องบอกเพื่อน ให้บอกมนุษย์
ช่วยกันหยุดโลกร้อน วอนประสงค์
นาคน้อยใหญ่ จะสิ้น ชีวิตลง
โปรดช่วยพงษ์ เมืองนาคและมังกร
4 มีนาคม 2553 16:37 น.
กวีบ้านไร่
เมื่อคำดี มีค่าพ่อแม่สอน
ครั้งเมื่อตอนเป็นเด็กน้อยด้อยศึกษา
อย่าทำชั่ว ให้ทำดี ดีจะมา
ส่งนำพาให้สุข อยู่ร่มเย็น
ฉันเริ่มงง เห็นคนดี มีที่ไหน
ทนอยู่ได้ กับความจน ที่ทนเห็น
มองดูชั่ว ได้ดี จนอยากเป็น
สิ่งที่เห็น คนทำดี มีน้อยลง
เพราะสังคมเชิดชู คนรวยล้น
จนยากจน ใครจะมอง ให้เทียมหงส์
เพราะสังคมขีดค่าเงิน ที่มั่นคง
ความซื่อตรงจึงหาย เพราะเงินตรา
การศึกษาสอนคนให้เก่งกาจ
เด็กฉลาดชาติ จึงมากวาสนา
มิได้เห็น ใคทำดี มีเงินตรา
รวยกันมา เพราะคดโกง คงตามกัน
ย้อนดูเด็ก ในอดีต นั้นดีหมด
โตมาคดโกงกัน ปั้นเสกสรร
เส้งทำดี เชิดชูค่าอย่างรู้กัน
แต่คืนวันหวนคืน จึงได้ดู
ขึ้นอยู่ว่า ใครมีอำนาจขณะนี้
ด้อยก็มี ไพรี ซ้ำน่าอดสู
แท้ที่จริง เป็นไงก็รู้อยู่
อย่าเข้ารู้ อิเหนา เขาเป็นเอง
แกล้งเปิดแผลคนอื่นดูเวอะวะ
ดูเองหล่ะ น่าแขยง คนข่มเหง
ว่าแต่เขา เรากลับมาเป็นเอง
แล้วแอบเบ่ง ว่าตนดี กว่าทุกคน
+++++++++++
3 มีนาคม 2553 08:29 น.
กวีบ้านไร่
กับความงามบทกลอนที่ริเริ่ม
ค่อยแต่งเติมเสริมคำหมั่นฝึกฝน
วางร้อยเรียงจัดเกณฑ์และอดทน
หวังเป็นคนเก่งกาจฉกาจกลอน
หยดน้ำคำนำความคิดเขียนผิดถูก
เปรียบดังลูกคนเล็กยังต้องสอน
วางสระสัมผัสนอกบอกเป็นกลอน
คำอักษรผิดพลาดบ้างอย่าดูแคลน
คำกวีมีค่าเกิดกล่าวอ้าง
กวีสร้างความงามตามแบบแผน
สุนทรียจึงเกิดอ้างวางเป็นแกน
ตามแบบแผนครรลองแห่งความงาม
เพราะความรู้ยังน้อยจึงหัดแต่ง
โปรดอย่าแกล้งลองภูมิมาไตร่ถาม
เพราะที่จริงยังไม่ชำนาญนาม
กับความงามของครูกลอนที่เกิดมา
เปรียบดังแสงระวีที่แรงน้อย
แต่ยังคอยส่องทางมากคุณค่า
จึงขอวอนครูกลอนโปรดเมตตา
ขอเวลาศิษย์บ้างอย่าดูแคลน
เราใช่เป็น นักกวีมืออาชีพ
แต่ที่กลีบเรียงอักษร เพราะหวงแหน
อยากเรียนรู้ กับค่าที่หาย มาทดแทน
อย่าดูแคลน พวกเราชาวบ้านกลอน
++++
2 มีนาคม 2553 18:05 น.
กวีบ้านไร่
หัวใจ เอย ไยจึงเต้นระรัวนัก
เมื่อพบพักตร นารถน้อง ต้องสั่นไหว
กระอุ่มยิ้ม กระอิ่มเอม เต็มทั้งใจ
ยิ่งอยู่ใกล้ ใจนี้ยิ่งระรัว
พอเข้านอน ก็แอบยิ้มปริมทั้งแก้ม
ภาพยิ้มแย้ม นวลน้อง อยู่ในหัว
อยากจะลุก อยากจะนอน ไร้ตนตัว
ใจระรัว เมื่อคิดถึง คนึงนาง
จึงกอดหมอน แทนนอนกับนวลน้อง
หลับตามอง ภาพน้อง ไม่เหินห่าง
หายใจเข้า หายใจออก มีนวลนาง
แล้วค่อยวาง ความคิดถึงในฝันเรา