8 มิถุนายน 2547 17:04 น.
กวีบ้านไร่
ณ เพลาใกล้ค่ำ ฟ้าดำคล้อย
เมฆาลอยลมเล่น เป็นสีหมอง
ลมพัดเฉื่อยเชยทุ่ง กระเพือบคลอง
เรไรร้อง เริงร่ากลางทุ่งนา
ใบข้าวเขียวเอนเล่นทิวลมล่อง
กบเขียดร้องประสานเสน่หา
ฟังเป็นเสียงเพลงทุ่งมากราคา
ระบำปลาร่ายท่าอยู่หน้าไซ
ผักอีฮีน(1) เบ่งสีน้ำเงินม่วง
ปริว หล่นล่วงลงน้ำนาที่เย็นใส
แมงระงำ(2) ฮวก(3) น้อย เล่นกันไป
ช่างสุขใจราวว่าเป็นเมืองทอง
ตกกลางคืนหมู่แมงหิงห้อย
ปล่อยแสงสร้อยสีเงินเหนือบึงหนอง
ระยิบยับงามแท้เมื่อมามอง
มนต์น้ำคลองของชาวนาชั่งนาชม
-----------------------------
นิยาม
ผักอีฮีน คือผักที่เกิดเองธรรมชาติ มักเกิดในทุ่งนาและพบในภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่
แมงระงำ คือ ตัวอ่อนแมงปอ อยู่ในน้ำ
ฮวก คือ ลูกออด
8 มิถุนายน 2547 12:16 น.
กวีบ้านไร่
แม้นปี่กลองบรรเลงเป็นเพลงเศร้า
ขอนงเยาว์อย่าเหงาตามเสียงขาน
แม้สายฝนจะเคล้าเศร้าอยู่แสนนาน
เยาวมาลย์อย่าอ่อนแอตามสายลม
อยากจะร้องร้องไห้เลยที่รัก
ร้องสักพักพอให้ลืมเรื่องขื่นขม
แล้วล้างหน้าเบิกตามาชื่นชม
กับสายลมที่พัดใหม่มาอีกที
ยิ้มอีกครั้งยิ้มอีกทีน่ะที่รัก
สุขจะทักพาชื่นอย่างสุขี
มีแต่สุขเมื่อเริ่มใหม่กับชีวี
ดุจนทีที่ไหลหลั่งไม่ทุกข์ทน
8 มิถุนายน 2547 11:36 น.
กวีบ้านไร่
ถึงฟ้าดินสิ้นแหลกแตกสลาย
ยังไม่คลายรักพี่ที่ห่วงหา
ฟ้าถล่มทะเลแห้งลงพริบตา
ใช่จะมาพรากรักไปจากเรา
ถึงแผ่นดินจะแยกแตกสะบั้น
ถึงฟ้านั้นต่ำพาดตามทิวเขา
แต่รักพี่จะคงมั่นในนงเยาว์
ดุจไพรเนารักไม้ไม่ร้าวราน
แม้จะเกิดชาติไหนในภพหน้า
ตั้งวาจากล่าวคำอธิฐาน
ขอให้พบรักน้องเยาวมาลย์
มาประสานสายสัมพันธ์มั่นในใจ
จะมีนุชคนเดียวที่คงมั่น
จะสืบวันรักนี้มิเฉไฉ
จะครองรักสองเราให้ยาวไกล
จะผูกใจรักนี้ไว้ที่เธอ
7 มิถุนายน 2547 10:11 น.
กวีบ้านไร่
แสงสีระยิบยับ สีทองจับทอเป็นสาย
รุ้งฟ้าสีหลากหลาย งามเป็นสายโค้งเส้นทอง
ไอดินกลิ่นคละฟุ้ง ตามทิวทุ้งน่าชวนมอง
ดอกบัวอยู่ริมคลอง บานชูช่อรอภมร
น้ำโขงล่องลมเย็น ใสจนเห็นแนวสันดร
ห่วงนางสุดอาวร เมื่อมาเห็นเมืองหนองคาย