8 มิถุนายน 2547 11:36 น.
กวีบ้านไร่
ถึงฟ้าดินสิ้นแหลกแตกสลาย
ยังไม่คลายรักพี่ที่ห่วงหา
ฟ้าถล่มทะเลแห้งลงพริบตา
ใช่จะมาพรากรักไปจากเรา
ถึงแผ่นดินจะแยกแตกสะบั้น
ถึงฟ้านั้นต่ำพาดตามทิวเขา
แต่รักพี่จะคงมั่นในนงเยาว์
ดุจไพรเนารักไม้ไม่ร้าวราน
แม้จะเกิดชาติไหนในภพหน้า
ตั้งวาจากล่าวคำอธิฐาน
ขอให้พบรักน้องเยาวมาลย์
มาประสานสายสัมพันธ์มั่นในใจ
จะมีนุชคนเดียวที่คงมั่น
จะสืบวันรักนี้มิเฉไฉ
จะครองรักสองเราให้ยาวไกล
จะผูกใจรักนี้ไว้ที่เธอ
7 มิถุนายน 2547 10:11 น.
กวีบ้านไร่
แสงสีระยิบยับ สีทองจับทอเป็นสาย
รุ้งฟ้าสีหลากหลาย งามเป็นสายโค้งเส้นทอง
ไอดินกลิ่นคละฟุ้ง ตามทิวทุ้งน่าชวนมอง
ดอกบัวอยู่ริมคลอง บานชูช่อรอภมร
น้ำโขงล่องลมเย็น ใสจนเห็นแนวสันดร
ห่วงนางสุดอาวร เมื่อมาเห็นเมืองหนองคาย
28 พฤษภาคม 2547 13:44 น.
กวีบ้านไร่
เมื่อแรกเกิดมีอะไรติดมาบ้าง
พรห์มใดสร้างให้เกิดมาตามวิถี
ถือกำเนิดหล่อหลอมรวมชีวี
ทุกวันนี้เกิดมาเพื่ออะไร
มีใครรู้ว่าเราเกิดจากที่ไหน
แล้วทำไมจึงเกิดมาน่าสงสัย
อยากจะรู้ว่าเราเกิดมาทำไม
เพื่ออะไรจึงเกิดมาได้เป็นคน
เมื่อเกิดมาคนเดียวตัวว่างเปล่า
แต่เรื่องราวเติบใหญ่ให้ฉงน
แต่งงานแล้วก็ให้กำเนิดคน
แล้วเวียรวนเกิดมาเพื่อสิ่งใด
เมื่อตายไปตัวคนเดียวก็ว่างเปล่า
แต่เรื่องราวยังคงเหลืออย่าสงสัย
ความดีชั่วมิได้สินมะลายไป
คงเหลือไว้ความดีชั่วไปชั่วกัลป์
อย่าได้คิดสำคัญตนว่าตนใหญ่
จงคิดได้ว่าเกิดเพื่อสร้างสรร
ทุกคนเกิดและตายที่เดียวกัน
เร่งสร้าสรรความดีงามขึ้นใส่ตัว
25 พฤษภาคม 2547 18:26 น.
กวีบ้านไร่
เจ็บมากไหม เป็นอะไรมากหรือเปล่า
เห็นข่าวคราวว่าเล่ามาใจหวั่นไหว
ว่าเธอเขาแตกหักรักพังไป
คนอยู่ใกล้อย่างฉัน นั้นร้าวราน
เธอมองฉันนัยตาดูเศร้าเศร้า
ก้มมองเงาพูดจาน่าสงสาร
เธอพร่ำเพ้อถึงเรื่องเมื่อวันวาน
ทรมานเพราะพิษรักมาลวงใจ
เธอจะรู้หรือไม่ เพื่อนคนนี้
ทุกนาทีอยากมีเธอคอยชิดใกล้
แต่ติดขัดเพราะเธอมีคนในใจ
จึงทำได้แค่คนห่วงใยเธอ
25 พฤษภาคม 2547 18:20 น.
กวีบ้านไร่
กับความงามบทกลอนที่ริเริ่ม
ค่อยแต่งเติมเสริมคำหมั่นฝึกฝน
วางร้อยเรียงจัดเกณฑ์และอดทน
หวังเป็นคนเก่งกาจฉกาจกลอน
หยดน้ำคำนำความคิดเขียนผิดถูก
เปรียบดังลูกคนเล็กยังต้องสอน
วางสระสัมผัสนอกบอกเป็นกลอน
คำอักษรผิดพลาดบ้างอย่าดูแคลน
คำกวีมีค่าเกิดกล่าวอ้าง
กวีสร้างความงามตามแบบแผน
สุนทรียจึงเกิดอ้างวางเป็นแกน
ตามแบบแผนครรลองแห่งความงาม
เพราะความรู้ยังน้อยจึงหัดแต่ง
โปรดอย่าแกล้งลองภูมิมาไตร่ถาม
เพราะที่จริงยังไม่ชำนาญนาม
กับความงามของครูกลอนที่เกิดมา
เปรียบดังแสงระวีที่แรงน้อย
แต่ยังคอยส่องทางมากคุณค่า
จึงขอวอนครูกลอนโปรดเมตตา
ขอเวลาศิษย์บ้างอย่าดูแคลน