11 มิถุนายน 2547 19:17 น.
กวีบ้านไร่
เพียงแค่ได้พบเธอในครั้งแรก
ความหมายแซก ระหว่างใจให้คิดถึง
เฝ้าแต่ห่วงอยากเห็นหน้าเฝ้าคะนึง
ฝากคำซึ้งไปฝากเธอให้ที
เพียงครั้งแรกที่ได้พบรู้จัก
อยากจะทักคุยกับเธอยายี
อยากเคียงข้างคุยกับเธอทุกนาที
เพียงเท่านี้ก็คงเพียงพอใจ
11 มิถุนายน 2547 10:03 น.
กวีบ้านไร่
จับไม้เท้าเดินตามทางลิขิต
พาชีวิตเดินไปถึงจุดหมาย
มีบางครั้งเท้าระบมเหงื่อโสมกาย
อุปสรรคมากมายรายริมทาง
ทั้งขวดหนามดงป่าอสรพิษ
หรือมวลมิตรศัตรูที่หมองหมาง
ล้วนคือเพื่อนที่ร่วมบนเส้นทาง
รอที่ว่างให้เราเข้าแข่งเดิน
มีบางครั้งศัตรูกลายเป็นมิตร
มีบ้างมิตรคิดห่างให้ขาดเขิน
เป็นศัตรูทิ้งให้เราเข้าเผชิญ
กับทางเดินลำพังไม่เหลียวมอง
มีหลายคนเบียดเสียดให้เราล้ม
เหยียบให้จมช้ำจนใจหมอง
บ้างป้ายสีให้เราน้ำตานอง
บ้างก็มองว่าเราไร้ราคา
อย่าได้แคร์กับคำพูดที่ถากถาง
อย่าได้วางใจเชื่อหรือถือสา
กับคำชมที่เขาเล่ากันมา
บอกวาจาล่อลวงให้หลงทาง
9 มิถุนายน 2547 11:00 น.
กวีบ้านไร่
เห็นน้ำตาเพื่อนเก่าที่เศร้าจิต
เหมือนคบคิดเรื่องราวที่สับสน
ก่อนหน้านี้เพื่อนควายเคยช่วยคน
มีเครื่องยนต์เพื่อนคนลืมเพื่อนควาย
ก่อนหน้านี้เพื่อนควายไถ่นาไร่
ทั้งดำไถช่วยคนไม่ขาดหาย
เก็บเกี่ยวลากข้าวปลาก็เพื่อนควาย
แต่ความหมายว่าควายไม่สู้ดี
มีคำด่าว่าร้ายว่าโง่เง้า
เป็นคำเว้าโง่เหมือนควายไร้ราศี
แต่ให้รู้ความหมายที่ควายมี
นั้นมากที่คุณงามที่ช่วยคน
คนทำนาเสร็จแล้วกินเมล็ดข้าว
แต่ควายเฝ้าทำนาทุกหน้าฝน
ข้าวสักเม็ดควายไม่ได้กินเหมือนคน
ควายอดทนฟังคำด่าว่าโง่งม
8 มิถุนายน 2547 17:04 น.
กวีบ้านไร่
ณ เพลาใกล้ค่ำ ฟ้าดำคล้อย
เมฆาลอยลมเล่น เป็นสีหมอง
ลมพัดเฉื่อยเชยทุ่ง กระเพือบคลอง
เรไรร้อง เริงร่ากลางทุ่งนา
ใบข้าวเขียวเอนเล่นทิวลมล่อง
กบเขียดร้องประสานเสน่หา
ฟังเป็นเสียงเพลงทุ่งมากราคา
ระบำปลาร่ายท่าอยู่หน้าไซ
ผักอีฮีน(1) เบ่งสีน้ำเงินม่วง
ปริว หล่นล่วงลงน้ำนาที่เย็นใส
แมงระงำ(2) ฮวก(3) น้อย เล่นกันไป
ช่างสุขใจราวว่าเป็นเมืองทอง
ตกกลางคืนหมู่แมงหิงห้อย
ปล่อยแสงสร้อยสีเงินเหนือบึงหนอง
ระยิบยับงามแท้เมื่อมามอง
มนต์น้ำคลองของชาวนาชั่งนาชม
-----------------------------
นิยาม
ผักอีฮีน คือผักที่เกิดเองธรรมชาติ มักเกิดในทุ่งนาและพบในภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่
แมงระงำ คือ ตัวอ่อนแมงปอ อยู่ในน้ำ
ฮวก คือ ลูกออด
8 มิถุนายน 2547 12:16 น.
กวีบ้านไร่
แม้นปี่กลองบรรเลงเป็นเพลงเศร้า
ขอนงเยาว์อย่าเหงาตามเสียงขาน
แม้สายฝนจะเคล้าเศร้าอยู่แสนนาน
เยาวมาลย์อย่าอ่อนแอตามสายลม
อยากจะร้องร้องไห้เลยที่รัก
ร้องสักพักพอให้ลืมเรื่องขื่นขม
แล้วล้างหน้าเบิกตามาชื่นชม
กับสายลมที่พัดใหม่มาอีกที
ยิ้มอีกครั้งยิ้มอีกทีน่ะที่รัก
สุขจะทักพาชื่นอย่างสุขี
มีแต่สุขเมื่อเริ่มใหม่กับชีวี
ดุจนทีที่ไหลหลั่งไม่ทุกข์ทน