7 พฤษภาคม 2555 19:34 น.
กวีบ้านไร่
(๐)มีบ้างบางครั้ง ที่รั้งรอ เพราะข้อขาอ่อน
จำต้องนอน ผ่อนพัก ให้เหนื่อยหาย
บทพิสูจน์ที่ หนาหนัก มาทักกาย
สิ่งที่คลาย ความเหงาเศร้า คือใจเธอ
(๐)อ่อนแรงกาย ระรวยท้อ ท้อจนร่วง
แต่แรงหน่วง รั้งดึง จึงไม่เผลอ
โหมกายลุก ปลุกใจ ด้วยใจเธอ
เป็นดังเกลอ เป็นดังใจ ให้ลุกเดิน
(๐)เติมใจท้อ ด้วยใจเต็ม ให้ใจลุก
ปลุกกายลุก ด้วยแรงใจ ไม่ขาดเขิน
ส่งใจรัก ผลักกายสู้ ให้ขาเดิน
จึงดำเนิน บนดำริ ที่ตริตรอง
(๐)บอกใจท้อ ท้อได้ อย่าท้อถอย
อย่าเลื่อนลอย ตั้งหลักสู้ อย่างผยอง
ให้กล้าแกร่ง แข็งสู้ อยู่ดังทอง
ที่ไฟต้อง ไม่ร้อนรน ทนร้อนกาย
(๐)บทพิสูจน์ ที่ฟ้าสร้าง ส่งมาทัก
แต่ฟ้าจัก ต้องยอมแพ้ ด้วยใจหมาย
หากแรงสู้ ด้วยใจกล้า มากล้นกาย
ผลักผ่านได้ ด้วยใจกล้า อย่าท้อเลย
กวีบ้านไร่
๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕
23 ตุลาคม 2554 09:58 น.
กวีบ้านไร่
เพียงแค่เสียงหัวใจเรียกหาเบาเบา
คนเก่าเก่าก็เข้าใจ ในความหมาย
แต่สัญญาณเสียงหดหมดหาย
เมื่อความเดียวดายเข้าแทรกหา
ความเหงา ทำเราต้องซึม หว้าเหว่
เหมือนขายเร่ หัวใจให้ไคว่คว้า
โปรโมชั่น ลดแลกแจกขึ้นมา
แสวงหา ค่าของหัวใจที่โรยริน
ร่ำเรียกเพรียกหา ใจดวงใหม่
แต่หัวใจยังหวังค่า เคยถวิล
แต่รักใหม่ที่เข้ามาแซมดวงดิน
จำถวิล สิ้นไปในเร็วพลัน
ความสับสนเริ่มค้นขึ้นถามหา
ว่าเวลาหรือไรเล่า แทรกฝัน
ตัวแปรที่แท้ คือความไม่เข้าใจกัน
จนถึงวันที่ยากจะประครองมา
เป็นความเจ็บที่เกิดจากความไกล
เป็นความห่วงไยที่เธอไม่โหยหา
เป็นคาบแห่งห้วงกาลเวลา
ที่ปลุกลุกขึ้นมาเป็นค่าตัวแปรใจ
ต่างคนต่างอยู่เพื่อมองหาค่าสิ่งใหม่
คือคำที่ใช้เมื่อเกิดปัญหามาเขวไขว่
รักก็เริ่มหาย หายไป และหายไป
จนสุดท้ายคือคำว่า ไม่เข้าใจกัน
พอจะส่งสัญญาณเสียงใจไปหา
เธอตัดค่าด้วยการไม่รับสายนั้น
และแล้วใจยิ่งเพิ่มตัวแปรผัน
เร่งคืนวันให้มันเร็วขึ้นกว่าเดิม
ห่วงนะคนเก่า ฉันห่วงเธอนะ
แต่ก็นะ มันเป็นเพียงแค่แรงเสริม
จะมีค่าอะไรถ้าเธอไม่ประเดิม
หรือแต่งเสริมเพิ่มรักให้ขึ้นมา
กวีบ้านไร่
(ระหว่างรอเปลี่ยนยางรถที่ธนากรออโต้เซอร์วิส)
พนัสนิคม ชลบุรี
23 ตุลาคม 2554 09.57
9 ตุลาคม 2554 14:09 น.
กวีบ้านไร่
ก่อนเคยพร่ำพรรณาเอ่ยบอกรัก
สุดจะหักห้ามใจให้ฝันหา
พอเนินน่าน เกินไกลกาลเวลา
เป็นน้ำตามาลาพร่ำ ให้พ่ายพัง
ความดีพอ ไม่พอดีให้เริ่มคิด
ถึงชีวิตที่จะก้าวข้ามความหลัง
แต่สายป่านแห่งสายไยยังไม่พัง
เลยต้องนั่งทำใจ ให้ช้ำตรม
เหมือนเรายืนกลางสามเพ่ง แห่งสามรัก
กับใจจักษ์ปักษ์ไว้ ให้ขื่นข่ม
หรือจะเริ่มรักใหม่ ให้ภิรมย์
เจ็บและตรม พรห์มรักลิขิตมา
ผิดที่ฉัน คาดหวังในเธอมาก
แต่ก็ยาก เกินเธอ จะมองหา
จึงต้องสูญ รักสิ้น ทั้งน้ำตา
เพราะสายตา เธอปิดกั้น ความฝันเรา
เหมือนคนโง่ ที่งมหงายในความรัก
แอบเพ้อปักษ์รักไว้ อย่างเขลาเขลา
ทั้งที่รู้ เขาอยู่สูงเกินตัวเรา
และตัวเขาก็เย้อหยิ่ง ไม่เหลี่ยวมอง
ทางที่สองมองเห็นแสงแห่งความสุข
ทุกอย่างสุข เกินกว่าใจจะหม่นหมอง
พอเดินไป ดูเหมือนมากค่าที่ได้มอง
ลืมความหมอง กับสุขทุกคืนวัน
ยิ่งอยู่ใกล้ใจสุข สุขสดชื้น
เก็บค่ำคืนแห่งความหวานให้สร้างฝัน
แต่เบื้องลึกสุดใจที่มีนั้น
ยังมีฝันเก่าเก่า ที่เฝ้ามอง
กลับมาคิดถึงความจริงที่ปรากฎ
จะละลด หรือ จะเริ่ม เติมเต็มสอง
ทางสายเก่า ที่มีเพียงเราเฝ้ามอง
กับทางที่สอง สองเราสร้างเดินด้วยกัน
กวีบ้านไร่
อำเภอบ่อทอง ชลบุรี
เพลา ๑๔.๐๘ ๙ ต.ต. ๕๔
7 มกราคม 2554 15:50 น.
กวีบ้านไร่
บนเส้นทางชีวิต ลิขิตโดยใคร
กำหนดไว้โดยไม่เคยไต่ถาม
ฉันก็บ้า เดิน เล่น เต้นโดดตาม
กับนิยามของผู้ใดขีดเขียนมา
ก่อนเคยเชื่อเรื่องลิขิตฟ้า
นำชะตาตัวไป แสวงหา
สุข ทุกข์ โศกจึงเกิดเรื่อยมา
บทชีวาที่ฟ้าเขียน ขึ้นมาเอง
ในวันนี้ขอสู้ฟ้าด้วยมานะ
แม้นว่าจะทุกข์โศก โดนข่มเหง
จะขอสู้ กับบทบาท วาดมาเอง
มิย่ำเกรง บทบาทใครที่เขียนมา
ชีวิตนี้ฉันขอลิลิตชีวิตฉัน
ไปตามฝันที่ฉันจะสรรหา
กับบทบาท กำหนดเล่นเด่นขึ้นมา
โชคชะตา เป็นแค่ฉากประกอบโรง
5 มกราคม 2554 16:07 น.
กวีบ้านไร่
เสรีภาพที่กว้างไกลเกินเอื้อมถึง
ไยเหมือนตรึงด้วยโซ่ตรวนล่ามขา
กำแพงเตี้ยเพียงตามองลอดออกมา
สูงเกินกว่าจะก้าวขาล่วงออกไป
เสรีภาพที่มองเห็นเป็นเงาแสง
แต่กำแพงแห่งใจสูง เกินปีนได้
จะทิ้งหนี แต่ศรัทธา ยังตราใจ
เลยอยู่ใต้ เงา "คุก" ที่ติดตัว
จึงเฉยนิ่ง อยู่นิ่ง ไม่ติงไหว
เพียงเชื่อใจ ยังมืดจืดสลัว
เห็นเพียงแสง ศรัทธาที่หวาดกลัว
ภาพมัวมัว สลัว พลาง กับทางตัน
เมื่อถึงแยกแห่งศัทธา แห่งความคิด
กับลิขิตที่ฟ้าสร้าง โดยไม่ถามฉัน
กับคำตอบ สองทาง ในใจนั้น
จะทิ้งฝัน ทิ้งปัญหา หรือทิ้งใจ