21 ตุลาคม 2552 23:23 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
วันนี้ ขออาภัย แต่งได้แค่ 4 บท เอาไว้ต่อวันหลัง เพราะมีเวลาจริงๆ ครับ
และที่สำคัญ กลอนกลบท สะบัดสะบิ้ง ผมจะเอาไว้แก้ วันหลัง เพราะใช้คอมฯ เพื่อนนี่แหละ...ทำให้ล่าช้า ขอรับคำติชม อีกเช่นเคย อย่ากลัวจะเสียหน้า เพราะหน้า คงที่ ไม่มีเสีย 555+ เย้าเล่นครับ เชิญวิจารณ์ได้ครับ เพื่อการปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาให้ดีกว่าเดิม....(ถ้าทำได้ อิอิ)
*ในใจนี้มีน้องปองจิตคิด
เคยเชยชิดชอบพออ้อล้ออ้อต่อ
กาลนานวันผ่านพ้นหม่นก็รอ
ยังหวังคลอเคลียเคล้าเหงาวันวัน
*กายหายน้องหมองครวญอกรวนป่วน
สุดสุดหวนรำลึกนึกหวั่นฝัน
เหตุเภทใดไกลแล้วแห้วทันควัน
เสีงเยี่ยงสั่นครั่นคร้ามหนามชีวี
*ตอนก่อนเคยเผยคำพร่ำพลอดกอด
แอบแนบสอดกายกานดาอย่ารี้หนี
น้องป้องปัดมือหยอกบอกกี่ที
เตือนเหมือนพี่กอดรั้งครั้งท้ายวาย
*โอ้โซเซซัดซึมอกครึ้มหวั่นหวั่น
ฝนหล่นหลั่นซัดทอดกอดกายหมาย
เมื่อเหลือคำรำลึกตรึกกรายกราย
เพ็งเล็งสายฝนร่วงห้วงใจไหว
*มีกี่ล้านคำอ้างทางปลายสาย
รวมความหมายรักแท้แค่ไหนไหน
ฝืนกลืนกล้ำจำความรวมในใจ
มอบตอบให้สุดรักภักดิ์พลีมี
*ฝนหล่นลาคราหนาวร้าวเพิ่มเติม
แรงแกร่งเหิมหุบยุบหนีศรี
ห่อนกร่อนกัดอารมณ์จมกี่ปี
คำคำนี้ซ่อนราวห้วงหาวดารา
*ร้อยถ้อยพจน์บทคำจำแนกแปลก
พรั่นหวั่นแทรกนับกัลป์ผันมาหา
ยังหวังเรียงเคียงถ้อยร้อยวาจา
บอกออกว่า...เอ่อ เหรอ ...เธอใช่ใหม?
*โอ้โห เราบอกรักสักคราหนา
กลัวกลัวกล้าหน้าชาว่าไม่ไหว
บอกออกยากรักผุดสุดในใจ
รอต่อไปอีกแล้วแห้วเดิมเดิม
ตัวอย่างกลอนเพราะๆ ของรุ่นพี่ ที่นำเป็นตัวอย่าง มีดังนี้........
คราอรุณ กลบทอักษรสังวาส โดยจอมปราชญ์แดนอาคเนย์
สุมทุมไม้ไหวเอนสะบัดพัด
ลู่ถูตวัดหลายระลอกดอกไม้ไหว
ลมพรมพลิ้วลิ่วระเรื่อยเอื่อยไล้ใบ
โบกโมกไพรไกวร่วงล่วงธารา
พี่นี้ยืนกลางนทีที่ปลายสาย
รื่นชื่นกายสายกระแสแลสาขา
ปลามาว่ายหมายกระแซะแทะบาทา
ยวนชวนว่ามามุดน้ำสำราญกานต์
แสงแดงอ่อนตอนอรุณอุ่นกลางร่าง
หมอกลอกจางวางแนวไกลในม่านสถาน
เหลือเนื้อน้ำที่ค้างเติ่งเริงลานบาน
ปลุกสนุกสนานแห่งอรุณอุ่นชีวี
ผ่านกาลมาทิวาขื่นฝืนเหงาเศร้า
ในใจเนาว์เศร้าวางวายกายพลีหนี
จิตคิดไปช่างไร้เกษมเปรมปรีดี
ธารานี้ช่วยพัดใจไกลขมตรม
...แบบว่า
/////////////////////////////////////////////////
เนรคุณ(กลบทอักษรสังวาส โอเลี้ยง
เผลอเหม่อคิดสงสารรุ่มใจไหว
ข่าวคราวพาหมองไหม้จนจิตคิด
ใคร่ไถ่ถามคนชั่วสักนิดนิด
แค่แม่เผลอผิดบ้างไยนั่งชัง
เราเล่าหรือ?ไม่มีทุกข์-แก่-แย่
เรืองเรื่องเก่งไร้แพ้ได้ดังหวัง
คิดชิดชมสมดังไร้พลั้งยั้ง
ลองตรองก่อนชิงชังถึงมาดา
แม่แก่แล้วหลงลืมลูกก่นบ่น
จิตคิดผลักไสพ้นพล่ามด่าว่า
ใจไร้ห่วงแม่หมองคำวาจา
กราดสาดคำปวดปร่าหน้าเฉยเมย
กาลผ่านไปลูกเลวเลิกกลัวชั่ว
บาปนาบหัวทิ้งแม่ละเลยเฉย
หวังฝังแม่ทั้งเป็นสุดเอ่ยเปรย
ลูกถูกชั่วถมเกยกร่ำก้าวร้าว
แค่แม่แก่อ่อนแอทิ้งขว้างห่าง
ถูกลูกด่าถากถางก่นป่าวป่าว
ถ้าคราตนต้องแก่คิดคร่าวคราว
คนล้นบาปคงร้าวลุกลนวน...
////////////////////////////////////////
และจากเวปอื่นๆ
http://noknoi.com/pamoo/board/board.php?group=Pamoo&id=3924
ไหว้ครู "กลบทอักษรสังวาส"
บุญคุณครู ดูล้น คนต่างอ้าง
คือสื่อสร้าง ทางเสริม เพิ่มภาษา
เปรียบเทียบทอง ของดี มีราคา
รักหนักหนา ว่าอยู่ ครูมีดี
ช่วยด้วยนะ สะอาด มาดผู้รู้
เรียงเคียงคู่ อยู่ข้าง ทางฟรีถี่
จึงซึ้งจิต ศิษย์ยอม พร้อมชีวี
บุญคุณนี้ ที่ทราบ กราบในใจ
(เขียนซ้ำคำคู่แรก-คู่หลัง)
ผู้เขียน : นายตุ้ม คลองสามวา
๑๘ ส.ค. ๒๕๕๒, ๑๖.๒๓ น.
////////////////////////////////
บุญคุณมี ที่เห็น เน้นจะจะ
ไม่ได้ละ ปละปล่อย คอยใจใส่
ทั้งสั่งสอน ย้อนย้ำ จำได้ไว
ครูผู้ให้ ไม่หวง ห่วงจริงจริง
ครูดูแล แก้ไข ให้หัดคัด
เพียรเวียนจัด ถัดไป ไม่ชิงนิ่ง
สงสารนัก ปักใจ ไม่ติงคิง
ยังหวังอิง พึงพัก หลักลำนำ
ผู้เขียน : สุกรวดี
๑๘ ส.ค. ๒๕๕๒, ๑๗.๐๖ น
////////////////////////////////
๐๐วางทางไว้ให้เห็นเป็นแบบแนบ
ยิ่งอิงแอบแบบอยู่รู้ทีที่
ลำนำกลวนเวียนเขียนดี๊ดี
ตามความนี้ชี้ยลบนความงาม
๐๐ถึงซึ่งทางวางไว้ให้เวียนเขียน
จำร่ำเรียนเพียนต่อข้อยามถาม
ผู้ครูคิดชิดไว้ให้ตามความ
ผู้อยู่หามลามรุกบุกหามา.....
ผู้เขียน : --ครางแครง--
๑๘ ส.ค. ๒๕๕๒, ๒๒.๑๐ น
////////////////////////////////
ลองมองดูเรียงประดับจับจิตคิด
ความงามพิศผ่องแผ้วเพลงคำพร่ำ
บนกลกลอนกลมกลึงจึงฉ่ำล้ำ
เพียรเรียนร่ำร้อยร่างวางเรียงเคียง
จัดคัดคมข้อครวญนวลอ้อยสร้อย
เถิดเพลิดพร้อยพราวพรมคมเพียงเสียง
ครบอบอวลหลายอีกหลีกเลี่ยงเอียง
สุขทุกกลอนกล่อมเกลี้ยง..โอ้สกาวคราว
ผู้เขียน : คอนพูทน
๑๙ ส.ค. ๒๕๕๒, ๑๑.๐๒
///////////////////////////////////////
ถ้อยร้อยเรียงเพียงระดับซับนุ่มชุ่ม
ลองตรองกลุ่มลุ่มกานท์หวานราวสาว
แรกแตกเนื้อนางสะอางพ่างวาวพราว
นึกตรึกตรองลองน้าวมาชะแง้แล
เค้นเน้นข้อช่อขานอันคมสม
ดุจจุดปมประกายฉายแพร่แผ่
ลำนำรสบทร้อยคอยกระแสแด
เปลี่ยนเวียนแปรแห่ทาบอาบอาณา
.................................................
ผู้เขียน : ดาวระดา
๑๙ ส.ค. ๒๕๕๒, ๑๓.๓๒ น
////////////////////////////////////////
รักนักคำ พร่ำบ่น ด้นถ้อยร้อย
จำสำออย ลอยชาย หน่ายหน้าหนา
กลุ้มกุมหัว ตัวห่าง ร้างวาจา
จ้องมองตา มาอ่าน หวานคล้องจอง
.ซึ้งถึงนะ จะบอก ออกเจ้าเย้า
นุชสุดเศร้า เฉาอยู่ ดูน้องหมอง
คืนชื่นมื่น รื่นไหล ใจปองดอง
เพี่ยงเมียงมอง ย่องแย่ง แล้งจินต์ริน..
(เงงงงง)
ผู้เขียน : ภัทราจิตร
๑๙ ส.ค. ๒๕๕๒, ๑๕.๐๓ น
////////////////////////////////
อ่านงานผู้ครูกวีที่ลือชื่อ
รับนับถือคือท่านจารรินศิลป์
แบบแยบยลค้นพบจบสิ้นจินต์
ถ้าฟ้าดินยินได้ในงานกานท์
จะประทับจับใจได้รสพจน์
คราปรากฏจดจำตำนานหวาน
รื่นขื่นรักชักนำสำราญมาน
ผู้รู้ท่านสานคำตำรามา
ผู้เขียน : ดาว อาขาไนย
๑๙ ส.ค. ๒๕๕๒, ๑๗.๐๗ น.
ลองมองดูดูใหม่ให้ชัดชัด
คำจำกัดจัดวางทางภาษา
คล้องสองคำนำหนุนคุ้นหน้าตา
หินชิ้นงามตามมาหาไว้ใช้
ดูคู่คำนำหน้าพาหมดจด
ทดพจน์คล้องจองคู่อยู่ใช่ไหม
จำคำครูดูแแบบแนบในใจ
ครูผู้ให้ไม่เน้นเว้นระยะ
.....................................
มัวงุ่มง่าม ถูกตัดหน้าไปแล่ว
ต้องแก้บทแรก--อีกรอบ
ผู้เขียน : สุกรวดี
๑๙ ส.ค. ๒๕๕๒, ๑๗.๑๐ น.
/////////////////////////////
คำย้ำชมสมควรทวนคิดนิด
ครูผู้ศิษย์คิดจำคำกะจะ
ครูผู้สอนซ้อนซ้ำจำนะจ๊ะ
แนบแบบปะกะให้ได้ลองมอง
วันนั้นท่านผ่านทางวางเติมเพิ่ม
เรียงเคียงเสริมเติมคำย้ำมองจ้อง
บุญคุณนี้มีอยู่คู่คล้องจอง
ทุกข์สุขต้องข้องเกี่ยวเทียววนปน
ผู้เขียน : สุกรวดี-กราบท่านหยาดกวี
๒๐ ส.ค. ๒๕๕๒, ๑๖.๔๓ น.
/////////////////////////////////////
คำอธิบาย จากพี่หมอ วฤกษ์
กลบท อักษรสังวาส
X X O O O O X X
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๒ คำต้น
และ ๒ คำท้ายทุกวรรค
ซ้ำเสียงพยัญชนะอย่างน้อย ๑ คู่ ทุกวรรค โดยไม่กำหนดตำแหน่ง
ส่วนนวลเจ้าล้ำเลิศประโลมโฉม
คลายหายโทมนัสคิดจิตรตั้งหวัง
เพราะเจาะใจในบุตรสุดมั่งคั่ง
เปรียบเทียบดั่งได้เสวยเชยสมชม
ที่พิภพจักรพรรดิ์ประเสริฐเลิศ
ในใจเจิดแจ่มสว่างอารมณ์สม
ครั้นขวัญตาอายุอุดมชม
ควรจวนจักนิยมเป็นชีม
(ศิริวิบุลกิตติ์)
20 ตุลาคม 2552 21:58 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
*ยามครั้งเคย เชยชิด สนิทสนม
ห้วงอารมณ์ พวยพุ่ง กระหนุงกระหนิง
แกล้งแหย่เย้า เป่าพุงทำ กระตุ้งกระติ้ง
น้องรีบวิ่ง ลี้ลัด ตุปัดตุป่อง
*ยามหายโกรธ พูดจ้อ ประจ๋อประแจ๋
ยามงอแง โกรธกริ้ว ละลิ่วละล่อง
ยามเคียงครอง คลอเคล้าเป็น เจ้าเข้าเจ้าของ
ยามนี้น้อง แหนงรัก กระอักกระอ่วน
*คนเคยรัก พูดจา ติดตาติดใจ
พอห่างไป ฟูมฟาย ร้องไห้ร้องหวล
หรือใจนาง หันเห อกเรอกรวน
อกพี่ล้วน รำลึก ระทึกระทวย
*มองหน้าใคร ใจพรั่น รำพันรำพ้อ
ทำหน้างอ พูดซะ ไม่สะไม่สวย
ดั่งเสียดสี เสียดคำ ไม่ร่ำไม่รวย
เหมือนความซวย เซซัง ประดังประเด
น้ำคำบูด พูดกลบ กระทบกระเทียบ
เหมือนว่าเปรียบ คำคม ประสมประเส
จนพี่เศร้า เหงาหนัก ทุลักทุเล
หลบคำเล่ห์ ร้อยวน ทุรนทุราย
*กลับไปนอน ครุ่นคิด ระอิดระอา
นอนน้ำตา พร่ามัว สลัวสลาย
คิดถึงเธอ เช้าเย็น มิเว้นมิวาย
นึกเหนียมอาย ในจิต เป็นพิษเป็นภัย
*คนเคยรัก เคยชม ยามขมยามขื่น
เพราะคนอื่น ผูกพัน จนเธอหวั่นเธอไหว
เมื่อประมาท พลาดพลั้ง ไม่ระวังระไว
จนหัวใจ ยุ่งยาก ลำบากลำบน
*ขอให้มี ความสุข อย่าทุกข์อย่าร้อน
พี่ขอซ่อน คู่แข่ง ทุกแห่งทุกหน
อยู่ท่ามป่า ฟ้าสลัว ของตัวของตน
หวังสักคน ชื่นชิด ด้วยจิตด้วยใจ
/////////////////////////////////////////////
กลบทนี้ ผมยังไม่มี ข้อมูลหรือ วิธีแต่ง น่ะครับ
แต่ว่าลองศึกษา จากท่านๆ ข้างล่างเหล่านี้ เป็น นิทัศนาอุทาหรณ์ ตัวอย่าง ในการแต่ง นะครับ
กลอน เจ็บไม่จำ โดย พี่จอมปราชญ์แดนอาคเนย์
รักไม่แน่แปรยิ่งนัก...กระอักกระอ่วน
เริ่มแปรปรวนปลงไม่ตก...ระหกระเหิน
เมื่อไม่สมระทมเกิด...ไม่เพลิดไม่เพลิน
เธอมาเมินพาให้ห่ม...ระทมระทวย
หากว่าเป็นเช่นเมื่อก่อน...แต่อ้อนแต่ออด
เคยพร่ำพรอดรักหวานหยด...ว่าสดว่าสวย
หากเพราะรักที่พาจินต์...ระรินระรวย
เทิดรักสวยกว่าแสงหล้า...อะร้าอร่าม
จากที่เคยเชยชิดรัก...สมัครสมาน
พอไม่นานไม่ซาบซ่าน...ไม่หวานไม่หวาม
ลืมเสียหมดลืมแม้รส...นิยมนิยาม
ลืมแม้นามใยความคิด...จึงบิดจึงเบือน
กลายเป็นฉันที่ยังปลื้ม...จนลืมจนหลง
ยังมั่นตรงคงเวียนวาด...มิคลาดมิเคลื่อน
จมกับอดีตที่ถมทับ...ไม่ลับไม่เลือน
กระทบกระเทือนแทบสิ้นหวัง...ยังรั้งยังรอ..
แบบว่า
//////////////////////////////////////////
กลอน นิมิตพิศดาร.... โดย แมวคราว
เพียงแค่เริ่มเคลิ้มหลับกระสับกระส่าย
ในม่านตาพร่าพรายขยายขยับ
เห็นหิ่งห้อยวับวิบระยิบระยับ
ปีกกระหยับเยิบยาบกระซาบกระซิบ
หมู่เมฆลอยพร้อยพลิ้วละลิ่วละล่อง
นกเริงร้องร่อนออกกระจอกกระจิบ
จิกหนอนหมับหงับหงุบกระจุ๊บกระจิ๊บ
กระดุบกระดิบลัดเลาะสะเงาะสะแงะ
บ้างหันรีหันขวางกระด้างกระเดื่อง
ยักย่างเยื้องตามละเมาะกระเตาะกระแตะ
เล็งตาลอดสอดส่ายระคายระแคะ
ตรงเข้าแงะงัดเงื่อนสะเทือนสะท้าน
นั่นเนื้อทรายย้ายโยกกระโดกกระเดก
ลุยโยกเยกธารเย็นกระเซ็นกระซ่าน
ลูกไม้ผลหล่นลงกบงกบาล
เลยลนลานโลดลัดกระจัดกระจาย
แนวหินกว้างกลางลานสะอ้านสะอาด
บุปผชาตินานับขยับขยาย
หมู่ภมรร่อนลงระบงระบาย
เกสรกลายเกลื่อนกลาดระนาดระเน
หมูป่าเปลี่ยวเขี้ยวแข็งกระแย่งกระย่อง
หาหน่อไม้พุงป่องตุปัดตุเป๋
เดินงันงกตกปลักทุลักทุเล
ซัดโซเซปอนเปียกตะเกียกตะกาย
นั่นเหล่าลิงวิ่งลุกขยุกขยิก
บ้างหลุกหลิกลางลิงสวิงสวาย
กินไม้เมาเฝ้าวนทุรนทุราย
แค่นคอคายขลุกขลักสะบักสะบอม
กระเตงลูกลงน้ำกระดำกระด่าง
เพื่อนมาข้างร้องดุทนุถนอม
เข้าแล่นไล่ไม่มีประนีประนอม
ลูกอิงอ้อมโอบพุงพะรุงพะรัง
ลางลิงไล่ไขว่คว้าประสาประสี
จ่าฝูงรี่วิ่งโร่พิโธ่พิถัง
บ้างโลดแล่นเลาะลัดระมัดระวัง
บ้างเหลียวหลังค้อนควักตะหวักตะบวย
เลยแลลอดเหล่าลิงกระติ้งกระตุ้ง
เห็นแสงรุ้งสวยสะสละสลวย
หนึ่งนงรามงามงดระทดระทวย
เผยผ้าผวยเต่งตึงตะลึงตะลาน
หัวใจเต้นเผ่นลุกตะกุกตะกัก
ด้วยนึกรักเอวกลมผสมผสาน
งามระเบิดเถิดเทิงเสริงสราญ
แทบจะคลานคุกเข่าพะเน้าพะนอ
ขยับกายหมายจ้อประจ๋อประแจ๋
นึกแนบนางแน่วแน่จะอี๋จะอ๋อ
นวลละไมเนื้อละเมียดละเอียดลออ
พริ้มตารอจุมพิตกระมิดกระเมี้ยน
พลันหัวงูชูเพ่งเขย่งขยับ
เอื้อมมือรับร้อยรัดวัดเฉวียน
แล้วไล่รุกซุกซนทั้งวนทั้งเวียน
บัดเดี๋ยวปลี่ยนเป็นกิ๊กระริกระรี้
ช่างชื่นชมสมรักเป็นนักเป็นหนา
งามนวลหน้าน้องหนูกระจู๋กระจี๋
เจ้างูใหญ่เลื้อยปราดกระวาดกระวี
ยามนารีออดอิดกระบิดกระบวน
พลันเสียงสายฟ้าฟาดผงาดผงะ
แรงปะทะดังพลั่กกระอักกระอ่วน
โดนเมียเหวี่ยงหมัดตบมิทบมิทวน
ดันเผลอครวญเสียงหลงละมงละเมอ
กระหน่ำมาหลายหมัดสงัดสงบ
แถมลูกตบอีกซ้ำจนป้ำจนเป๋อ
ทนฟังเมียร่ายยาวจะหาวจะเรอ
เลยต้องเจออีกพลั่ก...สะบักสะบอม.....(ฮือ...กรรมเวร..)
////////////////////////////////////////////////
กลอน ความรัก (กลบทสะบัดสะบิ้ง+สิงห์โตเล่นหาง) โดย โอเลี้ยง
รักนั้นดีหรือชั่วรัวคิดไฉนฉงน
แต่ทุกคนไม่เลี่ยงเกี่ยงการเสาะการหา
ไม่ว่าจะถูกต้องคล้องตามตำรับตำรา
หรือด้นฟ้าดั้นเมฆเสกสรรค์มาเจอะมาเจอ
หรือรักคืออารมณ์สมใฝ่ให้ห่วงให้แหน
จึงคิดวางแผนให้ใจมิเกรอะมิเก้อ
ถ้ารักนั้นคือโศกโยกจิตให้พร่ำให้เพ้อ
คงยากจะเผลอให้ใจต้องเจ็บต้องรอน
แม้นรักคือยาพิษฤทธิ์แรงทั้งขมทั้งฝาด
ใจฤาจะบังอาจคาดคิดมีรักมีหลอน
หรือรักร้อนเหมือนไฟใครหนอจะเว้าจะวอน
ไม่กลัวร้อนลวกผ่าวร้าวทุรนทุราย
กับอารมณ์ของรักทักจิตยากคาดยากคิด
มีทั้งเป็นเหมือนมิตรชิดชื่นมิเหินมิหาย
มีทั้งทุกข์ปลุกครวญชวนช้ำให้วุ่นให้วาย
คิดสักนิดมิสายกรายรักอาจชื่นอาจช้ำ...
////////////////////////////////////////
กลอน หลง โดย กุ้งหนามแดง
ยามมั่งมี..มาคลอ..ประจ๋อประแจ๋
ยามย่ำแย่..ยากพบ..ประคบประหงม
เห็นน้ำใจ..ยามฝืด..ผะอืดผะอม
วัตถุนิยม..สำเหนียก..ตะเกียกตะกาย
เข้าวัดวา..ธัมโม..พิโถพิถัง
ไม่เด่นดัง..เท่าทรัพย์..ขยับขยาย
บุญเอาหน้า..จึงเฟื่อง..ระเคืองระคาย
ปิดทองท้าย..หลังพระ..สะลึมสะลือ
คนกราบไหว้..เงินปึก..สะอึกสะอื้น
ระเริงรื่น..แลกเปลี่ยน..กระเหี้ยนกระหือ
วีธีการ..หว่านลึก..กระยึกกระยือ
ใครพาซื่อ..เหยียบย่ำ..ลำบากลำบน
หลงอำนาจ..วาสนา..ระอาระอิด
หลงทางผิด..ติดเปลือก..กระเสือกกระสน
หลงร้อนรุ่ม..ใจกาย..ทุรายทุรน
กับดักตน..สร้างเอง..ละเม็งละคร..
..
19 ตุลาคม 2552 09:30 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
หลังจากที่ ผิดพลาดทางเทคนิค อิอิ ว่าไปนั่น ข้าน้อยเลย ขอโอกาสแก้ตัวให้หัวใจ (เอ้า มาแนวเพลง) แต่ต้นแบบเดิม ไม่เปลี่ยนครับ เพราะจะได้เป็นตัวอย่าง ของความประมาทเลินเล่อ ของผมเอง ผิดแล้ว ก็ต้องมีตัวอย่างความผิด
ผมเลยถือโอกาสแต่งใหม่ (หวังว่าคงไม่ผิดอีกนะ) และขอโทษเป็นอย่างมาก ที่ทำให้อ่านแล้ว ระคายสายตาผู้ชม มากไปหน่อย อิอิ ในบทที่ผ่านมา บทนี้เลย มาเรียบเรียงใหม่ แต่เนื้อหา เศร้าหน่อยนึง
*ท่ามดึกดื่นคืนเหงาแสงดาวดับ
ซับดวงเดือนเลือนลับยากหลับใหล
ไยร่ำเรียงเสียงครวญปั่นป่วนใจ
ป่ายปวดจำค่ำไหนจะไร้รอน
*จรรักเริ่มเพิ่มใหม่จากใจเก่า
เจ่าจิตก่อนซ่อนเศร้าหากเจ้าถอน
ห่อนเจียรถามความรักสลักกลอน
ซ้อนเรื่องเก่าเว้าวอนจากตอนใด
*ใจต้องเดียวเปลี่ยวดายความหมายหมด
ขดมัวหมองจ้องจดจำบทไหน
ใจบ้าหน่อยพล่อยพร่ำเสียงร่ำไร
ใส่เรื่องราวยาวไกลในใจครวญ
*นวลแจ้งคำย้ำขื่นค่ำคืนเหงา
เค้าคงงอนอ้อนเฝ้าคอยเจ้าหวน
ครวญจิตหันพลันเหอกเรรวน
อ่วนรักร้าวเศร้าสรวลปั่นป่วนนัก
*ปักประหนึ่งตรึงตราเวลาก่อน
วอนรักเก่าเราย้อนช่วยผ่อนหนัก
สักผิดไหนไตร่ตรองเพื่อครองรัก
ภักดิ์คนแรกแทรกหลักมั่นภักดี
*มีเพื่อนด้วยช่วยคลายวุ่นวายหมอง
เว้าวอนไม่ให้ต้องนั่งหมองศรี
นี้หม่นโศกโรคร้าวยามเรามี
ยีรอยหม่นคนดีคราหนีไป (ยี มาจาก ย่ำยี)
*ใครหนอเปลี่ยนเวียนวนมีคนอื่น
หมื่นคำอ้างช่างตื้นไม่ชื่นใส
ไม่ชื่นสุขทุกข์ชิดไม่ติดใจ
ไม่เติมจิตคิดไกลกลัวใจคน
*หล่นจากเคยเชยชิดถูกปิดกั้น
ถ่านเปลวกลบลบฝันรำพันหม่น
หล่นเพราะหมางร้างลาชะตาตน
ชนม์ต่ำต้อยน้อยจนจำทนรอ
/////////////////////////////////////////////////////////////////////
อยากขออาภัย ทุกท่านยิ่งนัก ที่ผมแต่งผิดเอง พอดี ได้คุยกับ คุณญามี่ แหะๆๆ ผิดมาทุกบท เลยครับ ผมแก้ใหม่ เอาตามแบบ แต่ฉันทลักษณ์ คือ ความหมายไม่ได้ ต้อง ขออาภัย เป็นอย่างสูง ครับ
*ท่ามดึกดื่นคืนเหงาแสงดาวดับ
ซับดวงเดือนเลือนลับยากหลับใหล
ไยร่ำเรียงเสียงครวญปั่นป่วนใจ
ป่ายปวดจำค่ำไหนจะไร้รอน (แก้ไข ปรับปรุงโดย ญามี่)
*จรรักเริ่มเพิ่มใหม่จากใจเก่า
เจ่าจมกาลรานเศร้าหากเจ้าถอน
ห่อนเจ็บท่ามถามรักสลักกลอน
สลัดเก่าเว้าวอนจากตอนเดิม
*เจิมต่อดวงห้วงในหทัยมั่น
หั่นท้อเมื่อเชื่อฉันในวันเหิม
เนิมหวามหากฝากฝันแฝงวันเดิม
เฝิมวอนด้วยช่วยเติมฤาเพิ่มพูน
*หลูนเพื่อนพ้องหมองขื่นค่ำคืนเหงา
เข้าคงงอนอ้อนเฝ้ายังเท่าสูญ
ยูนท้อเศร้าเขาเริ่มร้างเพิ่มพูน
หลูนพากเพียรเรียนคูณเกื้อกูลกัน
*กั้นกาลเก่าเราคงคลายปลงตก
คกปะติดชิดกกกอดอกเริ่ม
เกิมอารมณ์สมเจตน์จากเหตุเดิม
เจิมหวนดุ่มรุมเคลิ้มเรื่องเดิมเคย
*เลยเดียวคงจงใจมอบให้เจ้า
เมาหาจันทร์วันเหงาครั้งเราเผย
เคยรักผุดสุดสมชิดชมเชย
เฉยชื่นชอบตอบเลยไม่เคยเกรง
*เความไกลใส่ร้ายเร่งป้ายสี
รราแปลบเศร้าเหงานี้อกพี่เคว้ง
เองพูดคำพร่ำกล่าวนอนหนาวเอง
เหน่งหนาอื่นครื้นเครงร้องเพลงชัย
*ไล่เพราะใช่ใครอื่นคลายคืนเหงา
เค้าคนงามท่ามเศร้าบรรเทาใส
ใบ้ที่สอนวอนเถิดช่วยเปิดใจ
ใช่ปรุงจิตชิดใกล้คืนไกลตา
ตามคำอธิบาย ของเจ้าแม่กลบท (ญามี่-โอเลี้ยง)
กลบทนาคราชแผลงฤทธิ์
เป็นกลอนที่บังคับให้ใช้
เสียงพยัญชนะ ซ้ำเสียง ๓คำท้ายวรรคไปเป็นคำเริ่มต้นซ้ำวรรคถัดไป
และซ้ำเสียงสระวรรคละ๓คู่ ตรงคำที่๓-๔ กับ ๕-๗ และ๘กับ๑วรรคถัดไป
และ เลื่อนคำรับสัมผัสไปสัมผัสระหว่างวรรคตรงคำที่๕
ปล.บางบรมครูจะมีกฎเกณท์กลบทนี้ซ้ำเสียงสระแค่ตรงคำที่๓-๔และ๘กับ๑วรรคถัดไป
ไม่มีซ้ำเสียงสระตรงคำที่๕-๗เหมือนของศิริวิบุลกิตต์ที่ลงบทสอนไว้ บทนี้มี่ใช้กฎหลักตามศิริวิบุลกิตต์ค่ะ
////////////////////////////////////////////////////////////////
กลบทนาคราชแผลงฤทธิ์
เป็นกลบทที่บังคับ3แห่งคือ
1. ต้องซ้ำเสียงพยัญชนะ ๓ คำของท้ายวรรคให้สัมผัสกับ๓คำแรกวรรคต่อไปตลอดเรื่อง
2. สัมผัสเสียงสระ ๓ คู่ตรงคำว่า ๓-๔ กับ ๕-๗ และ ๘กับ๑ คือคำแรกวรรคถัดไป
3. เลื่อนคำสัมผัสระหว่างวรรคไปลงตรงคำที่๕(หรือ๖ ในกรณีใช้๙คำ)
ส่วนกลบทนาคเกี่ยวกระหวัด
จะง่ายมากกว่า แค่บังคับถอยหลัง2คำท้ายของวรรคแรกไปเป็นคำต้นวรรคถัดไปตลอดทุกวรรค
ปล.ณ ที่นี้โอเลี้ยงใช้๒คำโดยไม่ได้ถอยหลังเพื่อรักษาความไว้คือคำว่า
ละห้อย และอ้างว้างค่ะ
////////////////////////////////////////////////////////////////////
กลบทนาคราชแผลงฤทธิ์
O O O O O X Y + X Y + O O X Y +
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๓ คำ ท้ายวรรค กับ ๓ คำ ต้นวรรคถัดไป ซ้ำเสียงสระ วรรคละ ๓ คู่
ในคำที่ ๓-๔, คำที่ ๕ กับ ๗ และคำที่ ๘ กับคำที่ ๑ ในวรรคถัดไป เลื่อนรับสัมผัส
ระหว่างวรรคมารับในคำที่ ๕ ของแต่ละวรรค
กรุงกระษัตริย์ตรัสฟังแค้นคั่งจิตร
คิดแค้นใจไหวหวิดในจิตรฉงน
จนฉงายกายไฉงใจร้อนรน
จนร้าวราญการกระมลจิตรวนเวียน
เจียรวุ่นวายบ่ายพักตร์ให้หนักใจ
ให้น้อยจิตรคิดไปใจหันเหียน
เจียรหวนหาว่าไว้ไม่สมเพียร
เมียนสุดภาคยากเจียนเวียนจิตรใน
(ศิริวิบุลกิตติ์)
14 ตุลาคม 2552 18:49 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
*เธอเปรียบเหมือนดอกฟ้าบุบผาสวรรค์
เทียบเทียมชั้นจันทรานภาสูง
และเปรียบถึงวิหคยอดนกยูง
เทพชักจูงพรหมดลเป็นคนงาม
*ฉันเปรียบเหมือนดอกหญ้ามีค่าน้อย
แสนต่ำต้อยตัวตนไร้คนถาม
ทั้งหยูกยาผ้าแพรก็แลทราม
มีนิยามหาเช้ากินข้าวเย็น
*เธอนั้นมีบริวารเรียกขานใช้
บ้านโก้ใหญ่สุดหรูพิศดูเห็น
ทั้งเตียงตั่งฟูกหมอนอาภรณ์จำเป็น
วาจาเย็นนิ่มนวลน่าชวนฟัง
*ฉันกลับเป็นชาวนาอยู่ตาปี
พ่อแม่มีหนี้สินแทบสิ้นหวัง
อนาคตหดหู่เหมือนหนูตายรัง
พูดจายังบ้านบ้านหวานไม่มี
*ดั่งสวรรค์เสแสร้งหรือแกล้งหยอก
พรหมปอกลอกหลอกเล่นแล้วเผ่นหนี
ให้มาพบคนงามอร่ามโสภี
ถึงบุญมีกรรมบังบ่วงขังใจ
*ถึงความรักสองเรามีเขากั้น
คิดฝ่าฟันพงหญ้าแม้นป่าใหญ่
ถึงข้ามเขาข้ามฟ้าไม่อาลัย
ขอเพียงให้รักจริงไม่ทิ้งกัน
*แต่เพราะพี่ต่ำต้อยและน้อยศักดิ์
จะหวังหักดอกฟ้ามาเคียงฝัน
คงทำให้เจ้าลำบากยากชีวัน
บุญพี่นั้นน้อยไปจะได้ครอง
*อย่าได้โกรธโทษพี่เลยที่รัก
น้ำตาสักหมื่นแสนทั่วแดนผอง
ยังไม่ครึ่งความช้ำที่จำจอง
เพราะรักของพี่นั้นแค่ฝันไป...
8 ตุลาคม 2552 22:03 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
*เจ้าสายลมพรมพร่างอยู่กลางหาว
ฝันถึงดาวดวงนั้นเหมือนฉันไหม
ฤาเจ้าชื่นเจ้าสุขไร้ทุกข์ใด
เจ้าจึงยิ้มพิมพ์ใจไร้อาทร
*แต่ว่าฉันแอบหาวเป็นดาวเด่น
หาวทุกเย็นทุกเช้าเฝ้ากอดหมอน
หาวไม่อยากหลับตาเพลานอน
กลัวว่าหมอนนอนหนุนอุ่นน้ำตา
*เจ้าลมเอ๋ยเคียงฟ้าเพลารุ่ง
ยังหวังมุ่งสิ่งใดบ้างไหมหนา
เจ้าจึงเพลินเหิรวนบนนภา
ฤาชีวาเจ้าอยู่มีคู่คอย
*แต่ว่าฉันเหม่อฟ้าเกินกว่ากว้าง
สุดแสนอ้างความในยามใจหงอย
เพราะฟ้าไม่ปลดปลงมาลงรอย
ถึงจะคอยร้อยปีอีกกี่วัน
*เจ้าลมเย็นลอยไปที่ใดบ้าง
สุดเส้นทางเจอใครที่ใฝ่ฝัน
ได้ยินข่าวชื่นชมห่มพระจันทร์
เป็นรางวัลความกล้าแสนท้าทาย
*ฉันเปรียบเหมือนกระต่ายที่หมายคว้า
มองจันทราคราใดกลับใจหาย
จันทร์สุดเอื้อมเกินคว้ามาเคียงกาย
มองจันทร์ฉายดายเดียวด้วยเปลี่ยวทรวง
*ลมพัดพาสายธารชื่นบานนัก
คงจะรักบูชาสุดฟ้าสรวง
และคงเย้ยเหยียดหยันฉันไร้ดวง
ไม่อาจควงสายธารรักมาสักครา
*คงจะเป็นเช่นลมลอยพรมพร่าง
ที่กล่าวอ้างความฝันอันปรารถนา
ฉันไร้โชคอับเฉาเบาปัญญา
วาสนาน้อยนักจะรักใคร....