27 กุมภาพันธ์ 2553 22:29 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
วัน “ มาฆปูรมีบูชา- จาตุรงคสันนิบาต” ภาคหนึ่ง
วันมาฆบูชา คราสงบ
ขอน้อมนบพุทธองค์ตรงคำสอน
ถือเป็นวันสำคัญนิรันดร
พุทธ-นิกรสักการะรัตนตรัย
*เมื่อสองพันห้าร้อย เคลื่อนคล้อยผ่าน
มีเหตุการณ์ประหลาด อาจสงสัย
เนื่องจากพระอรหันต์บรรลุชัย
รำลึกในพระธรรมองค์สัมมาฯ
*หลังจาริกเผยแพร่....แก่ชาวโลก
ดับทุกข์โศกสังสารวัฏฏ์ขจัดโมหา
พระหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบล่องพริบตา
อยู่พร้อมหน้า เวฬุวัน อย่างทันใจ
*ณ เมืองกรุง ราชคฤห์ ที่ลือเลื่อง
แหล่งประเทืองปัญญา ณ ป่าไผ่
พระเจ้าพิมพิสาร ประทานไว้
เพื่อมอบให้เป็นอาราม ตามศรัทธา
*เป็นวัดแรกของชาวพุทธ....เพื่อหลุดพ้น
ตั้งอยู่บน เวภารบรรพตผา
ฝั่งแม่น้ำ สรัสวตีตา (สรัสวดี)
มีตโปธาราม...นามบ่อน้ำร้อน
*พระเจ้าพิมพิสาร ประทานถวาย
หลังจากได้ บรรลุ สู่คำสอน
โสดาบัน ขั้นแรก แหวกนิวรณ์
ตามขั้นตอน พระอริยปุคคลา
*พระอริย-อรหันต์ ครั้นมาสู่-
แห่งประตู เวฬุวัน สุขหรรษา
ด้วยบวช เอหิภิกขุอุปสัมปทา
เรียกว่าบวช จากพระพุทธองค์
*จึงถือฤกษ์ พระอรหัต ไร้นัดพบ
จิตสงบ กายเสงี่ยม เปี่ยมประสงค์
เป็น “มหาสันนิบาต” ประกาศธง-
พุทธดำรง คงนาน ชั่วกาลกัลป์
19 กุมภาพันธ์ 2553 22:33 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
*ขอโทษที่คิดถึงคะนึงหา
เพราะรู้ว่าไม่คู่ควรให้ชวนฝัน
แค่คนแอบเหงาบ้างในบางวัน
ความสำคัญคงน้อยด้อยราคา
*ในวันที่แสนเหนื่อยจนเมื่อยขบ
อยากจะพบบางคนเคยบ่นหา
อยากอยู่ใกล้ชิดชมสมอุรา
อยากจ้องตาเป็นมันทุกวันไป
*วันที่เหม่อและหม่นระคนเศร้า
ได้แต่เฝ้ามองดาวพราวไสว
คิดถึงเรื่องร้อยราวแสนยาวไกล
เรื่องที่ทำให้ใจ....ได้แต่รอ
*อยากรู้ว่ามีไหมที่ใฝ่ฝัน
คิดถึงฉันคนไกลที่ใจฝ่อ
เพราะกลัวว่าฉันนี้ดีไม่พอ
เธออาจส่อแววตาอำลากัน
*หรือฉันเหงาเกินไปจึงได้คิด
ถึงชีวิตคนเรามียาว-สั้น
ยากแค่ไหนใจสองใจใฝ่สัมพันธ์
หากฟ้าคั่นขีดกลางอาจวางมือ
*แต่ฉันขอรอคอยไม่ปล่อยปละ
รู้เถิดนะพูดจาประสาซื่อ
มิใช่คำลวงเล่นเช่นข่าวลือ
ด้วยยึดถือจริงใจ...ไว้ต่อรอง
*อาจเป็นคำบ้านบ้านไม่หวานหู
ที่หวังอยู่คู่เคล้าเพียงเราสอง
ไม่ขอมีหมื่นใครมาหมายปอง
จะขอจองน้องนาง....คนห่างไกล
*อยากขอโทษ....หากโกรธเคืองในเรื่องนี้
เรื่องที่พี่แอบฝันจนหวั่นไหว
ไม่อาจห้ามความคิดในจิตใจ
จึงขอให้รู้ว่า...ไม่กล้าลืม
13 กุมภาพันธ์ 2553 21:14 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
*ขอเรียงร้อยร้อยรักจากใจฉัน
แทนหมื่นพันพันดอกไม้หลายสี
แทบมาลางดงามงามโสภี
มอบให้เธอคนดีดีกว่าใคร
*โปรดรู้รู้เถิดหนาว่าห่วงหวง
มิใช่ลวงลวงกันจนหวั่นไหว
มิใช่แกล้งพูดพร่ำพร่ำเพ้อไป
แต่ทั้งหมดหมดใจยกให้เธอ
*ไม่มีเบ๊นซ์เบ๊นซ์โก้โชว์ให้เห็น
เพชรงามเด่นเด่นตามาเสนอ
ไร้ชื่อเสียงเกียรติใดใดปรนเปรอ
มีเพียงคิดถึงเธอเธอทุกวัน
**มีหัวใจใจหนึ่งลึกซึ้งนัก
ลึกด้วยรักรักแท้มิแปรผัน
แทนสิ่งของของมีค่าสารพัน
เป็นกำนัลสร้อยภักดิ์ภักดิ์คนดี
*อาจไม่หวานหวานละมุนเหมือนคุณหวัง
ฉันก็ยังมอบให้ให้เต็มที่
ที่ผ่านมาหลายเดือนเดือนเป็นปี
สิ่งเหล่านี้มีค่าค่าเหลือเกิน
*คือความความเชื่อมั่นสัมพันธ์จิต
ย่อมพิชิตทุกข์ท้อท้อขัดเขิน
ย่อมฝ่าฟันฟันขวากหนามยามเผชิญ
ขอเพียงเราร่วมเดินเดินด้วยกัน
*จักเป็นสร้อยสร้อยภักดิ์ภักดิ์เราสอง
ร่วมหอห้องห้องเดียวเก็บเกี่ยวฝัน
ต่อแต่นี้นี้ไปใจยืนยัน
ขอรักมั่นมั่นแท้เพียงแด่เธอ.....คนเดียว
ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ทั่วโลกมักจะเน้นเรื่องความรัก
ระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว บทกลอน-กลบทนี้ ผมก็แต่งมาจากจินตนาการ
ที่เน้นความรักมั่นคง จริงใจ และเปรียบเหมือนรักแท้ ที่หาไม่ค่อยได้แล้ว
ในโลกปัจจุบัน
แต่กระนั้นก็ตาม ผมหวังว่า บทกลอนนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของคำว่า "รัก"
แด่สำหรับผู้รอคอย และผู้ที่มั่นคงในเรื่องชีวิตคู่แล้ว
ขอให้มีความสุข ด้วยคำว่ารัก ทุกๆ วัน นะครับ
25 มกราคม 2553 12:12 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
ดูคลิปฟ้อนรำ สาวภูไท สกลฯ ได้ครับ
ถ้าไม่สวย ก็ซึ้ง อิอิ นี่เลยครับ ก็อปปี้ไปล่ะกัน 555+
http://flash-mini.com/thailand/video.php?title=%E0%B8%A3%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D%20%20%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3.mpg&id=D88yxLi-gmk&feature=youtube_gdata
*เมืองสกลฯแดนดินถิ่นหนองหาร
เทือกขุนเขาภูพานลำธารใส
ปราสาทผึ้งเรืองรองผ่องอำไพ
สาวภูไทสวยซึ้งพิศตรึงตรา
*โอ้อกเอ๋ยพลัดพรากจากบ้านเกิด
หวังดีเลิศเรื่องเรียนเพียรศึกษา
จึงตัดใจหันหลังแต่ครั้งมา
ปล่อยบิดามารดาตั้งท่าคอย
*ณ วันนี้ฤกษ์งามและยามพ้อง
เยือนพี่น้องลุงป้า ตาละห้อย
กลับช่วงเย็นเห็นจันทร์ตะวันคล้อย
บักจ่อยสิ…ซัดปลาร้าให้หน้าบาน
*คงต้องลาบ้านกลอนอักษรศิลป์
ไปสู่ถิ่นแห่งรักสมัครสมาน
เพื่อขอกราบบูชาคณาจารย์
และกราบกรานพ่อแม่แก่สูงวัย
*กินส้มตำปลาร้า...อย่าสิเว้า
ข้าวเหนียวเอามาคุ้ยบ่คุยไผ
ย้อนอีแม่ตำเผ็ดเด็ดฮอดใจ
แกงหน่อไม้แซ่บตั๊ววมันนัวแท้
*กลับสกลฯสิบวันจำผันจาก
จึงขอฝากมิตรกลอนทั้งอ่อนแก่
หนุ่มหญิงชายอย่าหน่ายแหนงเปลี่ยนแปลงแปร
โปรดดูแลน้ำใจให้ยืนนาน
*กวีน้อยฯอำลา ณ ครานี้
คงไม่มีคำใดมาไขขาน
ขอให้ท่านฝึกฝนจนชำนาญ
ประสบการณ์บ้านกลอนจะสอนตน
*จะกลับย้อนคืนใหม่ไม่นานนัก
จึงสลักถ้อยคำลำนำหม่น
กลบท อดเขียนเคยเวียนวน
จะตั้งต้นอีกคราวันฟ้างาม....
ศัพท์ง่ายๆ แหะๆๆ คงเข้าใจกัน
บักจ่อย......คนผอม
สิ......จะ
ซัด....กิริยา มูมมาม คนไทยเขาเอิ้น เอ๊ย เรียกว่า
เขมือบ....นั่น งู สวบ....นั่น มาน สุนัข
และกราบกรานพ่อแม่ชะแรวัย
คำว่า ชะแร ไม่มีในพจนานุกรม
เลยไม่กล้าเอามาลง อ่ะครับ
คุ้ย....ลักษณะ ปั้นข้าวเหนียว แล้วคุ้ยกับข้าว
ใครไม่เคยทำบอกยากแท้ล่ะหว่า
ย้อน....เพราะว่า
อีแม่....ก็แม่ นั่นแหละ อธิบาย มะถูก
ฮอด....ถึง
แซ่บ....อร่อยระดับหนึ่งเท่านั้น ตามแนวอีสาน
ตั๊ว...นั่นแหละ
นัว.....บรมโคตรความอร่อย แบบลงตัว
22 มกราคม 2553 22:34 น.
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
กลบทนี้ ยากสำหรับผมเลย ขอเอาแค่สองบท
เพราะถ้ามากกว่านี้ จะไหลครับ...ไหลออกนอกแนว
ใจจริงไม่เคยคิดอยากลงแค่ 2-4-5 บทแบบนี้
แต่เพราะเห็นว่า ถ้าแต่งมาก แบบปริมาณไม่ได้ความ
สู้เอาสองบท พอเห็นเป็นแนวหรือ วิธีดีกว่า น่ะครับ
แนวคิดเช่นนี้ ไม่ถูกใจท่านได้ ต้องขออภัยด้วยครับ
*พบผิดแผก แยกแยะยาก หากหุนหัน
เพ่งพิศพลัน ครั้นใคร่ครวญ จวนจิตแจ้ง
ทุกข์ทับถม จมจับเจ่า เร้าฤทธิ์แรง
ผันพลิกแพลง แปลงปรับปรุง หยุดยุ่งยวน
*ทบทวนธรรม นำนอบน้อม หล่อหลอมหลัก
เปลี่ยมปมปลัก ภักดิ์พากเพียร ขีดเขียนขวน
จดจำจาร สาส์นศึกษา คุณค่าควร
ธรรมทั่วถ้วน ล้วนลึกล้ำ ค้ำคูณคน