2 เมษายน 2551 18:32 น.
กวีตัวจิ๋ว
สุริเยนทร์เอนส่องชลธิศ
แสนวิจิตรสถิตลึกเมื่อนึกถึง
แสงทอดยาวคราวใดใจคำนึง
สุดแสนซึ้งหนึ่งแสงแยงเมฆินทร์
1 เมษายน 2551 19:48 น.
กวีตัวจิ๋ว
หากรักเป็นดั่งดาวที่พราวแสง
สว่างแจ้งส่องจิตให้คิดถึง
ทั้งห่วงใยฝันถึงและคะนึง
เธอยังตรึงติดในหทัยกาล
หากรักเป็นเช่นภูเขาที่หนาวเหน็บ
หากมีรักต้องทนเจ็บเก็บเพ้อฝัน
หากรักนี้ไม่ใช่ของรางวัล
เหตุใดกันฉันนั้นยังรักเธอ
หากรักเป็นเช่นสายน้ำที่ช่ำเย็น
หากรักเป็นเช่นมลมที่ห่มฉัน
หากรักนี้เป็นเช่นแสงตะวัน
เหตุใดกันฉันนี้ไม่รักเธอ
1 เมษายน 2551 16:18 น.
กวีตัวจิ๋ว
^^เมื่อตะวันสาดแสงสีแดงจ้า
คือเวลาที่นกผกผินผัน
หมู่ภมรบินว่อนรำฟ้อนกัน
อัศจรรย์ธรรมชาติสะอาดตา.....
^^เมื่อตะวันตกดินสิ้นแสงฟ้า
ดวงจันทรานวลผ่องป้องโลกไว้
แสงดวงจันทร์อบอุ่นนุ่มละไม
ดับเมื่อไหร่แสงตะวันพลันส่องแทน......
^^เมื่อตะวันพลันขึ้นเหนือขอบฟ้า
ย้ำสัญญาวันใหม่ที่สดใส
ลืมอดีตที่ช้ำระกำใจ
เริ่มต้นใหม่กับพรุ่งนี้ที่รอคอย...........
1 เมษายน 2551 16:04 น.
กวีตัวจิ๋ว
บทกวีที่รักษ์ประจักษ์แท้
ทุกคำแปลเพราะซึ้งติดตรึงหู
อ่านแล้วตรองลองนึกถึงภาพดู
แล้วจะรู้ว่ากวีนี้สัมพันธ์
1 เมษายน 2551 15:30 น.
กวีตัวจิ๋ว
ธรรมชาติแสนสวยรวยความรัก
เป็นที่พักพึ่งพิงสิ่งอาศัย
ทำให้ผู้ที่พักพิงนั้นสุขใจ
หาที่ไหนได้เล่าเท่าพงพี
ธรรมชาติช่วยให้เราไม่เหงาจิต
เพราะมีมิตรมากมายหลายพันธุ์หนา
ทั้งต้นไม้สัตว์ปลาและพันธุ์ปลา
มาเถิดมาชื่นชมให้สมใจ
ธรรมชาตแต่งเติมโลกให้สุขสันต์
แต่กลับกันที่มนุษย์สุดโฉดเขลา
ทั้งตัดไม้ทำลายป่ากันไม่เบา
เหลือเพียงเงาธรรมชาติที่ขาดรอน