19 มิถุนายน 2546 11:35 น.
กวินทรากร
ใครครูผู้สง่าเงื้อม..........งานสือ
ดุด่าว่าศิษย์ฤา...............ชั่วช้า
สูดูหมู่กระบือ...............แบกแอก
นายสั่งยังบ่ล้า.................ลำเลิกท้อถากไถ
ไกรการะเวกร้อง...........ระงมไพร
เสนาะศัพท์บรรทับใจ.....แจ่มถ้อย
ฟังนกกระจอกใย.............ยามคร่ำ
อยู่ที่หูเราด้อย..................เด่นเฟ้นสดับเสียง
พญาครุฑรุดล้ำทั่ว...........เทวาลัย
มองทัศนวิสัย..................ซึ่งกว้าง
ภายในกะลาไฉน.............นึกภาพ..เห็นเอย
กบคะนองพร้องอ้าง...........อวดหน้าเชื่อถือ
15 มิถุนายน 2546 14:52 น.
กวินทรากร
อปรนฺติกาคาถา
สพฺพโภคมิตฺตา สกานุคา
เนว สพฺพฐาเน สยํ กตํ
ปุญฺญปาปกมฺมํ สกานุคํ
ตํ ปรมิปโลกานิวัตฺตกํ
สินทรัพย์กับเพื่อนถ้วน.............ทั้งหลาย
เคยติดตามยามตาย..................ต่างสิ้น
บุญบาปขนาบกาย......................เกาะแน่น..นานนา
นรชีพลับดับดิ้น..........................บ่รู้ลาหาย
ข้าวของทรัพย์สมบัติมิตรสหาย
จักตามไปกับตนในสถานทุกแห่งหามิได้
กรรมอันเป็นบาปและบุญที่ตนได้กระทำไว้นั้น
ย่อมตามไปกับตนในสถานที่ทุกแห่งแม้ในปรโลกหน้า
14 มิถุนายน 2546 19:33 น.
กวินทรากร
ปวสฺตก คาถา
ยโส จลาโภ จ กิตฺติ จ
นิจฺจ ธัมฺมิกา เนว โหนฺติกา
วินาส ธมฺมา ว ปณฺฑิโต
ตาสุ มชฺชโต สพฺพทา ภเว
ชื่อเสียงลาภยศเบี้ย...................บริวาร
ฤาอยู่ยั่งยืนนาน.........................เที่ยงแท้
ย่อมอันตรธาน............................ทุกเมื่อ
ปราชญ์ไป่มัวเมาแล้....................เลิศสร้างทางเขษม
ลาภยศบริวารชื่อเสียงก็ดี
ไม่มีสภาวะอันมั่นเที่ยง
ย่อมมีสภาวะอันรู้ฉิบหายไป
เหตุนั้นบัณฑิตไม่พึงมัวเมาในกาลทุกเมื่อ
14 มิถุนายน 2546 19:27 น.
กวินทรากร
ปจฺจวุติคาถา
สกาลา ภูตุปาทนํ ยถา
อปฺปกมฺมิ สกลาภเก ตถา
สนฺตุฏฺเฐยฺยว ปญฺญวา
มา ปรสฺสลาเภ ปิหํ จเร
ทุรโภคทุรโชคสร้าง.................ศฤงคาร
ธนทรัพย์ธนสาร......................กระจ้อย
พึงสันโดษสันดาน....................บัณฑิต
อย่ามักใหญ่ในร้อย...................ลาภผู้อื่นสงวน
การบังเกิดลาภแห่งตนด้วยประการใด
แม้น้อยหนึ่งก็ดี
ผู้มีปัญญาพึงสันโดษในลาภแห่งตนนั้น
บ่มิพึงใคร่ได้ยังลาภแห่งท่านผู้อื่น
10 มิถุนายน 2546 15:32 น.
กวินทรากร
อุทิจฺจวุติ คาถา
ปรสฺสลาเภ อุปาคเต
เนว นินฺเทยฺย มิสฺสุภา ยตํ
สภาวโต ยํ อธมฺมิกํ
กายเลนฺตํ วนินฺทเย มุนี
นรชาติประกาศแก้ว.........กองทอง
ปราชญ์ไป่ริษยาหมอง.......หม่นไหม้
ทรัพย์ใดใช่สิ่งสิ่งของ.........สุจริต
ปราชญ์อาจแนะแคะไค้......ข่มได้โดยควร
ในเมื่อลาภมาถึงแก่ท่านผู้อื่น
ผู้มีปัญญามิพึงติเตียนด้วยความริษยา
วัตถุอันใดได้ด้วยมิชอบธรรม
ผู้มีปัญญาติเตียนในกาลอันควรแล