12 พฤศจิกายน 2545 17:07 น.
กวินทรากร
โอ้ธัมศาสน์ครั้ง..........ทิวากาฬ
ทุรบัณเฑาะว์หาญ.......หื่นห้าว
ใคร่ใส่กระโปรงปาน....อิตถิเพศ
ตาปู่ป้าปวดร้าว..........เหลือบแค้นแสนเข็ญ
มองเห็นอยากคลื่นไส้..ส่ายหัว
หญิงครึ่งชายครึ่งมัว..หม่นแท้
มาเรียนเซี่ยนแต่งตัว..ตามอย่าง..หญิงเอย
แลทุเรศยามชะแง้......ชะโงกพ้องพบพาล
7 พฤศจิกายน 2545 17:49 น.
กวินทรากร
หายตาหายน่าสิ้น..........ศรีสรรค์..กวีเอย
คงระเริงเชิงฉันท์........ฉุดไว้
ตะเอ๋ากล่าวกล ครร-......โลงเดี่ยว..โดดนา
โคลงแต่งยากสุทธิ์ไซร้...กว่าเบื้องโศลกฉันท์
ด้วยบริบทน้อย.............นักหนา...หนึ่งเอย
สองเอกโท นั้นหา............ยาก แก้
สามโคลงบ่งสัญญา-.......ลักษณ์ชาติ..ไทยเอย
สี่แต่งโคลงปราชญ์แท้.....ไม่อ้อมค้อมคำ
คำฉันท์ใครอ่านแล้ว.........เวียนหัว
เพราะอักขระรัว..............เลื่อนล้า
คำฉันท์นั่นพันพัว............อาถรรพ..เวทย์นา
เกิดเพราะความโศกอ้า......จึ่งซร้องโศลกฉันท์
พระ วาลมิกิ ครั้ง.............เดินไพร
พบกระเรียนคู่ไสว...........สว่างเศร้า
ถูก พรานประหารใจ.........อำมหิต
ท่านจึ่งสาปแช่งเจ้า.........นิษาท ด้วยผรุสวาจ์
7 พฤศจิกายน 2545 11:50 น.
กวินทรากร
ถือโทรศัพท์เศร้า...............โทรมใจ
ยินสำเนียงนางใน.............โสตแล้ว
ฤดีสุปรีดิ์ใด....................จักเปรียบ
ฟังเสนาะเพราะแคล้ว.........คลาดคลุ้มทุมนา
สายัณห์ยามค่อยคล้อย.........มาเยือน
รพิพรรณเลือนเลือน............ชะช้า
ปักษาว่าเหมือนเหมือน...........มนัสนี่
ลอยล่องลงหน้าหน้า.............นิ่มเนื้อนฤมล
นิ........พนธ์กลบทไว้............วานวัน
โฆ.......ษิตติดตรึงกรรณ.......ก่อนกี้
เท.......พินเผื่อยินพลัน.........จะเชื่อ
ลิ........ลิตลิขิตชี้..................ชัดแจ้งสัจจา
โอ้.......อุตส่าห์แต่งด้วย..........กมล
ฉัน......อยากฝากยุบล............นี่นี้
รัก.......ษายิ่งชีพตน...............ตราบชั่ว..ชีพนา
เธอ.....ท่าเธอทำถี้..................สังได้ขอบคุณ
วสุนธเรศว้าง.........................ทิวากร
จันทร์แจ่มจันทร์โคจร...............จากหล้า
ดาวเดือนเกลื่อนอัมพร..............เพียรเพ่ง
ไอพยับจับฟ้า..........................ฟ่าไร้รัศมี
ราตรีธรณิศสิ้น........................สูรย์โสม
ดาริกากลางโพยม.....................เมฆกั้น
กลเรียมห่างเหินโฉม..................แชล่ม
แลไป่พบกันนั้น........................นั่นเศร้าอุรา
นภาคราคร่ำน้ำ..........................ฝนโปรย
ลมเฉื่อยฉิวปลิวโชย...................ช่อไม้
ฟังฟังดั่งคนโหย.......................หวนพร่ำ
พลอยร่วมร่ำร้องไห้...................ห่อนห้ามหทัย
เหลียวไปภายพ่างพื้น.......................เพหน
ก็ก่อเกิดกังวล.....................................เฟื่องฟื้น
หลับเนตรหน่ายเนตรยล................หยุดนิ่ง
ใจส่งเสียงสะอื้น................................ร่ำร้องเรียกเธอ
ละเมอหาแต่เจ้า..................................จอมขวัญ
คิดว่าคราคิมหันต์.............................หอบพ้น
จวบจนสู่วสันต์..................................จักสร่าง..โศกนา
โศกยิ่งถาโถมท้น.................................ท่วมซ้ำซุดทรวง
แดดวงหวงห่วงเฝ้า..............................ถวิล
ตอนตื่นยืนผินตาม...............................แห่งห้อง
ปิงวังหลั่งไหลริน.................................รวมน่าน..ยมนา
ฝากข่าวยุพาพ้อง...................................สั่งพื้นชลาลัย
ชลนัยไหลหลั่งเพี้ยง...............................ผืนชล
กระฉ่อนกระฉอกปน..............................ประแก้ม
เกาะแก่งทุกแห่งหน..................................แห้งเหือด..แล้วเอย
อัสสุบรรจุแต้ม..........................................ติตถ์ล้นรับฤา
2 พฤศจิกายน 2545 16:34 น.
กวินทรากร
มัลลิกา มาลี สีสะอ้าน
กลิ่นจัดจ้าน ซ่านซึ้ง ตรึงนาสา
หอมปรากฎ สดชื่น รื่นอุรา
สุคนธา พามนัส พัดล่องลอย
ลืมวิโยค โศกเศร้า ครั้งเก่าสิ้น
ลืมเล่ห์ลิ้น คำหมิ่นใจ ให้เหงาหงอย
ลืมทุกข์ถม ระทมยิ่ง สิ่งรอคอย
ลืมท้อถอย พลอยภิรมย์ สุขสมทรวง
มัลลิกา ผกานี้ ที่สูงค่า
คือมาลา ลาแหล่ง แห่งแดนสรวง
สู่พ่างพื้น ปถพี พลีดอกดวง
ประดับโลก ประดับห้วง หทัยชน