ผม..กำลังเหม่อมอง จ้องดูดวงดาวบนท้องฟ้าระยิบระยับ ณ..ราตรีริมชายชล วันนี้... กลุ่มเพื่อนผมก๊วนออกกำลังกายด้วยกัน ต่างพากันลงขันและพากันมาที่นี่..ร้านริมน้ำ ทั้งๆ..ผม..เบื่อการสังสรรค์แบบนี้เสียเต็มประดา การสังสรรค์...ที่... ในมือทุกคนต่างพากันมีแก้วน้ำสีอำพัน พร้อม.. ที่จะยกมาชนกันแล้วก็พากันสรวลเสเฮฮา แต่... ผม..จำต้องมา... เพียงเพื่อรักษาสัมพันธภาพ..ไมตรี หาก... ตราบใดที่ผมยังต้องมีเพื่อน... เพื่อน...ที่ผมมิได้คาดหวัง ให้เขาต้องแลเห็นดาวเดือน แล้วจินตนาไปไกล...อย่างที่ผมเป็น เพื่อนที่อย่างน้อยก็แสนน่ารักนัก.. ที่ยังมีความรักความปรารถนาดีจริงใจ มอบให้กับผมเสมอมา ใน...ท่ามความดายเดียวเหว่ว้า ที่ผมสลัดมันไม่เคยออกจากบึ้งทรวงใน ที่ยากยิ่งจะมีผู้ใดจะหยั่งถึง อาจจะเป็นเพราะผมมีเกราะ เกราะ... ที่สร้างเพื่อปิดบังรักษาความเป็นส่วนตัวของผมเอาไว้ ตราบใด... ที่ผมยังไม่มั่นใจว่า.. จักมีใครสักคนสามารถกระเทาะเปลือกใจผม และค้นพบ*บ้านภายใน*ผมได้อย่างถ่องแท้ ผม...แหงนเงยมองดวงดาราบนฟากฟ้ากว้าง ในความรู้สึกอ้างว้างแสนเปลี่ยวเหงา ผมกลับรู้สึกดี ในท่ามเวิ้งฝันอนันตกาลนั้น ผมคิดว่าดาวเคราะห์ดวงนี้ที่ผมอาศัยอยู่ อาจจะเป็น...ดาว...ที่ถูกลงทัณฑ์ ส่งคนมากหน้าสารพัน ให้มาเรียนรู้พัฒนา *ดาวแห่งปัญญา* โดย.. ส่งมากผู้มีบุญญาลงมาเป็นผู้อบรมสั่งสอน และ... เหล่าคนใด ชนใด ที่สามารถเรียนรู้เท่าทัน สามารถ... ค้นพบดวงตะวันนำทางตามอย่างองค์พระบรมศาสดา ที่เรียกว่า..*อริยสัจจ์สี่* และ.. สามารถพลีชีวี ทั้งชีวิตมิให้หลงผิดติดในเปือกตม ให้ตรมตรอมยอมเป็นเหยื่อ เต่าปลา ก็คงมากมีค่าพอที่จะเรียกว่ามนุษย์ผู้พิสุทธิ์ผ่องแผ้ว และ..... หลังจากนั้น.... วิญญาณอันราวแก้วประภัสสร อาจจะ..ลอยล่องท่องไปสู่ดาวอีกดวงหนึ่ง ที่เรียกว่า *ดาวสวรรค์ * มิจำต้องถูกกักขัง.. ณ..โลกแห่งความเดียวดายอีกต่อไป ทุกครา.. ที่ผมสบตาผู้คนทุกที่บนผืนโลกนี้ ทำไมนะ... ที่ดวงตาภายในผมกลับเห็นในบางสิ่ง มากกว่า...ความจริงที่อยู่ตรงหน้า ดวงตา.. ที่เห็นความทุกข์ทนเหว่ว้า แล้งไร้ เสมือนชีวิตจักสนิทชิดใกล้ ความเป็นมนุษย์เครื่องจักรเข้าไปทุกที ผม..เคยอ่านบทความ *ของคุณหมอวิทยา..นาควัชะ* ที่.. ท่านกล่าวไว้อย่างน่าสนใจมาก ในเรื่อง*คนพันธุ์ฉัน *(Generation ME)... ว่า.... *เป็นพวกที่ไม่สนใจใครนอกจากตัว *ฉัน* คิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลัก รู้จักการเรียกร้อง เอาแต่ได้ ไม่คิดจะให้อะไรใครอื่น ไม่นึกถึงอกเขาอกเรา... สนใจแต่เทคโนโลยี่ เครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่... สามารถใช้คล่อง แต่.. พูดกับคนธรรมดาไม่เป็น ใช้ภาษาคนไม่คล่อง ไม่เข้าใจจิตใจเพื่อนมนุษย์ พูดขาดเป็นตอนๆพูดต่อเนื่องยาวๆไม่เป็น สมาธิสั้น เวลาทำผิดไม่รู้จักเสียใจ ขอโทษไม่เป็น... จะกล่าวขอบคุณใครแบบซาบซึ้งก็ไม่เป็น แต่.. เวลาไม่พอใจใครจะรู้สึกว่า ทำไมเขาทำอย่างนั้น และ.. ไม่อดทนที่จะคิดให้ได้คำตอบต่อไป ไม่รู้จักการวิเคราะห์หาเหตุผล ห่างไกลจากจริยธรรมและคุณธรรม มีชีวิตอยู่เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่กินอาหารง่ายๆเช่นฟาสต์ฟู๊ดเป็นหลัก ขาดอารมณ์สุนทรีย์ และความลึกซึ้ง ขาดความคิดที่เป็นมิติ แต่จะมีอารมณ์โกรธ ผิดหวังได้รุนแรง ถนัดแต่จะโกรธคนอื่น สุดท้ายจะโกรธตัวเอง เมื่อผิดหวังรุนแรงจะฆ่าตัวตายได้ง่าย เจรจาต่อรองไม่เป็น ออมชอมไม่เป็น ไม่ยืดหยุ่น เจ้าอารมณ์ ภาษาพูดและเขียนภาษาได้ห้วนๆสั้นๆ เขียนยาวๆเป็นจดหมายหรือรายงานไม่ได้ ไม่เป็นเรื่อง พูดจาให้สละสลวยก็พูดไม่เป็น ขาดลีลาและเทคนิค ของการสื่อความหมายกับเพื่อนมนุษย์..* .................. ......................... สิ่งที่ท่านเขียนไว้ยังมากมีค่า ท่าน.. กล่าวถึงการศึกษาสูงของ*คนพันธุ์ ฉัน*(Generation ME) ที่กำลังมากมีขึ้นในสังคมทุกวันนี้ ที่มีไอคิวสูง.. จบการศึกษาจากสถาบันต่างประเทศ การงานดี แต่.. กลับมีชีวิตที่แสนโดดเดี่ยวในห้องสีเหลี่ยมแคบๆ ในอพาร์ตเมนท์ในบ้าน ที่ไม่อยากเกี่ยวพันลึกซึ้งกับใคร เหงาเสียจนชิน จิตใจกระด้าง ไม่บ่น แต่จะแสวงหากิจกรรม ที่ทำให้ตื่นเต้นกับตัวเองได้แบแปลกๆมากขึ้น* ....................... ................. ผม..อ่านแล้ว.. ได้..แต่..สะท้อนสะเทือนใจ ในเมื่อชีวิตผม.. แม้จักยังห่างไกลกับคำว่าจิตใจกระด้าง และ.. ในทางกลับกัน ที่ถึงมาตรแม้น..ผม..จักแสนรู้สึกอ้างว้าง ในบางหนบางครา แต่ทว่า..กลับมีเพียง.. ความรู้สึกเอื้ออ่อนโยนในหัวใจ ที่อยากช่วยเหลือให้อุ่นไอ กับเพื่อนพ้องน้องพี่ มวลมิตร ให้ได้เดินไปพบกับ *ทางสายเอก ทางสายธรรม*ด้วยกัน.. ที่.. อยากให้ทุกคนน้อมนำ มาระร่ำรินดับทุกข์เศร้าเหงาใจ แต่... ทำไมนะที่..ทุกคนกลับพากันปฏิเสธ และ.. แถมมองผมเสมือนกับสมภารนอกวัด แต่... ช่างเถอะนะ.. ผม..กลับปล่อยวาง..และแหงนมองฟ้าอีกหน ในดวงกมลภายใน... ผม..กลับพบเพียงความเงียบงาม ใน.. ท่ามความวายวุ่นแห่งจิตวิญญาณทุกผู้คน ที่.. กำลังต่างถูกรัดร้อยด้วยสร้อยโซ่พันธนาแห่งกิเลสวัตถุ ให้เปลือกนอกหรูดูดี หากกลับหามีความสุขอย่างจริงแท้..ฤาก็หาไม่ คืนนี้... ผม..กลับมานอนนอกชานเรือนไทย เรือนไม้หลังเล็กๆ ที่ผมเก็บหอมรอมริบ สร้างเป็นรังรักจินตนาการ ในท่ามทุ่งนาสีทองผ่องพรายใกล้ชานเมือง ที่.. ยังคงมีหวานหวามของกิ่งไม้ใหญ่ไหวระยิบ มีหอมอวลของมวลดวงดอกไม้ไทย ลอยละล่องท่องมาในยามฟ้าใกล้ค่ำย่ำสนธยาต่อราตรี ให้หอม หอม หอม อวลในทุกนวลอณูนึก และ.. ในทุกยามดึก น้ำค้างพรม ที่ดวงดารารายยังพรายดวง ให้หอมห่มห้วงหัวใจผมกลับแสนยิ่งงดงาม ผม..เปิดวิทยุสถานี*สังฆทานธรรม* ฟังบทสัจจธรรมที่หลวงพ่อสนอง เฝ้าพร่ำสอนในทุกยามค่ำคืน ที่.. ล้นค่า...ราวกับหยาดสายปรายโปรย *แห่งพระพิรุณเพชร * น้ำ...อมฤต ที่จักสถิตให้หอมพรมบ่มพร่างลงณ..กลางดวงจิต ที่...คือเพื่อนแท้เพื่อนสนิท จักแนบเนาไปตราบจนชั่ววันตาย... ให้หัวใจดวงนี้ ดวงที่สิ้นไร้คนในใจคู่เคียง มีก็เพียง.. *เส้นทางไสวสีทอง*คอยส่องนำทาง ตราบจนกว่า... จะ..ล่วงพ้นผ่านมหานทีสีทันดร ไปสู่ฝั่งแห่งความว่าง.. กระจ่างแจ่มด้วยโชติรัศม์ รัศมีแห่งความเย็นร่ำ ฉ่ำเกษมไปตราบจนชั่วนิจนิรันดร....!!!!
7 กุมภาพันธ์ 2550 12:52 น. - comment id 654036
ผมเคยโดนคนพันธ์ใหม่เหยียบเท้าและเดินชน โดยไม่ขอโทษหรือสำนึกผิด ผมเคยโดนคนพันธ์ใหม่แสดงท่าทางต่างๆที่ผมไม่อาจรับได้ใส่ผมเมื่อเขาไม่พอใจ ผมเคยโดน..และโดน..คนพันธ์ใหม่ทำแบบนั้นแบบนี้.ที่ผมไม่ชอบ... ผมเลยพาลไม่ค่อยชอบคนพันธ์ใหม่..ค่าที่เขาไม่รุ้จักกาละเทศะ ไม่มีสัมมาคารวะ..เหมือนมนุษย์พันธ์ที่ไร้รากเง่า... แต่เมื่อมองย้อนขึ้นไปอีกที..ถึงต้นตอที่มาของมนุษย์เหล่านั้น.. ผมมองเห็นมนุษย์พันธ์เก่า...ที่มองตอบผมอย่างเย็นชา...ใช่สิ.แท้จริงพวกมนุษย์ที่ผมคิดว่าเป็นพันธ์ใหม่เหล่านั้น...แท้จริงเขาก้มีรากเง่าเหมือนกัน..แต่มาจากรากเง่าพันธ์เก่าที่ไร้ความรับผิดชอบ...ไม่เคยอบรมสั่งสอนหน่อพันธ์ใหม่ของเขาให้รับรู้ถึงศิลปะการใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนมนุษย์ด้วยความเห็นอกเห็นใจและสุภาพอ่อนโยน..รวมถึงไม่รุ้จักคำว่าชีวิตที่แท้จริง...ผมได้แต่ส่ายหน้า..และพูดกับตัวเองว่า..นานาจิตตัง...ก่อนที่จะเดินปะปนไปกับคนหลากหลายพันธ์..ทั้งเก่าและใหม่..กลางเก่ากลางใหม่...และเก่าในคราบใหม่.... ผมไม่งง..ว่าผมเป็นมนุษย์พันธ์ไหนกันแน่...เพราะผมรุ้จักตัวเองดีพอที่จะไม่ค้นหามัน... ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผุ้คนหลากหลายพันธ์ที่คบหาและสัมผัสกับตัวตนจริงๆของผมได้ตัดสินใจกันเอาเอง.... อ่านแล้วงงมั้ยครับคุณพุด...นานๆผมจะได้เขียนแบบนี้สักครั้ง...แวะมาเยี่ยมและขอแจมด้วยนะครับ.....
7 กุมภาพันธ์ 2550 13:22 น. - comment id 654049
ยอดเยี่ยมค่ะ คนดี ที่มาต่อยอดสายพันธุ์ แห่งความคิดสร้างสรร เพื่อจรรโลงโลกใบนี้ ที่กำลังถูกรานรุกย่ำยีทำลาย จากมวลมนุษยชาติหลากหลายพันธุ์ ที่ต่างคนต่างความคิด ต่างจิตต่างใจ.. หาก.. ที่จริงแท้และแท้เที่ยงธรรมแล้วไซร้ คือ.. คุณค่าแห่งความงามความพอดี พอเพียง เลี่ยงการเบียดเบียนทำร้าย ซึ่งกันและกัน และ... แม้กระทั่งทุกแผ่นดิน ที่ตนเองได้อาศัยหยัดยืนอยู่ค่ะ คนเรา.. มีทั้งดีร้ายคละเคล้ากัน อยู่ที่ว่าคนดีนั้น จะช่วยคนอื่น.. ที่.. หลงพลาดผิด คิดผิด หลงทาง มิให้อ้างว้างใจได้สักเพียงไหน ด้วยหยาดน้ำใจใสฉ่ำเย็น เรียกว่าเมตตา กรุณา ค่ะ พี่พุด..ชื่นใจค่ะ ที่คุณแมวคราวให้เกียรติ และ พลีเพลงนี้ให้ด้วยซาบซึ้งใจนะคะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html หนึ่งในร้อย นิตยา บุญสูงเนิน พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง ความ ดี คนเรานี่ ดีใด ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง...
7 กุมภาพันธ์ 2550 13:25 น. - comment id 654051
อ่านแล้วสยิว ชีวิตช่างเศร้าเคล้านำตาเหมือนชีวิต ตัวผมเลย ................ คนพันธ์ทาง
7 กุมภาพันธ์ 2550 13:43 น. - comment id 654057
ผมชอบเพลงนี้มาครับคุณพุด เคยพยามยามส่งเสียงโหยหวนคลอเพลง แต่แล้วทุกอย่างกลับล่มสลาย..555 แต่ผมก็ได้พยายามแล้วนะ...ตอนนี้กำลังทำหูห้อยๆฟังเพลงอยุ่นะครับ ขอบคุณมากๆที่คุณให้เกียรติผมเช่นกัน หวังว่าคงได้คุยและแลกเปลี่ยนมุมมองกันอีกในโอกาสหน้านะครับ.. ขอบคุณมากครับคุณพุด...
7 กุมภาพันธ์ 2550 14:26 น. - comment id 654071
คนพันธุ์ไทย อิอิ คิดถึงพี่พุดค่ะ...
7 กุมภาพันธ์ 2550 15:00 น. - comment id 654092
ฝากไว้ในงาน*ที่สุดแห่งความรัก ของคุณอัลค่ะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5967.html TONIGHT I CELEBRATE MY LOVE Tonight I celebrate My love for you It seems the night just Offer you to do Tonight no one's Gonna find us We'll leave the world Behind us When I make love to you Tonight I celebrate my love For you And hold that deep inside, You'll feel it too Tonight our spirits Will be climbing To sky add up with diamond When I make love to you Tonight Tonight I celebrate my love For you And the midnight sun Is gonna come Shining through Tonight there'll be no Distance between us Well I want most to do Is to get close to you Tonight Tonight I celebrate my love For you And soon this old world Can seem like new Tonight we will both discover Our friends turn in to lovers When I make love to you Tonight I celebrate my love For you And the midnight sun Is gonna come Shining through Tonight there'll be no Distance between us Well I want most to do Is to get close to you Tonight I celebrate my love For you Tonight... เดิมพัน..ด้วยใจ..นะคนไกล..คนดี เคยบ้างไหม.. ที่คุณเปิดใจ..ให้ใครบางคน.. ก้าวเข้ามา..ในโลกของชีวิต อันแสนเงียบเหงาของคุณ.. เข้ามาสัมผัส..รับรู้.. เข้าใจ ถึง..ความรัก ความหลัง ความหวัง พลังใจ เท่าที่คุณมี..คุณเป็น..คุณอยู่ คุณค่อยๆปล่อย ให้เขาเดินก้าวล้ำเข้ามา .. ในใจดวงน้อย..ทีละนิด..ทีละนิด.. โดยที่คุณไม่ทันรู้ตัว ที่สุด.. เขาก็กลายเป็น..ส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ...เหมือนโลกที่ต้องมีพระอาทิตย์. ในตอนกลางวัน .... และ มีพระจันทร์ในยามค่ำคืน.... วันใดที่เขาหายไป...... โลกที่เคยอบอุ่น.... ที่ดูราวมีใครสักคน ที่พร้อมจะเคียงข้าง.... รับรู้และรับฟัง..... พลัน... เดียวดาย....ไร้หวัง ราวท้องฟ้าไร้จันทร์ในคืแรม...... ไม่ยากเลย...ลองดู.... คุณอยากให้ใครสักคนรักคุณ... และ...ขาดคุณไม่ได้.... ให้เขาเห็นความสำคัญ..... และคุณค่าในตัวคุณ..... เพียงอย่าท้อแท้......สิ้นหวัง... คิดเสียใหม่...... ยิ่งให้คุณจะยิ่งได้... ในทุกทุกเกมของชีวิต..กับ..ทุกทุกคน... และ.. โดยเฉพาะกับคนที่คุณรักเขายิ่งชีวิต..... ไม่มีอะไรที่คุณจะเสีย... มีแต่ศรัทธาเปี่ยมด้วยรัก..จริงใจ .. มั่นคง..หนักแน่น..... เป็นเดิมพันใจ..เพื่อ..ใจ...เท่านั้น..... และ.. คุณจะพบว่าคุณคือผู้ได้มา...มิใช่เสียไป..... เกมของรัก... เกมของใจ ..... เกมของความหวัง..... และ.. เกมของความฝัน........ เพียงใช้ใจดวงงามที่ใสซื่อ.... อดทน...รอคอย.....เพียงนั้น ..... โลกทั้งโลกก็จะอยู่ในมือคุณ.... เส้นทางใจ... เส้นทางชีวิต ที่จะมีใครสักคนคู่เคียง... ไม่ว่า..ในยามทุกข์..หรือสุข.ตราบนิรันดร์.. บางครั้งเส้นทางนี้.. มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ.. มิได้หวานหอม..ตั้งแต่บทเริ่มต้น.... ขอเพียงคุณ...... ไม่ยอมแพ้พ่าย..... เอาใจดวงที่เปี่ยมรักบริสุทธิ์ล้ำ.... .หนักแน่นยิ่งกว่า..... ขุนเขาและแผ่นผา.... แผ้วถาง ฟันฝ่า....... ปลายทาง..... มีสวรรค์บนดิน ที่พระเบื้องบนจะประทานให้..... มีความรัก.. ความอบอุ่น..... มีน้ำใจ.. จาก.. หญิงงามฤาจากชายมากค่า พร้อมเด็กน้อยน้อย ที่บริสุทธิ์ใส..จักประโลมใจคุณ ทุกโมงยาม..... เปรียบประดุจสายธารา..แห่งชีวิต.. ที่คุณจะได้ดื่มกิน..แหวกว่าย.. เย็นฉ่ำทั้งใจกาย.... ตราบจนถึงวันสุดท้ายแห่งลมหายใจ.. ของชีวิตที่แสนงามนี้.....
7 กุมภาพันธ์ 2550 15:09 น. - comment id 654095
เนื่องจากแสนซาบซึ้งใจ ในน้ำคำของน้องร้อยแปดพันเก้า ที่ฝากไว้ในงานคุณอัล*ที่สุดแห่งความรัก พี่พุดไพร เลยขออนุญาติน้อมนำมาวางไว้ณ.ที่นี่นะคะ ด้วยรักล้นใจนะคะ ......................... ผมอ่าน ข้างหลังภาพ ก่อนหน้านี้ไม่นาน ชอบบทสนทนาของนพพรกับม.ร.ว.กีรติ ว่า "ผมมีคำพูดอีกตั้งล้านคำที่จะพูด แต่มีเวลาไม่พอ ผมอยากเลือกสรรคำพูดเพียงร้อยคำ เพื่อที่จะให้คุณหญิงได้เข้าใจความทั้งล้านคำนั้น แต่ผมยังนึกหาคำไม่ออก" "เธอจงพูดเท่าที่พูดได้ ส่วนที่เหลืออยู่นั้น ฉันจะอ่านจากดวงตาของเธอ" อ่านแล้วรู้สึกตรึงใจ จนอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่า เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก ๆ หรือยัง แต่ที่แน่นอน ไม่เคยมีใครพูดให้เกิดความรู้สึกดีขนาดนี้ ในขณะสนทนากัน ด้วยความกระดากที่จะพูดหรือเปล่า ไม่แน่ใจ แต่ผมอิ่มกับความรู้สึกแบบนี้ บทสนทนานี้อาจไม่ใช่วรรคทองที่ใคร ๆ ชอบ หรือกล่าวถึงมากนักจากเรื่องข้างหลังภาพ แต่ผมก็รู้สึกชอบในสิ่งที่ผมชอบ ผมไม่มีนิยามความรักนะ แต่ไม่ใช่ว่า..ใครก็ได้ อะไรก็ได้.. ไม่ชุ่ยขนาดนั้น เมื่อชีวิตผ่านมาในช่วงเวลาหนึ่ง และหัวใจของเราก็โตพอที่.. ไม่ได้ให้ความหมายความรักของเรา เป็นเพียงสีชมพู ผมมักจะเลือก ดอกไม้สีขาวเสมอ ไม่ว่า จะเป็นดอกแก้ว หรือ ดอกลั่นทมสีขาว เป็นความทรงจำที่พิเศษ ของคนพิเศษในใจของผมเสมอ ดอกไม้เหล่านี้ อาจจะแทนความห่วงใยเล็ก ๆ ที่ผมมีให้เธอเสมอ แทนดอกกุหลาบสีแดง ที่ผู้คนมักให้ความหมายของมันว่า.. .. ความรักไม่รู้จบ.. เพราะผมไม่เชื่อหรอกว่า ความรักจะไม่มีวันจบ ไม่ใช่เพราะว่าผมมองโลกในแง่ร้ายหรอกนะ ครั้งหนึ่ง เคยคิดเหมือนกันครับว่า.. การบอกรัก ที่เคยคิดว่ายากเย็น ทำไมถึงพูดไม่ได้สักที แต่เมื่อทำใจกล้าบอกรักออกไปแล้ว สิ่งที่ยากตามมาคือ การใช้ชีวิตหลังการบอกรักนั่นเอง บางทีก็ถามตัวเองว่า หัวใจของเราโตพอหรือยัง.. ที่จะเรียนรู้และเก็บความรักนั้นไว้ การเรียนรู้นั้น ทำให้เราเข้าใจความรักได้มากขึ้น และเรียนรู้ว่า สิ่งที่ดีที่สุดของความรักนั่นคือ ..การได้รัก.. ไม่ใช่นาทีที่เราบอกรัก แต่มันเป็นเวลา และความผูกพันที่เราได้มีในช่วงเวลาของเรา เราเคยบอกรักเธอไปหรือยัง และเธอจะรู้ไหม แต่ถึงตอนนี้ มันไม่สำคัญแล้วล่ะ เพราะผมเชื่อว่า ความรักที่มีไว้เพื่อรัก นั่นคือความรู้สึกที่ดีที่สุดแล้ว -ร้อยแปดพันเก้า- 07 ก.พ. 50 - 14:06 IP 203.150.118.181
7 กุมภาพันธ์ 2550 17:40 น. - comment id 654145
คิดว่าตนเองแปลกพันธุ์นิดหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าแผกเหล่าผิดกอไปกี่มากน้อย บางเรื่องราวทั้งที่รู้ ทั้งที่เห็น .. แต่บางทีก็นิ่ง,เงียบกริบ ปล่อยให้บางเรื่องราวมันไหลเอื่อยเฉื่อนผ่านไปซะงั้น เหมือนกับจะปล่อยให้ทุก ๆ อย่างมันเจือจางไปเองกับกาลเวลา ไม่รู้สิ บางที ก็มีความรู้สึกว่าเป็นคนไร้แก่นสาร .. เหมือนกัน ทำไมจึงคิดเช่นนั้น ? จริง ๆ คิดว่า การวิเคราะห์สถานการณ์ .. มุมมอง .. จินตนาการ .. วิสัยทัศน์ .. อุปนิสัยใจคอ และความเป็นอยู่ของตนเอง อาจมีความแตกต่างและไม่เหมือนกับใคร ๆ ที่อยู่รายรอบ ทั้งในด้านรายละเอียด .. ทั้งแง่มุม .. และความจริงใจ ซึ่งตรงนี้ก็เข้าใจเองว่า คุณพุดพัดชาคงจะพอรับรู้ถึงสิ่งนั้นนานแล้ว จึงคิดเสมอว่า .. ตนเองทำในสิ่งที่ควรทำ และทำให้ได้ดีที่สุด ถือเป็นการเพียงพอ โดยการวิเคราะห์วิจารณ์..ด้วยเหตุผลและมุมมองของตนเองในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งอาจแตกต่างจากคนที่คุณพุดพัดชารู้จัก..ที่คุยกันอย่างสนุกสนานเท่านั้น อ่านในความคิดเห็นของคุณแมวคราว .. ทำให้เห็นอะไรในภาพลาง ๆ ชัดขึ้นอีกแยะ บ่อยครั้งที่ถูกเหยียบเท้าอย่างจงใจและบ่อยครั้งที่ถูกเดินชนอย่างจัง .. แต่แล้ว ก็ต้องทำตัวให้ชิน. เพราะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินคำขอโทษใด ๆ หรือแม้แต่กระทั่งสายตาที่สำนึก ถ้าไม่อยากถูกเหยียบเท้า ก็ต้องชักเท้าให้ไว และให้ทัน ก่อนที่อีกเท้าจะมาย่ำ ถ้าไม่อยากถูกเดินชน หากเป็นไปได้ ก็เดินคนละฟาก คนละเส้นทางไปเลย คิดซะแบบนี้ .. ตกลงจัดให้อยู่พันธุ์ไหนคะ :) มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
8 กุมภาพันธ์ 2550 07:40 น. - comment id 654328
คุณอิม ที่รัก กับคำถามสุดท้ายที่ถามคงตอบยากนะคะ ที่จะบอกได้ว่าคุณอิมเป็นคนพันธุ์ไหน เพราะพี่พุดไม่ถนัดค่ะที่จะชี้ชัดแลตัดสินผู้ใด ไม่ชอบพิพากษา และเหนือกว่าสิ่งใด ไม่อยากให้ทุกคน*มีพันธุ์*ค่ะ แค่ได้เกิดมาใช้ลมหายใจใฝ่ธรรม ได้มาพบ.. พระพุทธศาสนา มาพบพระมหากษัตริย์ไทย องค์ในหลวง ที่ธ..ทรงประดุจดั่ง เพชรในใจไททุกดวง ก็เป็นบุญวาสนาแล้วค่ะ และนั่นคือความงามล้ำค่าทางจิตวิญญาณ ก็มากค่าเกินพอแล้วละคะ จริงๆ..ในชีวิตคนๆหนึ่ง บางครั้งเราจำต้องสวมบทบาท ราวเล่นละครโลกโศกสุขไปตามเพรงกรรม นะคะตามแต่จะถึงเวลาที่วิบากจักส่งผลมาให้ ทำไมเราต้องรักคนนี้ ดีกับคนนั้น ทำไมชีวิตบางวันถึงพบแต่กับเรื่องร้าย ทำไมเราหมายเพียงจะช่วยเหลือแลปรารถนาดี กลับไม่มีคนเห็นคุณค่า ราวกับทำคุณบูชาโทษ เพื่อนพี่พุดกัลยาณมิตรธรรม เคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้ฟังว่า..เวลาเราเห็นกิเลสเขา ให้เรามองเห็นกิเลสเราด้วย และจงเมตตาอภัยทานเสียดีที่สุด จะได้หยุดวิบากกรรม... กับอย่าลืมคำอธิษฐานให้ชีวิตมีแรงขับเคลื่อน ให้ชีวิตมีพลังบุญ พลังบวกในทางสร้างสรร ทำทุกสิ่งอย่างมีสัมมาทิฎฐิ.. คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี ไปในสถานที่ดี ก็ครบห้าดีที่จะลี้หลีกภัยพาล ภยันตรายได้แล้วค่ะ เพราะ.. การคิดดี นั่นคือการขจัดขัดเกลา ให้ดวงจิตเราสว่างเกษมไงคะ พูดดี คือพูดอย่างมีสติ มีเมตตา อ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักชื่นชมยกย่องผู้อื่นค่ะ ไม่พูดวาจาส่อเสียด นินทา เพ้อเจ้อ คำหยาบ... ทำดี....คือการ*ให้*เรียกว่ากุศลทานค่ะ และ.. ทุกสิ่งอย่างคือคำสอนขององค์พระบรมศาสดา ที่จักพาให้เราเป็นคนเหนือโลกย์ พ้นจากโศกสุขทุกข์ผัสสะที่มากระทบ ไม่ยินดียินร้าย หมายเพียงฝึกรู้ทันเท่าเพื่อ พัฒนายกระดับจิตเราให้นิ่งใสว่างรู้วางรู้ปล่อย ให้ค่อยๆทำใจ เห็นความเป็น เช่นนั้นเอง หากไม่มีตัวเรา ไม่มีพันธุ์ค่ะ เพราะมันว่างเปล่าจนมิอาจจะจัดพันธุ์ได้ ไม่ยึดมึ่นถือมั่น ว่าคือตัวกูของกู อย่างท่านพุทธทาสเพียรสอนสัจจธรรม อันล้ำค่าเอาไว้ค่ะ อ่าน*คู่มือมนุษย์*สักครั้ง ทุกอย่างจักกลายพันธุ์ เป็นความไม่มีในความมีค่ะ พี่พุด..ไม่ใช่นักธรรมนะคะ เพียงเพียรพยายามอย่างมากที่จักใช้ชีวิต อยู่ในโลกนี้ อย่างมีความเงียบงามสุขสงบค่ะ เพื่อ..เพียรพบทางสายเอก สายสุขแท้ตราบชั่วนิจนิรันดร์ จนจิตดวงขวัญเกินฝันว่าอยากจะเป็นพันธุ์ใด อีกต่อไปแล้วละค่ะ ด้วยรักปรารถนาดีอย่างจริงใจนะคะ หวังคุณอิม.. คงอยากพบทางสายสว่างโรจน์ โชติช่วงชัชวาล.. *ทางสายเอก*นั้นเฉกเช่นกันนะคะ แล้วเราจักมีเพียงคืนวัน ที่แสนสว่างสะอาดสงบ พบเพียงความเย็น แห่งจิตใสใจดวงเกษมบุญนะคะคนดี