http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2865.html หัตถาครองพิภพ คำขวัญวันเด็ก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข ดอกเอ๋ยดอกน้ำค้าง มาหล่นพร่างหอมพรมดับสิ้นหวัง มาจรรโลงโลกแล้งไร้สามัคคีพลัง มิหยุดยั้งก้าวต่อไปในทางดี... คือดอกเยาว์ผลิช่อกลางกอธรรม งามเลิศล้ำสูงส่งเกียรติ์ศักดิ์ศรี ใต้ร่มรัตน์ฉัตรเพชรไทธานี รู้พอดี*ตามรอยเท้าพ่อ*มิท้อใจ รู้กตเวทิตาต่อแผ่นดิน รู้ถวิลรักษ์วิถีทุ่งทฤษฎีใหม่ รู้คุณค่าคำว่าวัฒนธรรมประเพณีไทย รู้รักษาจิตใสใจดวงงามนิยามคน หนีอบายตายทั้งเป็นเว้นยาเสพติด มิหลงผิดหลงเขลาเหงาสับสน กี่ฝนหนาวเศร้าสุขเฝ้าฝึกตน เดินไปบนเส้นทางธรรมน้อมนำใจ แล้ว.. ดอกเอ๋ยดอกเกษม จะอิ่มเอมหอมอวลในสวนไสว คือพลังงามงดหมดจดใจ คือเด็กไทยในวันนี้ชาติภาคภูมิ...!!!!! .................... ด้วยรักนี้ที่แม่ให้ เราเกิดมา.........มีชีวิตเพื่อกันและกัน สายเลือดอันอบอุ่น...........สายน้ำนมอันยิ่งใหญ่ เป็นสายใจ ถักทอด้วยใยรัก และผูกพัน รวมเป็น....เส้นทางใจ....ไหลรวม .....เป็นเส้นทางชีวิต ที่จิตวิญญาณมิอาจจะพรากจากกันได้ แม่ เปรียบเสมือนลมหายใจของธรรมชาติ ที่ก่อให้เกิดชีวิตอันยิ่งใหญ่....ของมวลมนุษยชาติ สำหรับฉัน เรียนรู้ ที่จะรักโลก .....และ....ทุกสรรพสิ่ง ฟ้ากว้าง...ภูเขา...ท้องทะเล...แมกไม้......สายน้ำ... ด้วยใจดวงพิเศษพิสุทธิ์................. ที่แม่หล่อหลอมให้ฉันมี.....ให้ฉันเป็น... และให้ฉันเห็นทุกสิ่งจาก....... ตาภายใน.คู่พิเศษ ที่ไม่จำเป็นต้องงามงด แต่หมดจดเพื่อเก็บรายละเอียดของความงามบริสุทธิ์ ที่รายล้อมรอบตัวเรา....... ด้วยมิติที่ล้ำลึก............. เห็นชีวิต จิตวิญญาณของผู้คน โดยการให้ความรัก ...... ความเข้าใจ..ให้อภัย ให้ความเมตตา และแน่นอน ให้กำลังใจสำหรับผู้ยากไร้มากมายที่ไร้หวัง....................... โลกของชีวิตฉันจึงเงียบ สงบงาม กว้างใหญ่ มากล้นด้วยน้ำใจ ที่พร้อมจะเป็น....ผู้ให้.......... ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต ในโลกอันสับสนวุ่นวายของการแสวงหาใบนี้.............. แม่ของฉันคือธารน้ำใสไหลเย็น ที่ชุ่มฉ่ำ พร้อมจะรินรดหยดลงบนใจทุกดวงที่ได้ชิดใกล้.......... ถ้าฉันจะเปรียบแม่เป็น ...ดอกไม้งาม...... .แม่ของฉันคือ....ดอกพุด เป็นพันธุ์ไม้ไทย ที่มีกลิ่นหอมละมุน ดอกสวยสะอาดตา ดูบอบบาง แต่อ่อนหวาน และอ่อนโยน.......... ในขณะเดียวกันเธอเปรียบประดุจ....พุทธะ..ประจำใจของฉัน เธอคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ที่บานไสวอยู่ในใจของฉันเพื่อนำทางชีวิตให้สว่างไสว ตลอดมา ... .และ....ตลอดไป ฉันขอสดุดี ผู้หญิงที่เป็นแม่ทุกคนในโลกนี้ ที่ได้สอนให้ลูกได้เรียนรู้จากการกระทำที่เสียสละ ดูแลลูกด้วยความอดทน ด้วยความรัก ด้วยความเข้าใจ ด้วยดวงใจที่ไม่เคยหวังสิ่งใดใดตอบแทน....... เพียงเพื่อขอให้ลูกทุกคนได้เติบโตอย่างแข็งแรง ทั้งร่างกายและจิตใจที่มีคุณค่า....... เพื่อยังประโยชน์ให้แก่ ครอบครัว แก่สังคม และเพื่อจรรโลงโลกใบนี้ให้มีแต่ความดีงาม ความสงบสุข ตราบนานเท่านาน...... ใครหนอ ใคร หนอ รักเรา เท่าชีวี ใคร หนอ ปราณี ไม่มีเสื่อมคลาย ใคร หนอ รักเราใช่เพียงรูปกาย รักเขาไม่หน่าย มิคิดทำลาย ใคร หนา ใคร หนอ เห็นเรา เศร้าทรวงใน ใคร หนอ เอาใจปลอบเราเรื่อยมา ใคร หนอ รักเราดังดวงแก้วตา รักเขากว้างกว่า พื้นพสุธา นภากาศ จะเอาโลก มาทำปากกา แล้วเอานภา มาแทน กระดาษ เอาน้ำหมด มหาสมุทรแทนหมึกวาด ประกาศ พระคุณไม่พอ ใคร หนอ รักเรา เท่าชีวัน เท่าชีวัน ใคร หนอ ใครกันให้เราขี่คอคุณพ่อ คุณแม่ ใคร หนอ ชักชวนดูหนังสี่จอ รู้แล้วละก็ อย่ามัวรั้งรอ ทดแทนบุญคุณ ใคร หนอ รักเรา เท่าชีวัน เท่าชีวัน ใคร หนอ ใครกันให้เราขี่คอคุณพ่อ คุณแม่ ใคร หนอ ชักชวนดูหนังสี่จอ รู้แล้วละก็ อย่ามัวรั้งรอ ทดแทนบุญคุณ... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2865.html คือหัตถาครองพิภพ สองมือที่ดูนิ่มนวลอ่อนโยน สองมือที่ดูช่างบอบบางอย่างนั้น สองมือที่ดูไม่มีความสำคัญ คือสองมือที่ทำ ให้โลกหมุนไป แม้เพียงร่างกายนั้นเกิดเป็นหญิง แท้จริงหัวใจนั้นแกร่งยิ่งกว่าชาย ขอเพียงให้เป็นได้ดังที่ตั้งใจ จะทุกข์ทนเดียวดายไม่มีความสำคัญ บันดาลโลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ นำพาให้เป็นไปตามต้องการ ทุกสิ่งเปลี่ยนแปร ไปด้วยมือเธอเสกสรร ดังถ้อยคำประพันธ์ เปรียบเปรยพรรณนา ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์ ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า อันมือไกวเปลไซร้ แต่ไรมา คือหัตถาครองพิภพจบสากล บันดาล โลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ นำพาให้เป็นไปตามต้องการ ทุกสิ่งเปลี่ยนแปร ไปด้วยมือเธอเสกสรร ดังถ้อยคำประพันธ์ เปรียบเปรยพรรณนา ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์ ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า อันมือไกวเปลไซร้ แต่ไรมา คือหัตถาครองพิภพจบสากล... ดอกเยาว์ หากเปรียบชีวิตนี้ดังดอกไม้ ก็คลับคล้าย คลับคลา ดวงดอกฝัน ดอกเยาว์วัย หวานแฉล้ม ต้นวัยวัน บริสุทธิ์สั้น แสนดี วันวัยเยาว์ แล้วดอกโศก เริ่มแย้มบาน เมื่อรู้รัก ซึ้งประจักษ์ เล่ห์กลกาม จนใจเขลา ดอกเสน่หา ผุดงอกงาม แทนดอกเยาว์ เมื่อสองเรา แลกรสรัก รู้รสกัน ดอกราโรย เริ่มบาน ไร้รักแท้ ผ่านเกมแก้ เกมกาม จนเลิกฝัน ดอกความจริง ผุดสอนใจ ทุกคืนวัน ดอกสวรรค์ ลอยลาลับ ลงลานดิน ดอกดวงใจ แม่พ่อ เพาะบานใหม่ วนเวียนไป เป็นดอกเยาว์ มิรู้สิ้น ดอกโศกบาน ดอกรักร่วง พราวสู่ดิน บานมิสิ้น ดวงดอกไม้ ชดใช้กรรม! ................
13 มกราคม 2550 16:18 น. - comment id 645912
คำขวัญวันเด็ก เป็นคำขวัญ ที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็ก มีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญ ให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็ก ปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน คำขวัญวันเด็กตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2499 - จอมพล ป.พิบูลสงคราม จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม พ.ศ. 2502 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า พ.ศ. 2503 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด พ.ศ. 2504 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย พ.ศ. 2505 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด พ.ศ. 2506 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด พ.ศ. 2507 ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ พ.ศ. 2508 - จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี พ.ศ. 2509 - จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี พ.ศ. 2510 - จอมพล ถนอม กิตติขจร อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย พ.ศ. 2511 - จอมพล ถนอม กิตติขจร ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง พ.ศ. 2512 - จอมพล ถนอม กิตติขจร รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ พ.ศ. 2513 - จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส พ.ศ. 2514 - จอมพล ถนอม กิตติขจร ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ พ.ศ. 2515 - จอมพล ถนอม กิตติขจร เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ พ.ศ. 2516 - จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ พ.ศ. 2517 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ สามัคคีคือพลัง พ.ศ. 2518 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี พ.ศ. 2519 - หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้ พ.ศ. 2520 - นายธานินทร์ กรัยวิเชียร รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย พ.ศ. 2521 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง พ.ศ. 2522 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เด็กไทยคือหัวใจของชาติ พ.ศ. 2523 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย พ.ศ. 2524 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม พ.ศ. 2525 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย พ.ศ. 2526 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม พ.ศ. 2527 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา พ.ศ. 2528 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม พ.ศ. 2529 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม พ.ศ. 2530 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม พ.ศ. 2531 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม พ.ศ. 2532 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม พ.ศ. 2533 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม พ.ศ. 2534 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา พ.ศ. 2535 - นายอานันท์ ปันยารชุน สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม พ.ศ. 2536 - นายชวน หลีกภัย ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2537 - นายชวน หลีกภัย ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2538 - นายชวน หลีกภัย สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2539 - นายบรรหาร ศิลปอาชา มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด พ.ศ. 2540 - พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด พ.ศ. 2541 - นายชวน หลีกภัย ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย พ.ศ. 2542 - นายชวน หลีกภัย ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย พ.ศ. 2543 - นายชวน หลีกภัย มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย พ.ศ. 2544 - นายชวน หลีกภัย มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย พ.ศ. 2545 - พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส พ.ศ. 2546 - พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี พ.ศ. 2547 - พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน พ.ศ. 2548 - พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด พ.ศ. 2549 - พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด พ.ศ. 2550 - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข
13 มกราคม 2550 16:27 น. - comment id 645913
เด็กหญิงกานต์มาเที่ยวบ้านพี่พุดค่ะ สวัสดีวันเด็กค่ะพี่พุด
13 มกราคม 2550 17:40 น. - comment id 645923
แด่..น้องกานต์ ด้วยรักรักรัก นะคะ พี่พุดไพร ใจสาวนา http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=480 คำมั่นสัญญา เรือเฟอรี่ลำใหญ่...วิ่งฝ่าทะเลเงิน..งามเข้ม.. จนเกิดฟองคลื่นขาวนวล..กระจายรายรอบลำเรือ... รัศมีฟองฝอย..ริ้วรายพรายพร่าง.. แผ่วงคลี่คลุมผืนน้ำจรดฟ้า..แลเวิ้งว่าง..กว้างไกลสุดตา.... ยามเย็น..อาทิตย์ดวงโตสีส้มสุก..ใบใหญ่เท่ากระด้ง..ใกล้ลาลับฟ้า.... แตะต้อง..ทายทักทะเล..อย่างอ่อนโยน.. นิ่มนวล..รู้ใจ..ร่ำลา..อ้อยอิ่ง..ทิ้งแสงสวย............ เบื้องบนนภา..รัศมีสีรุ้ง..ฉายฉาน..ส้ม..ปนเหลือง.. แสดแดงแรงร้อน..เริ่มราโรย..ในม่านเมฆ........ ซ่อนละมุนอุ่นไอ..กลมกลืน..ในพยัพหมอกบางเบา..นวลนุ่ม.. ดุจสายไหมหลากสี..สลับเลื่อมซ่อนลาย คล้ายดั่ง..วิมานเมฆ.. ดังทิพย์สวรรค์ลอยเลื่อนจากฟ้า..มาแตะต้องโลก......... ทายทัก..พักสายตา..พาสายใจไหลหลง..สัมผัสแลงาม.. .ตะลึงใจ..ตะไลฝันกับงามล้ำของม่านเมฆ..มนต์ขลัง เสน่ห์ทะเลไทย..... ตรึงดวงใจทุกดวง...ดื่มด่ำบนดาดฟ้าเรือ..... ยามสนธยา..ใกล้ราตรีมาเยือนแย้ม........ ดวง..ยืนนิ่ง.....เงียบงัน..... ลมทะเล..ปะทะหน้าเย็นชื่น.... ทุกนาทีมีค่า..ราวแลโลกไร้กังวล..ใดใด..... ด้วยใจอิ่มเอิบสงบงาม......... ความสุข..ค่อยๆลอยเลื่อน..แตะต้องเข้ามา..รานรุก.. ให้เงียบเหงา..หายไปจากใจ.... อย่างเงียบๆช้าๆ..... น่าไหลหลง....ซาบซึ้ง........ ทุกครั้ง..ที่กลับบ้านเกิด...ทุกครา..ที่ใกล้....แผ่นดินเข้ามา.. เปรียบดังมีวิมานตรงหน้า..ดวงแทบผวาลงจูบดิน. ดั่งบทเพลง..พรานทะเลครวญคร่ำ.... และดั่งใจดวงยามนี้ที่กำลังร่ำร้องตาม........... ดวงรู้ดี........อีกไม่นานของเสี้ยวเวลา............ ดวงกำลัง....จะได้พบ....ใครคนหนึ่ง... ที่แสนรัก...แสนรอ....มาแสนนาน................ ดวง...ก้าวลงต่อเรือจ้างลำน้อย..อีกครั้ง.. เพื่อจะไปให้ถึง..โค้งอ่าว..ที่ไกลจากท่าเทียบเรือใหญ่............. ราตรี.....และแสงดาวพราวฟ้างาม...ยามค่ำ.... เปล่งประกายระยิบ..ทายทักดวงเหมือนก่อนเก่า...... ราวดีใจได้พบเพื่อนคนดี..ที่ถูกคลื่นแห่งความฝัน... พาลาจากไกลไปนานวัน........... คืนนี้..ดวงแหงนมอง..ดูฟ้าดาราราย.. ราวล้อเลียน..แย้มยิ้ม..พริ้มเพรา..มากกว่า..หมองหม่น...... เมื่อใจดวงออกจะแสนสุข..ปานนี้....... ในความมืดของทะเลงาม..ยามค่ำ.. พรายน้ำแตกฟองบนผืนกำมะหยี่สีหม่นมัว.......... ผิดกับใจดวง.....ที่เบิกบาน..แย้มยิ้มให้มวลหมู่ดาวพราวพรายแสง............ แสงไฟจากกระท่อม..ชายหาด.. เหนือโค้งอ่าว...ริบหรี่...วับแวม..รางเลือน......... ใกล้เข้ามา....ใกล้เข้ามา..ทุกขณะ....... ดวงได้ยินเสียงเพลง...หวานแว่ว.... ลอยลม..มากับมวลหมู่ดาราบนฟ้ากว้าง..... ........ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน แม้นอยู่ในใต้หล้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา แม้นเป็นบัวตัวพี่ดั่งภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง แม้นเป็นถ้ำอำไพใคร่เป็นหงส์ จะร่อนลงสิงสู่เป็นคู่สอง ขอติดตามทรามสงวนแม่นวลละออง เป็นคู่ครองพิศสวาสทุกชาติไป...... ใช่เลย......... เพลง..ดังคำมั่นสัญญา.... ที่คุณเคยเปิดให้ดวงฟังในค่ำคืนหนึ่งที่ดาวพราวแสงสุกใส... และให้.. น้ำตาดวง..พราวพร่างแข่งกับแสงเพชร...พราวล้ำค่า ที่คุณหยิบขึ้นมาบรรจงสวมให้....... พร้อมขอ...คำมั่นสัญญา.... ให้ใจของเราสอง........ ที่รอวันนี้...... มาแสนนาน.... จนใจนิ่ง..งันเมื่อถึงนาทีนี้...ที่แสนยิ่งใหญ่..... เรือลำน้อยใกล้ฝั่ง.....แล้ว..... แต่ดวงยังนั่งนิ่งราวฝันไป..........แม้ว่า....... ใจดวงจะเต้นแรง.....ด้วยแรงรัก....แรงคิดถึง...แรงเสน่หา....... คนดีที่ดวงรักและเฝ้านับวันรอคืน.......รอ....อยู่ตรงนั้นแล้ว......... ริมหาด...ในเงามืด......มีแค่แสงตะเกียงเจ้าพายุ. .ส่องกระทบไหล่กว้าง...แลดูโดดเดี่ยว...ในแสงสลัวรำไร..... คุณก้าวตรงมา....ช้าๆ......มาที่เรือลำน้อย.. ที่คุณเคยบอกว่าดวงว่า.... วันหนึ่ง.....จะพาดวงใจดวงนี้ของคุณกลับมา..... ยังฝั่งฝันของเรา....ตาม....คำมั่นสัญญา..... คุณไม่พะวงกับน้ำทะเลที่ซัดสาด...... ก้าวลงมา..พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น....เปิดกว้าง....... ที่รัก....คุณยื่นแขน.. และมืออันแข็งแรงตระกองกอดดวงเต็มอ้อมแขน..อ้อมใจ..อบอุ่น.... จูบแรก..อย่างหนักหน่วง..รุนแรง..ร้อนรน...ราวจะให้แหลกราญ........ ลืมโลก..ลืมน้ำทะเล..ที่กำลังทำให้คุณเปียกโชก...... เรือน้อยตะแคง.. ด้วยแรงแห่งรัก..แรงคิดถึง..แรงฤทธิ์พิษสวาท..ของเราสอง...... ร่างคุณ..และร่างดวงร่วงสู่อ้อมแขนกลางทะเลรัก....ทะเลใจ.. ที่เป็นพยาน.......... เสื้อบางเบา...เปียกแนบเนื้อ..นวลนุ่ม....... แต่นาทีนี้...ดวงไม่รู้หนาว........ รู้แต่ร้อน..ด้วยรัก..และแรงลมหายใจเป่ารด.. ให้ร้อนรุ่ม..ดั่งโลกนี้จะหยุดหมุน........ เหนือกาลเวลา.....และดั่ง......คำมั่นสัญญา...... ว่าเรา...จะไม่พรากจากกันอีก.....นับเนื่องจากนาทีนี้เป็นต้นไป............. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2380.html เติมใจให้กัน ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้ อยากให้เธอลองตรองดู ในความทรงจำ เก็บไว้ ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้ อยากให้เธอลองตรองดู ในความทรงจำ เก็บไว้ ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม...
2 กรกฎาคม 2550 18:59 น. - comment id 718824
แต่งยาวจังอ่านไม่หมด