http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song82.html รักข้ามขอบฟ้า วันนี้..... ฟ้าสดสอ้านสว่างไสวเสียเหลือเกิน มีงานมากมายรอท่าให้ทำ.. รื้อเรือนกระจกจัดใหม่ ใส่ต้นไม้ใบบัง ให้สะพรั่งริมรั้ว ราวอยู่ในป่าใหญ่ไพรกว้าง จัดห้องน้ำส่วนตัว วางกระถางดวงดอกไม้ไทย... ให้หอมหอม.กระดังงา พร้อม.. ทั้งพุดน้ำบุศย์ เหลืองพราวขาวนวลกอใหญ่ ที่กำลังพร่างดอกเต็มต้น.... และ.. ใจดวงอ้างว้างหากแสนสงบงาม ในยามค่ำนี้... ตั้งใจจะลองจุดเทียนกลิ่นกุหลาบใหม่ และ... หวังเต็มห้องใจจักมี..สายฝนระรินร่ำ มาอบพรำกลิ่นนวลดิน ให้รำลึกถวิลถึง ท้องทุ่งนา ที่ณ..บัดนี้ น้ำกำลังท่วมเจิ่งนอง ดั่ง...คลองแสนแสบ.. พาให้ยิ่ง..แสบแสน... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song18.html อกพี่กลัดหนอง พี่หมองดั่งคลองแสนแสบ เจ็บจำดังหนามยอกแปลบ แปลบ แสบแสนจะทน โอ้ว่ากังหัน ทุกวันมันพัดสะบัดวน อยากจะรู้จิตคน จะหมุนกี่หนต่อวัน ย่างเดือนสิบสอง ฟากคลองเจิ่งนองน้ำหลั่ง อยู่ไกลกันคนละฝั่ง ฝั่ง ยังร้องสั่งกัน สิ้นเดือนสิบสอง น้ำนองแห้งคลองขอดพลัน สิ้นความรักจากกัน เหมือนกังหันเปลี่ยนทางลม แสนแสบ แสบแสนเปรียบแม้นชื่อคลอง นี่คือโลงทองของเรียม ขวัญ เขาฝากชีพจม แต่คลองยังช้ำ เหลือไว้แต่น้ำขุ่นตม พี่จึงช้ำจึงช้ำขื่นขม ขม ตรมเสียกว่าคลอง เจ้าจากพี่มา เจ้าลืมทุ่งนาฟ้ากว้าง เจ้าลืมฟากคลองสองฝั่ง ฝั่ง ลืมทั้งทุ่งทอง จวบจนบัดนี้ มิเห็นมีน้ำเจิ่งนอง ชื่อว่าแสนแสบคลอง เหมือนคนหมองต้องแสบแสน เจ้าจากพี่มา เจ้าลืมทุ่งนาฟ้ากว้าง เจ้าลืมฟากคลองสองฝั่ง ฝั่ง ลืมทั้งทุ่งทอง จวบจนบัดนี้ มิเห็นมีน้ำเจิ่งนอง ชื่อว่าแสนแสบคลอง เหมือนคนหมองต้องแสบแสน... และ.. ยามเย็น... ค่อยๆพาตัวเองเดินไปตามเส้นทาง*สายสวยสายฝัน* ที่ทอดสู่ลานจันทร์ ฝันฟรี ลานออกกำลังกาย ลานที่... บางราตรีจะมีพรายพระจันทร์ หยาดสายแสนหวาน หว่านโปรยลงมาปลอบประโลมใจ นั่งนิ่ง ทอดตาดูต้นไม้นานาพรรณริมร้านกาแฟ ที่... หลายปีผ่านมานี้พญาสัตตบรรณสูงใหญ่ จนเลยเชยชายคากระท่อม..ไปแล้ว หอมดวงดอกโมกพิสุทธิ์ ดอกไม้ไทย..ที่ช่างอ่อนน้อมถ่อมตน ค้อมดอกดวง ทายทักพสุธา แทนที่... จะพากันชันชูช่อสู่แดนฟ้าเสมือนเสมอดอกไม้อื่น กลิ่นหวานชื่น ระริน ระรินมากับสายลมเย็น..ยามค่ำ เป็นคืนวันย้ำๆซ้ำรอยเดิม เพิ่ม....เพียงเพื่อนใหม่ กับ.. ใจดวงเดิม ดวงดายเดียว ที่ชอบเดิน เดิน และเดิน จน.. *ดวงดอกรักริมทาง *ต่างพากันพร่างฟ้อน รอออดอ้อนทายทักแทบทุกทิวาวัน... ใจดวงฝัน ฝัน ฝัน พลัน....พบว่า*จิตผลิบาน * ตระการ..ดั่งดวงดอกเพชรพร่างพราว ไปกับ... งามเงียบ สงบ พบหนทางเส้นทางสมถะ จน... ราวกับว่า.. ได้ยินเสียงภายใน ใจของตัวเอง... บรรเลงบทเพลงธรรม ธรรมชาติ เฝ้าคอยสอนสั่งสัจจธรรม.... ประดุจดั่ง.. เส้นทางชีวิตนี้ที่บางครั้งเราอาจจะเคยทำผิดพลาดเดินผิดพลาด ด้วยความประมาท.... หาก.... เราก็ได้บทเรียน *เรียนรู้* ที่..จักฉลาดเลือก บางบท.... ที่จักเก็บไว้ในความทรงจำ.. และ... กับบางบท.... ที่ย้อนรอยมาฝากแผลซ้ำย้ำรอยเจ็บมากกว่าเดิม ให้... เรายอมเดิน..พรากลา...เพื่อรอ..เวลา ...เลือนลืม....!!! ........................... จุดเทียนเคียงหัวนอนเขียนกลอนฝัน นวลแสงจันทร์ลอดโลมไล้ลืมทุกสิ่ง เคียงหมอนขาวพราวดอกไม้หอมงามยิ่ง หลับตานิ่งดิ่งหัวใจไม่ตรอมตรม... พอยามดึกพงพฤกษ์ไพรไหวน้ำค้าง ใจว่างว่างลืมโลกลืมโศกสม เรือนหลังน้อยกับจิ้งหรีดร้องระงม เนื้อใจบ่มเพาะฝันดีที่งอกงาม..ยามเงียบงัน...! น้ำทะเลอาจจะเหมือนกันทุกที่ ฟ้ายังคงมีสีฟ้าสว่างไสว คลื่นคลอทรายยังซัดส่ายครวญคร่ำไป มะพร้าวไหวไกวกิ่งก้านผ่านกาลรอ.. เพียงแต่ใจเรานั้นฝันถึงบ้าน ดอกทองหลางบานรอเราหรือเปล่าหนอ เรือลำน้อยลอยคว้างห่างจนท้อ ตะวันรอนับถอยหลังฝั่งนที.. กระท่อมฝันในซอกเขาเงิ้อมเงาโลก คงจะโศกสะเทือนกลัวเลือนหนี ลำธารใสไหลระรินรอนานปี กี่ราตรีได้คืนหลังฝังฝากใจ.. คิดถึงเสียงสายฝนหล่นอ้อนฟ้า กระทบหลังคาพาปีบร่วงควงดอกไหว น้ำตาซึมยามนอนนิ่งมองฟ้าไกล แล้ว...ทำไม..เงียบกลางใจงอกดอกฝันวันอิ่มงาม.. .................................. พ้นพันธนา หัวใจของฉัน ผู้หญิงคนนี้ ที่คิดว่าน้อมรับธรรมชาติมาแต่อ้อนแต่ออก บอกใครถ้วนถี่ก็มิได้หมดใจ นอกจากพยายามรจนาออกมาได้บ้าง เป็นบางส่วนเสี้ยวของชีวิต... ตอนเป็นอาจารย์ มักจะยกตัวอย่างธรรมชาติงาม มาน้อมนำใจให้ลูกศิษย์ สาวชาวกรุง ผู้มิเคยได้สัมผัสของจริงได้รู้ว่า... ฟ้างาม .... นั้นน่าตะลึงหลงเพียงใด มันเปลี่ยนสีไปราวเวทีธรรมชาติ ที่เล่นแสงสี แสงสวยโดยไร้มือผู้ใดบังคับควบคุม ทุกสิ่ง.... ที่ฉันได้ซึมซับ กลับรื่นรินไหลให้กับดวงใจอ่อนเยาว์ ให้อ่อนโยนที่ละนิดทีละน้อย อ้อยสร้อย รวมเป็นกอบกำ จน... ยึดครองสี่ห้องหัวใจของฉันไปหมดสิ้น... จนถึงวันนี้ นาทีนี้.. ฉันเคยมียามเช้าที่แสนดี มียามเย็นที่แสนงาม มีพระจันทร์ให้ฝันในยามค่ำ มีพระอาทิตย์เริงระบำ ตั้งแต่เช้าจนตกเย็น เป็นราวเพื่อนใจในทุกโมงยาม มีหาดทรายกว้าง มีน้ำทะเลสวย มีดวงดาวสุกใส สว่างระยิบระยับ ใกล้จนแทบเอื้อมมือคว้าไขว่ได้ นับดาวแทบไม่ทัน เป็นคืนฝันวันงดงามแจ่มกระจ่างใจ จนเขียนออกมามิได้หมดสิ้น.. เมื่อย่างสู่วัยสาว วัยร้าวไหว กับคนและความรักเพรียกหา สองตาจะมืดบอดสนิท ลืมคิดลืมมอง ธรรมชาติ เฝ้าโศกตรม รำพึงรำพันฝันหาบ้าๆบอๆ กับพิษรัก ที่... หลงลมคว้าไขว่ ให้ใจมีพันธนา แทบเป็นบ้าเป็นหลังไม่เป็นอันกินอันนอน.. และ..... ในยามนั้น ... ใช่....จะมีร่มรักเรือนไทยให้ฝากฝันฝากรักระทม ถ่ายเท ใจอย่างในยามนี้เสียที่ไหนกัน ที่มากมีคนหัวอกเดียวกัน มากมายมากมีมาปลอบประโลมใจ.. วิธีหนีทุกข์ ยามอกหัก ยามนั้นคือ... ได้พักใจนั่งรถไฟซมซานกลับบ้าน เสียงรถไฟชึ่กชั่ก ๆๆ กับเส้นทาง สายงามทอดยาว จะช่วยลดร้าวระบมใจลง และค่อยๆลืมหมองหม่น ไปจนตลอดทาง..ยาวไกล......... เคยนั่งอ้างว้าง บนเรือโดยสารยามเย็นกลางทะล และ... ยามอาทิตย์ใกล้จะลาลับฟ้า เป็นภาพ.... ที่สวยจนพรรณาไม่ออกบอกไม่ถูกเอาเลยที่เดียว ได้แต่นิ่งงันฝันคว้างลอยเลื่อน....ราวมีวิมานตรงหน้า และ... ทุกคราครั้งเมื่อถึงบ้าน..ฉันจะกระโจนลงทะล ให้หายว้าเหว่ เปล่าเปลี่ยวใจ ไปลอยคอกลางทะเล มี... พระอาทิตย์เป็นเพื่อน มีดาวเดือนเห่กล่อม.. บางทีดำลงไปนิ่งนานให้น้ำเค็มขมของทะเลสอนใจ ยามที่.... รักแบบโงหัวไม่ขึ้น..... เพื่อรอคำถามว่า.... จะเลือกโผล่ขึ้นมาหาหวานมันส์ให้กับชีวิต หรือว่า... จะโง่งมงายให้ขมปี๋กัดกินใจและร่าง.....ต่อไป.... และ บางที...ยามที่ไม่มีน้ำทะเลช่วยเห่กล่อม จะมีแต่น้ำตาเป็นสายเดียวกับน้ำจากฝักบัวพรูพร่าง ยาม.. ตรอมตรม..ฉันจะพุ่งดิ่งตรงไปใต้ฝักบัวปล่อย ให้... สายน้ำพรูพร่างหยาดรด.. เปียกโชกแล้วนั่งค้างนิ่ง รอ... ให้สายน้ำใสรุนแรงละลายหยาดน้ำตาไปกับสายน้ำราว.. ประโลมร่างไร้ใจให้คืนกลับ......ด้วยใสเย็น.. เคย....ร้องไห้ กลางสายฝนเดียวดาย กับยามไกลบ้าน เคยข้ามเคเบิลคาร์ พาร่างบอบช้ำและใจมืดหม่น เดียวดาย ไปนั่งดูไฟพริบพราว จากเรือในโค้งอ่าวสิงคโปร์ที่เกาะเซนโตซ่า..... เคยและเคยมาทุกรูปแบบ ที่ระบมกับพิษรักที่หนักยิ่งกว่าพิษไข้เสียเป็นไหนๆ.. แต่มาวันนี้..ใจดวงนี้ ถึงที่สุดแล้ว แม้... จะมีน้ำตา แต่คงแค่ไหลออกมาระบาย ใช่จะยอมรับไม่ได้ กับความผันแปรมิแน่มินอน ของเกมรักซ่อนเงื่อน..ซ่อนใจ.. รู้ระกำ รู้ทำใจ ปล่อยวาง รู้ว่าง รู้ปลดปล่อยจิตให้อิสระ ไร้พันธนาด้วยโซ่ตรวนแห่งกรรม ไม่ว่า... จากใคร จากใจต่อใจ จากเขา จากเราเอง.. ไม่มีอะไรแน่นอน..เท่ากับความว่างความพอดี ความรู้ทัน....รู้เท่าทุกสิ่ง..ที่เป็นธรรมดาๆโลก ที่.. มนุษย์มากมีต้องเวียนว่าย หนีไม่พ้นเพรงกรรม ที่เคยร่วมสร้างกันมาแต่ภพก่อน ปางก่อน.. เวลาผ่านไป ไม่ช้านาน ทุกร่างรัก ที่แย่งชิง ริษยา เสน่หา มืดบอด หวงแหน ก็... จำต้อง โรยรา ร่วงหล่น ปนเปื้อน คืนกลับสู่ผืนดิน..ทุกตัวตน... ยาม... สนธยาแห่งชีวิตมาเยือน......!! .. ฝันสล้าง...กลางฝนพรำ.. ฝนตกพรำพรำ จนถึงย่ำรุ่ง.. ดวง... ตื่นนอนยามค่อนมืด..ดวงดาวยังส่องแสงสุกใส วาระแห่งทิวากาล แลเห็นเพียงแสงเรื่อเรื่อ ตามขอบฟ้าทิศตะวันออก ได้ยินเสียงนก..รายรอบบ้าน ร้องระงมจอแจ และบินพรูพราว.. เสียงไก่โต้ง ขันอยู่เป็นระยะ จากบ้านชาวสวนละแวกข้างเคียง ดวงค่อยๆแลลอดเห็น... ดาวประจำเมือง แขวนฟ้า กิ่งจำปีริมชายคากวัดแกว่ง ส่ายใบ เห็นหยาดฝนพรำ สั่นไหวใบจำปีไปตามแรงลม.... กระโชกกระชั้น.. ดวงหลับตา ฟังเสียงดนตรีธรรมชาติงาม ด้วยใจดวงเงียบ เสียงพริ้งพราวของสายฝน ต่อสายฝัน.... ให้พริ้งเพริศตามไปด้วยคิดถึงใครบางคน ยามนี้.. บทเพลงแห่งธรรมชาติ ที่เป็นความยิ่งใหญ่หวามไหว ในใจดวงละมุนต่างๆกันไป ตามสถานที่....... เคยฟังเสียงคลื่นราวดนตรี.... กระฉอกซัดสาด หาดแผ่วๆ ยามอรุณรุ่งที่เกาะพะงัน ที่... เป็นเสียงดนตรี กล่อมฝันกล่อมจิตวิญญาณ มาตั้งแต่ยามเยาว์ .... ธรรมชาตินี้ที่ซึมซับ ให้มีเช้าที่หอมงาม ที่ตามติด ในทุกยามแห่งชีวิต ให้รู้จัก เงี่ยหูฟัง มิใช่นอนฝัน เป็นผีดิบคลุมโปง จนสายโด่งแบบคนเมือง วาระแห่งอรุณ..ที่สะอาดสะอ้าน มีชีวิตชีวา ที่คนบางคนไม่รู้ค่าปล่อยกาลเวลาให้ผ่านๆไปไม่ไยดี เอาเวลาแสนดี มาเป็น ผีตาโบ๋ นั่งสว่างคาตา หน้าจอคอม(ว่าใครกันนะนี่) เอาเถอะนะ..คนเราต่างฝันต่างสุข นี่นา ก็ตัวใครตัวคุณแล้วกันนะที่รัก.. เปิดประตูออกไปสัมผัส ไอเย็นของละอองฝน และสายลมเย็น แหงนมองฟ้ากว้าง ฝาก... ดวงดาวและจันทราที่ค้างฟ้า ให้โลมไล้ร่าง คนดี.....พรมจูบจากใจ แทนห่วงใย ส่ง... พลังใจหยิบผ้าห่มคลุมร่างให้ จูบแผ่วผ่านริมคางและแก้มสากๆ ก่อนซุกตัวหลับไหลไปด้วยกันในอ้อมฝัน ที่... อยากให้เป็นจริงและแสนดี ที่ฝันฝากใจไปทุกค่ำคืน.. พร้อม เปิดเพลง แผ่วรับอรุณ..Hello ของไลโอเนล ริชชี่ หวานแว่วแผ่วมาจากC.D และ... อยากฝากบทเพลงนี้ แทนใจไปกระซิบบอก ขอให้มี..มหัศจรรย์วันแสนดี ทุกคืนค่ำ วันที่เรายังมีเรา..กันและกัน.. ในความเข้าใจ ในสายใยห่วงหาอาทร..มิรู้สิ้น เพื่อ.... ปลุกปลอบใจ ให้มีหวังว่า.... วันจะไม่ดายเดียว เหงาเงียบใจ..ในโลกกว้างใบนี้ ที่.. แสนวุ่นวาย นะดวงใจ.... ซุกใจ ซุกฝันสล้างกลางใจฉันนะ คนดี ส่วน.. ร่างนั้นคือหน้าที่แห่งชีวิต ที่จักดำรงอยู่คู่กันไปกับโลกใบนี้ที่ยังหมุนวน..มิรู้สิ้น.......... ................. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song82.html ขอบฟ้า เหนืออาณาใดกั้น ใช่รักจะดั้น ยากกว่านก โบยบิน รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้าม แผ่นดิน เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล ขอบฟ้า ทิ้งโค้งมาคลุมครอบ อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ ภายใน เหมือนอ้อมกอดรัก แม้ได้ โอบใคร ชาติภาษาไม่ สำคัญเท่าใจตรงกัน รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือ สื่อภาษาสวรรค์ อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์ ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์ อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์ ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว... ...............
20 ตุลาคม 2549 00:09 น. - comment id 617101
สว่าง สงบ ล้ำลึกมากกว่า คำจำนรรจา นิ่งมีสติมีความมั่นคงดั่งภูผา จักเรียงร้อยเป็นโซ่แห่งคุณธรรม รอวันตกผลึก สู่ความใสสกาวสู่โลกสุขนิรันดร์ ณ สุดแดนดาว จิตหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว พร่างพราว ไร้เสียง ไร้แสงที่จับต้องด้วยตาเนื้อ มีแต่แสงแห่งใจเท่านั้น ทุกอย่างหยุดลงแล้วโดยสิ้นเชิง การเรียนรู้สิ้นสุดแล้ว การกระทำทุกอย่าง มิใช่เพื่อบุญหรือบาปอีกต่อไป ณ ที่แห่งนั้น แดน นิพพาน
20 ตุลาคม 2549 12:57 น. - comment id 617273
รักข้ามขอบฟ้า เพียงแค่นี้ก็สุขใจค่ะ