เหมือนม่านมืดหม่นมัวสลัวแสง จากฟ้าแจ้งกระจ่างสว่างเห็น สัมผัสเพียงลมรื่นให้ชื่นเย็น อีกเสียงดังไม่ว่างเว้นในวารวัน หัวใจเต้นเน้นจังหวะให้รับรู้ ว่าชีพยังคงอยู่ไม่ผิดผัน หายใจเข้าเป่าออกอีกหมื่นพัน เฉกเช่นจันทร์ตะวันจ้ามิลาไป โลกอบอุ่นกรุ่นกลิ่นแผ่นดินเช้า นกหยอกเย้าเล่าขันขับเสียงใส ยะเยือกเย็นน้ำค้างพร่างผืนไพร ต้องแสงจันทร์อันไสวในจินดา ไม่ต้องเห็นสิ่งใดไม่อยากเห็น โลกที่เป็นป่วนแปลกแหลกปัญหา เมื่อสิ้นแสงสิ่งใดในแววตา คงสุขกว่าละครชีวิตอันอิดอวล
13 สิงหาคม 2549 11:17 น. - comment id 597231
ถ้าหลับตาลงแล้วไม่เจอกับความวุ่นวาย ก็แสดงว่าเรามีความสุขอยู่กับสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆนะซิค่ะ เปิดตาแล้วเตรียมตัวก้าวเดินไปกับความจริง ถึงแม้ความจริงนั้นมันจะสับสนวุ่นวายแค่ไหน เราก็ต้องตื่นมาเจอกับมันอยู่ดีค่ะ
13 สิงหาคม 2549 11:49 น. - comment id 597238
...เมื่อสิ้นแสงสิ่งใดในแววตา....ให้แนวคิดหลายอย่างในการดำเนินชีวิต..แต่ทุกอย่างคือความจริง...บนเส้นทางของชีวิต...ณ.ปัจจุบัน.. ....เรียนรู้ที่อยู่อย่างมีความสุขในความเป็นจริงของชีวิตค่ะ... ...แวะมาทักทายกันนะคะ...
13 สิงหาคม 2549 13:15 น. - comment id 597255
-:-` อย่า เพิ่ง หมดแสง ใน แวว ตา นะ ... -:-` -:-` ตราบใด ที่ \' ใจ ยังมีหวัง..-:-` ท้อง ฟ้า ยัง อีก กว้าง ไกล ... อะไร ที่ สด ใส ยัง มี ให้ เรา มอง เห็น อีก มาก มาย เพียง แต่ ใจต้องสู้ ... บาง คน ทั้ง ชี วิต ไม่ เคย ได้ เห็น แสง อะ ไร เลย น่า สง สาร นะ ....เอา ถ่านไฟฉาย มาให้ เติม ไฟ ... งาน เดียวกันเปล่า เนี่ย... ยิ้ม นะ ยิ้ม ไป แล้ว ...
13 สิงหาคม 2549 20:24 น. - comment id 597298
**.. ชอบความหมายของกลอนครับ เมื่อคุณลองหลับตาลง ความวุ่นวายทั้งหลายก็หมดสิ้นลง อยู่กับตัวเองบ้าง เนอะ อิอิ
13 สิงหาคม 2549 21:09 น. - comment id 597302
เศร้าจังเลยนะกร เป็นไรเปล่าเนี๊ย เขียนกลอนออกมาเศร้าจัง เมื่อสิ้นแสงสิ่งใดในแววตา โปรดรู้ว่าทางนี้ยังมีฉัน คอยปลอบโยนมอบรักความผูกพัน และยืนยันว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
14 สิงหาคม 2549 16:08 น. - comment id 597490
สวัสดีค่ะ แวะมาสบตาคะ