http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1665.html (หนึ่งในร้อย..หนุ่มนารอนาง) เช้าวันเข้าพรรษาแล้ว ก่อนน้ำค้างแก้ว...ค้าง..กลางกลีบละอออ่อนของเจ้าดวงดอกไม้ จักระเหยหายอย่างไร้ร่องรอย ............ ในยามราตรี ก่อนที่ดวงจะกล่าวราตรีสวัสดิ์ กับทุกสรรพสิ่ง ที่นิ่งเงียบงามรายรอบในยามดึกดื่น ดวงเขียนคำตัวโตๆเท่าหม้อแกง เอาไว้*เตือนตนให้ตื่น* ที่หน้าโต๊ะกระจกเครื่องแป้งโบราณ.. ว่า...*พรุ่งนี้ไปวัดทำบุญ*... หาก.. ทว่าไม่อาจทราบได้ว่า.. ด้วย... เพราะมนตรา*สายฝนเสน่หาฤาว่าสายฝัน*กันแน่ จึ่ง..พลันพาให้ ดวง..นอนซุกตัวสนิทในนิทราบนที่นอนนวลนุ่ม อย่างแสนสุขสบายจนสาย จนตะวันจับปลายไม้ระยิบพร่างไหว จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องปลุกจากนกเขาไพรเจ้าประจำ และ.. เสียงโทร..จากใครๆสองคนไล่ไล่กันมา... ดวง.. ไม่รับทั้งคู่เพราะสะลึมสลือราวละเมอตกอยู่ให้หอมห้วงแห่งภวังค์ ดวง..จำได้เพียงว่าฝันเห็นพระภิกษุมากมาย คล้ายไปที่ไหนสักแห่ง... ที่แวดล้อมด้วยพลังบุญ*แสงสงฆ์*จรัสแจ้งกระจ่างจ้าพร่างพราว ผ่องผุดพิสุทธิคุณ ราวโลกนี้ถูกอาบฉาบไล้ด้วย*สายแสงแห่งทองคำ* ดวงคิดว่า..นั่นคงทิพยนิรมิตที่ดวงมักฝึกจิตจับก่อนนอน และพาให้หัวใจดวงอรชร มักฝันดีเสมอมา ดวง... รีบลุกอย่างตกใจเมื่อหันเหลือบแลเห็น คำ..*ไปวัด* อย่างพุทธศาสนิกชนที่ดี... ที่... ใช่จำต้องผลัดวันประกันพรุ่ง หมายมุ่งรอวัยวันเวลา ใช่แล้วนี่นา..ดวงอุทาน วันนี้...วันเข้าพรรษา วันที่ทั่วฟ้าไทย จะงามพราวราวได้รับรัศมีเพ็ญบุญถ้วนหน้า วัน.. เข้าพรรษาที่" แปลว่า*พักฝน* เพราะพระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งจนกว่าจะถึงวันวสันต์ลา .............. ดวง.... เดินช้าช้าผ่านร่มไม้ใบบังสะพรั่งพราวรับดวงดอกแดดระยิบ พร้อมไปหยุดกดหมายเลข ถึงมิ่งมิตรคนดีที่ดวงคิดว่าบางที อาจจะยังนั่งรอดวงอยู่ที่บริเวณ*ม่านไทรย้อยห้อยระย้า* อันคือราวสายเปลธรรมชาติ ที่ใครมิทราบนำมาผูกไว้ให้เด็กๆได้นั่งไกวชมนกชมไม้เล่น อย่างแสนสบายอารมณ์ ดวง...ได้รับเพียงลมลมลมจากปลายสาย เมื่อ ได้รับคำตอบมาว่าได้ผันผายร่างกายหายวับไปกับ สายลมแสงแดดยามอุษาสางแล้ว ไม่เป็นไร...ไม่พบกันก็ไม่เป็นไร ดวง...คนดีจึงค่อยๆเดินไปหาทำเล ที่มีแมกไม้เคลียร่ายไหวระบัดริมบึงลำธารจำลองเล็กๆ แสนงามสงบสงัดแสนฉ่ำเย็น แล้ว ขออนุญาตทรุดตัวลงนั่ง.. เคียงข้างร่างสุภาพสตรีวัยงามนามเพราะ*พี่ปรางทอง* ที่ดวงอาจจะนับเป็นแม่ก็ว่าได้ ก่อน.. จะหันไปคลี่ยิ้มหวานๆทายทัก..กันและกัน ด้วยนึกรักตั้งแต่แรกพบในใบหน้านวลสงบอิ่มบุญ มากเมตตา พี่..ผู้กรุณาเล่าแนะนำตัวถึงต้นตระกูล ณ นครและศรียาภัยสองตระกูล ที่ดวงเกี่ยวพันเกี่ยวข้องจนได้มาพ้องพานพบพี่ ราวมีบุญสร้างกุศลจิตร่วมกันมา ได้มารับทราบเรื่องราวดีดีที่พี่ผู้แสนมีจิตงาม ได้ดำเนินรอยตามเสด็จไปในท้องที่ทุรกันดารนานมานับสิบปี จนได้มีโอกาสรับเข็มพระราชทาน พี่..ผู้งามทั้งใจกาย ผู้ให้ความเมตตากรุณาดวงดั่งน้องน้อย และ สัญญายินดี จะคอยเฝ้าสอนเฝ้าสานให้ดวงได้เรียนรู้โลกธรรม พี่..ผู้รินร่ำ น้ำใจใสใสราวน้ำอมฤตธรรม ให้ดวงได้ดื่มด่ำ ดิ่มกินมิมีวันรู้สิ้น อย่างโอบเอื้อ อารีด้วยต้องชะตา... เราสองคิดพ้องต้องกันว่างามใดไหนเล่า จักเท่า..*งามดวงใจใครเล่ารู้นี้* ที่... ถึงมาตรแม้นว่าจักมีงามนอกหลอกตาที่ฟ้าประทานมา มี..เงินตรา ข้าทาสบริวาร วาสนาบารมี ก็จักหาใช่...!.. สิ่งที่จีรังยั่งยืน ให้ยึดมั่นถือมั่นได้ฤาก็หาไม่ เพียง.. ราวให้เราวนหลงในมายาฝันมายาโลก ในวิบากโศกสุขทุกข์เวียนว่าย ดั่งคล้ายกงกรรมกงเกวียน มิรู้สิ้นรู้จบ หาก.. มินำมาพาจิตพบสงบว่างสว่างใจไปตราบชั่วนิจนิรันดร์.. พี่..คนงาม..ผู้ผ่านราวเรื่องแห่งมนตรามายาเงิน จนท่วมท่ามราวมีทองทับนับอนันต์ กลับ.. มิให้จิตจับรับรู้เรื่องเพียงเปลือกนอก พยายามลอกแกะออกเพื่อไปพบแก่นกระพี้ ที่ดั่ง*อัญมณีดวง*เพชรพรายฉายฉาย อยู่ณ..บ้านภายใน ที่ใครจักมาแย่งชิงไปก็คงมิได้.. คล้ายคือ*เสบียงบุญ* ที่มากมีค่ามหาศาล ปานประหนึ่งดั่งแสงเพชรพราวราวแสงเทียนธรรมเทียนทอง คอยส่องนำทางจิตวิญญาณ เมื่อ.. ยามถึงกาลแห่งตะวันชีวีจะพลีดับลับลา.. ลงสู่ผืนพสุธา..ตราบจนชั่วฟ้าดิน พี่..ผู้บอกมองเห็นงามละมุนในใจดวง และแสนห่วงใย อยากให้ดวงพลีจิตน้อมใจ*อธิษฐาน* ให้ได้สร้าง *สำนักปฏิบัติธรรม ขึ้นณ..กลางเกาะ เพื่อ... เพาะพันธุ์พามนุษย์ ดั่งบัวผุดพ้นโคลนตมให้พ้นพันธนาในทุกทุกข์รัก.. ให้.. ได้พักพิงอิงโอบเอื้อ ได้ช่วยเหลือคนหลงในทะเลโลกย์ทะเลโศกทะเลน้ำตาพาขึ้นฝั่งฝัน พลันให้สำเร็จ ด้วยเทอญ ใช่แล้ว...ทุกที่รัก ทุกดวงใจ ตามจิตไสวดวงมาซี มาคิดดี คิดให้ คิดให้ได้ คิดให้ดี ว่าจริงไหม ที่ทุกวันเวลานาทีแห่งลมหายใจ ของเรานี้ช่างแสนสั้นนักสั้นหนา ใครจะรู้ว่าพญามัจจุราช จะมาเยือนเมื่อไหร่ โดยเฉพาะใครบางคนที่ยังหลงวน วัย วันอันแสนประมาท คิดว่าจักหนีพญามัจจุราชพ้น และ คิดว่าร่างตนจักยาวยืนไปถึงร้อยปี ที่...ใช่จะจริง วันนี้.. คนดี ที่แสนชิดใกล้ใจดวง ได้พบเจ็บในวัยวันอันแสนหนาวเหน็บราวเพิ่งเริ่มต้น ไม่น่าเชื่อ และที่รัก.. คงได้ซึ้งใจประจักษ์แจ้ง แทงตลอดถึง *คำอนิจจังอนัตตา* และ คงแสนซึ้งถึงค่าคำ ว่าชีวิตนี้หนา คือ เกิดมาเพื่อเพียรทำความดี ใช่..จักมาพลีหว่านเสน่หา สวาทหวาม ลามไหม้ไปทั่ว... ดวง... ขอจบบทรจนา กับคำสุดท้าย ที่พี่ปรางทองกระซิบอวยพร ก่อนกราบลาว่า แสนปิติดีใจที่ได้รู้จัก ผู้หญิงที่รักธรรม... และ... หวัง...ให้น้ำอมฤตนั้น ได้รินร่ำให้ทุกดวงใจ..และดวง ยิ่งมี.. ใจดวงงามดวงทอง ดวงผ่องผุด ได้พบวิมุตติสุข พิสุทธิ์เกษม..ไปตราบนิรันดร์ และ ถึงมาตรแม้น... จักสิ้นไร้..*มิ่งมิตรกัลยาณมิตรธรรมคนใครในฝัน* พากันเดินเคียงคู่ไปสู่สวรรค์ปาริชาติ...ก็ตามที...!!!!!! ................ ดอกพิกุลบานหลังพรรษา..ลำน้ำน่าน เมื่อลมหนาวล่องไล้สวนรุกขชาติในวัดป่า ดอกพิกุลต่างก็โปรยดอกลงแต่งแต้มลานทรายกวาดใหม่ กลิ่มหอมดอกพิกุลนั้น หอมร่ำ อบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ ในมโนคติเนิ่นนานของข้าพเจ้านั้น ดอกพิกุลคือดอกไม้แห่งพุทธศาสนา คนเฒ่าคนแก่โบราณมักใช้เวลาบั้นปลายชีวิตอยู่กับวัด กวาดลานทรายและร้อยดอกพิกุลเพื่อเป็นพุทธบูชา ภาพหญิงชรานุ่งซิ่นนั่งเก็บดอกพิกุลในวัดป่าแห่งหนึ่ง ยังคงงดงามอยู่ในความรู้สึกในวินาทีนี้ ดอกไม้หอมที่แพทย์แผนโบราณไทยเราในสารบบ เป็นเกสรทั้งห้า ได้แก่ ดอกพิกุล ดอกมะลิ ดอกสารภี ดอกบุนนาค และ ดอกบัวหลวง พรรษาลับล่วงไปแล้ว ลองหาเวลาเดินไปตามวัดป่าต่างๆ โชคดีเจอต้นพิกุล แล้วเราจะพบว่า ดอกพิกุลนั้น กำลังบานพรายเต็มต้นงดงามอยู่ท่ามกลางวงล้อม แห่งพุทธธรรมทั้งปวง http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1665.html หนุ่มนารอนาง เมื่อถึงเดือนเมษา หนุ่มบ้านนานั่งฝัน คอยคนรัก คอยคนรักจากกัน สิ้นสงกรานต์ น้องก็พลันลืมพี่ เธอทิ้งนาทิ้งไร่ จดหมายไม่มี ใยน้องมาลืมพี่ ที่ท้องทุ่งนา ดนตรี เฝ้าหลงคอย แต่สาว พี่หนาวใจหนักหนา ยามเมื่อฝน ยามเมื่อฝน หล่นมา หนุ่มบ้านนาหนาวอุราไม่สิ้น จนฝนลงเดือนหก มวลนกโบกบิน ใจน้องลืมไปสิ้นถิ่นฐานบ้านเรา ดนตรี เดือนเจ็ด เจ้าไม่มา จะเข้าพรรษา ยิ่งพาใจเศร้า สาริการ้องครวญมา เบา ๆ สาริการ้องครวญมา เบา ๆ ที่ต้นสะเดา พี่เฝ้ายืนมอง ดนตรี ผ่านพ้นเลย พรรษา หนุ่มบ้านนา ยิ่งหมอง มองดูน้ำ มองดูน้ำ เอ่อคลอง เหม่อเหลียวมอง น้ำในคลองไหลเชี่ยว ลมพัดมาใจสั่น พี่ฝันอยู่เดียว มองเห็นตาล ต้นเดี่ยว เหลียวหา แต่นาง ดนตรี เดือนเจ็ด เจ้าไม่มา จะเข้าพรรษา ยิ่งพาใจเศร้า สาริการ้องครวญมา เบา ๆ สาริการ้องครวญมา เบา ๆ ที่ต้นสะเดา พี่เฝ้ายืนมอง ดนตรี ผ่านพ้นเลย พรรษา หนุ่มบ้านนา ยิ่งหมอง มองดูน้ำ มองดูน้ำ เอ่อคลอง เหม่อเหลียวมอง น้ำในคลองไหลเชี่ยว ลมพัดมาใจสั่น พี่ฝันอยู่เดียว มองเห็นตาล ต้นเดี่ยว เหลียวหา แต่นาง... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html หนึ่งในร้อย ...นิตยา บุญสูงเนิน พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง ความ ดี คนเรานี่ ดีใด ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง.
14 กรกฎาคม 2549 10:33 น. - comment id 471058
มีวัดหนึ่ง ที่เคยไปทำบุญบอกว่า ผ้าอาบน้ำฝนที่ญาติโยม มาถวายตอนเข้าพรรษานี่ ใช้ประโยชน์ได้เพียงใช้เช็ดขัดถูบาตร เพราะพ่อค้าทำขายผืนเล็กนิดเดียวนุ่งแทบไม่ปิดก้น อิอิ เคยลองคลี่ดู ก็จริงอย่างท่านว่า ท่านที่จะนำผ้าอาบน้ำฝนไปถวายพระ ก็เลือกหน่อยก็แล้วกัน อิอิ
13 กรกฎาคม 2549 18:35 น. - comment id 497651
12 กรกฎาคม 2549 16:41 น. - comment id 589809
เข้าพรรษา\" แปลว่า \"พักฝน\" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่นๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เว้นแต่มีกิจธุระเจ้าเป็นซึ่งเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืน เรียกว่า สัตตาหะ หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์ แห่งการจำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด ระหว่างเดินทางก่อนหยุดเข้าพรรษา หากพระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือในเมือง ก็พอจะหาที่พักพิงได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลาย ๆองค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า \"วิหาร\" แปลว่าที่อยู่สงฆ์ เมื่อหมดแล้ว พระสงฆ์ท่านออกจาริกตามกิจของท่าน ครั้งถึงหน้าฝนใหม่ท่านก็กลับมาพักอีกเพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศัรทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พัก เรียกว่า \"อาราม\" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้ โดยปรกติเครื่องใช้สอยของพระ ตามพุทธานุญาตให้มีประจำตัวนั้น มีเพียงอัฏฐบริขารอันได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ เข็ม บาตร รัดประคด หม้อกรองน้ำ และมีดโกน และ กว่าพระท่านจะหาที่พักแรมได้ บางทีก็ถูกฝนต้นฤดูเปียกปอนมา ชาวบ้านที่ใจบุญจึงถวายผ้าจำนำพรรษา หรือผ้าอาบน้ำฝนสำหรับให้ท่านได้ผลัดเปลี่ยน และถวายของจำเป็นแก่กิจประจำวันของท่านเป็นพิเศษใน เข้าพรรษานับเป็นเหตุให้มีประเพณีทำบุญเนื่องในวันนี้สืบมา การที่พระภิกษุสงฆ์ท่านโปรดสัตว์อยู่ประจำเป็นที่เช่นนี้ เป็นการดีสำหรับสาธุชนหลายประการ กล่าวคือ ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามพระพุทธบัญญัติ ก็นิยมบวชพระ ส่วนผู้ที่อายุยังไม่ครบบวชผู้ปกครองก็นำไปฝากพระ โดยบวชเป็นเณรบ้าง ถวายเป็นลูกศิษย์รับใช้ท่านบ้าง ท่านก็สั่งสอนธรรม และความรู้ให้ และโดยทั่วไป พุทธศาสนิกชนนิยมตักบาตรหรือไปทำบุญที่วัด นับว่าเป็นประโยชน์ การปฏิบัติตน ในวันนี้หรือก่อนวันนี้หนึ่งวัน พุทธศาสนิกชนมักจะจัดเครื่องสักการะเช่น ดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น มาถวายพระภิกษุ สามเณร ที่ตนเคารพนับถือ ที่สำคัญคือ มีประเพณีหล่อเทียนขนาดใหญ่ เพื่อให้จุดบูชาพระประธานในโบสถ์อยู่ได้ตลอด 3 เดือน มีการประกวดเทียนพรรษา โดยจัดเป็นขบวนแห่ทั้งทางบกและทางน้ำ แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ ทำบุญรักษาศีลและชำระจิตใจให้ผ่องใส ก่อนวันเข้าพรรษา ชาวบ้านก็จะไปช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่นๆ พอถึง วันเข้าพรรษา ก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรมและรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บางคนอาจตั้งใจงดเว้น อบายมุขต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น อนึ่ง บิดามารดามักจะจัดพิธีอุปสมบทให้บุตรหลาน ของตน โดยถือกันว่าการเข้าบวชเรียนและอยู่จำพรรษาในระหว่างนี้ จะได้รับ อานิสงส์อย่างสูง กิจกรรมสำหรับพุทธศาสนิกชนในวันเข้าพรรษา ๑. ร่วมกิจกรรมทำเทียนจำนำพรรษา ๒. ร่วมกิจกรรมถวายผ้าอาบน้ำฝน และจตุปัจจัย แก่ภิษุสามเณร ๓. ร่วมทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรมเทศนา รักษาอุโบสถศีล ๔. อธิษฐาน งดเว้นอบายมุขต่างๆ ......
12 กรกฎาคม 2549 18:23 น. - comment id 589824
ไหนบอกว่าจะบวชเป็นชี เข้าพรรษายังไม่มาวัดอีก ทำอะไรอยู่.... เสียงนั้นคงว่าอย่างนี้ ผมว่าจะกายธรรมชาติหรือไม่ไม่เป็นไร เพียงดวงใจรับปรารถนาไว้ในกันและกัน ก็วาสนาแล้ว... สุข สงบ และงดงาม ในหน้าบุญนะครับ
12 กรกฎาคม 2549 18:33 น. - comment id 589826
แทน..น้องรัก พี่พุดยกมาทั้งพวงเลยนะฮี่ๆ ซึ้งจังที่เขียนให้พี่พุด (เหมาเอาเองใครจะทำมายก็ว่ามา เสียดาย เสียดายฟ้าเคยเห็นเป็นสีฟ้า เสียดายธารธาราปลาเคยว่าย เสียดายลมเคยพรมห่อห่มใจ เสียดายวัน เสียดายวัย ที่ไกลเกิน เสียดายรอยอารมณ์ข่มความคิด เสียดายมิตรไมตรีที่ห่างเหิน เสียดายจินตภาพเคยอาบเพลิน เสียดายกาลเหลือเกินยับเยินแล้ว เสียดาย ดวงดาวเคยวาวฟ้า เสียดายริ้วทิวา อุษาแก้ว เสียดายเพชรเกล็ดสีมณีแวว เสียดายรุ้งพริ้มแพรวเคยแวววัน เสียดายสร้อยบุพเพสันนิวาส เสียดายชาติปรารถนาเคยพาหวั่น เสียดายอุ่นกรุ่นไอละไมนั้น เสียดายคืนเสียดายวันที่ฝันมา เสียดายดวงดอกไม้เคยงดงาม เสียดายพจบทนิยามความคิดหา เสียดายภู่หมู่ภมรบินว่อนฟ้า เสียดายหยาดเมฆาคราต้องลม เสียดายลมหายใจเมื่อไหวสั่น เสียดายความเชื่อมั่นที่หมั่นสม เสียดายส่วนรู้สึกเคยนึกชม เสียดายความปรารมภ์นิยมรัก เสียดายใดไหนเล่าจะเท่านี้ เสียดายห้วงดวงฤดีเคยพลีปัก เสียดาย ฉันแสนเสียดายนัก เหมือนเสียศักดิ์ เสียศรี เสียชีวิต บทส่งใจ ...เจ้าพระยาที่รัก ...ถ้าแผ่นฟ้าที่จรดจูบผืนน้ำนั่น ...ไม่ได้เป็นฟ้ากว้างสว่างงามดั่งเจ้าคิด ...ในนึกคิดเจ้าจะรู้สึกเช่นไรหนอ ... ...เพื่อนรัก ...ถ้าความเป็นผม ...ไม่ได้เข้าใกล้ความเป็นไปที่คุณคะนึง ...คุณจะยังปรารถนาไมตรีที่เคยมีอยู่หรือไม่หนอ ...สายลมแสนสวย ท้องฟ้าแสนงาม ...ยามที่ไม่มีคุณ ดุจหัวใจผมได้หลุดหายไป ... ...อยากให้กายธรรมชาติผมเป็นดุจท้องฟ้า ...แหละให้หัวใจแห่งดวงจิตปรารถนาเป็นดั่งเป็นสายลมจัง ...เสียดายนะ ที่ผมมิอาจเป็นเช่นนั้นได้ ...น่าเสียดาย พระพุธที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๔๙ แทนคุณแทนไท http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem91033.html บรรณาการแด่ *แทนน้องรัก* ตั้งใจอ่านนะคนดี และ... พี่พุดขอแก้คำ ที่อยู่ในวรรคทองที่พี่พุดรักนะคะ เสียดายสร้อยบุบเพสันนิวาส เสียดายชาติปรารถนาเคยพาหวั่น บุพเพ...ค่ะ บทนี้พี่พุดรักมากค่ะ งามมากกกกกกก พี่พุด 12 ก.ค. 49 - 18:13 IP 58.136.198.239 ความคิดเห็นที่ 2 : หมายเลข 595288 แทน..พี่พุดลืมไป รักภาพประกอบมากเลยนะคะ ยืมหน่อยนะ อิอิ พี่พุด 12 ก.ค. 49 - 18:15 IP 58.136.198.239 ....................... ความคิดเห็นที่ 3 : หมายเลข 595289 ขอบคุณครับพี่สาวที่น่ารัก เข้าพรรษาหนีกลับก่อนเกรงจะหักอารมณ์ยามเจอหน้าพี่พุดไม่ไหว อิอิ พี่พุดครับ อยากฝากหัวใจไว้ผ่อนพักในบ้านพี่จัง คงละมุนขึ้น แทนคุณแทนไท 12 ก.ค. 49 - 18:16 IP 61.19.225.227 ความคิดเห็นที่ 4 : หมายเลข 595290 ตามสบายเลยครับพี่พุด สำหรับพี่อย่าว่าแต่ภาพเลย เอาหัวใจน้องไปต้มกินยังไหวเลย 5555
12 กรกฎาคม 2549 19:12 น. - comment id 589828
แทน.. พี่พุดมีแขกมา เลยอ่านงานแทนแบบไม่ละเมียดมาก พอมาอ่านอีกที ไม่เอาแย้วที่บอกว่าแต่งให้พี่พุด แบบนี้เค้าไม่อาววว มันทะแม่งๆไงไม่รุอิอิ
13 กรกฎาคม 2549 08:56 น. - comment id 589912
สวัสดีค่ะ ได้ไปทำบุญวัดข้างบ้านตอนเช้า ตอนบ่ายฟังเทศน์ตอนเย็นเวียนเทียน ตามสภาพของคนบ้านนอกนะคะ แต่อิ่มบุญถ้วนทั่วกัน
13 กรกฎาคม 2549 09:18 น. - comment id 589920
สวัสดีค่ะพี่พุด 8-9-10 บัวไปวัดมนต์ที่สนามหลวงแล้วก้อเวียนเทียนที่นั้นเลยค่ะมีคนไปกันเยอะมากมากเดียวนี้ทุกคนเข้าหาพระพุทธเจ้ากันเยอะค่ะน่าดีใจค่ะ 11 บัวไปวัดเชิงหวายซึ่งวัดในกรุงเทพฯ ไม่เหมือนบ้านบัวเลยค่ะ แต่บัวได้ไปทำบุญก้อทำให้รู้สึกสบายใจ ปลายเดือนนี้พวกเราทั้งบริษัทก็จะเอาของไปให้เด็กๆทางกาญค่ะเพราะจะคบวันเกิดบริษัท เราจะไปทำกันแบบนี้ทุกปีค่ะพี่ๆบอกว่าเรา จะเอาของไปบริจาคกันแบบนี้ทุกวันเกิดบริษัทจะทำบุญร่วมกัน พี่พุด พูดถึงดอกพิกุล เมื่อวันที่10 บัวไปสนามหลวงแล้วเข้าไปไหว้พระถวายสังฆทานที่นั้น บัวไปนั่งอยู่ด้านหลัง บัวหอมดอกพิกุลจังเลยค่ะแต่มองหาต้นไม่เจอส่วนมากในวัดจะปลูกต้นพิกุลไว้ด้วยนะค่ะ งานพี่พุด งดงามเสมอค่ะ
13 กรกฎาคม 2549 09:46 น. - comment id 589932
เก็บไปอ่านเท่าที่ใจสบายก็พอครับพี่พุดไพร
16 กรกฎาคม 2549 14:24 น. - comment id 590332
ศ-กุน ตลา นางฟ้าแมกฟ้า ฤา ไฉน เดิน ดิน นางเดียว เปลี่ยวใจ นางไม้ แมกไม้ มิได้ ปาน น้ำค้าง ค้าง กลีบกุหลาบอ่อน คือเนตรบังอรหยาดหวาน โอษฐ์อิ่มพริ้มรัตน์ ชัช วาล เพลิงบุญอรุณกาลผ่านทรวง ศกุนตลา นางฟ้าแมกฟ้าจากสรวง คลื่นสมุทรสุดฤทัยไหวปวง คือทรวงนางสะท้อนถอนใจ ยอดมณีศรีศิลป์ปิ่นสวรรค์ หล่อหลอมจอมขวัญผ่องใส คือแก้วแพร้วพร่างกระจ่างใจ อาบไออมฤตนิจนิรันดร์... ................. สองเนตรงามกว่ามฤคิน นางนี้เป็นปิ่นโลกา งามโอษฐ์ดังใบไม้อ่อน งามกรดังลายเลขา งามรูปเลอสรรขวัญฟ้า งามยิ่งบุปผาเบ่งบาน
16 กรกฎาคม 2549 14:32 น. - comment id 590334
หงส์เหิร หงส์เหมราชเอย สง่าผ่าเผยงามสคราญ ณ แดนหิมพานต์ หวงตัวรักวงศ์วาน หิมพานต์สถานสำราญมา หงส์ร่อนผกเผิน บินดั้นเมฆเหิรเกินปักษา กางปีกกวักลมท่วงทีสมสง่า เหิรลมล่องฟ้านภาลัย หงส์ทรงศักดิ์เรือง ยามเจ้าย่างเยื้องงามกระไร สวยงามวิไลสวยเกินนกใดใด เยื้องไปแห่งไหนสวยสอางค์ หงส์ลงเล่นธาร ท่องสระสนานธารสุรางค์ ลงสระอโนดาตชำระร่าง ไซร้ขนปีกหางสรรพางค์กาย ทรงหงส์อ่อนงอน ปกปีกช้อนเชยฉะอ้อนช้อนโอบกาย เคล้าคู่กันผันเรียงราย พร้อมกันว่ายแหวกธาร ว่ายน้ำฉ่ำกาย ต่างผันผายพากันว่ายฟ้าเบิกบาน เหิรสู่แดนแสนสราญ ถึงหิมพานต์อันสุขใจ