ฉันกลับมานอนซุกตัวนิ่งๆในเตียงโบราณแล้ว หลับตา นอนรอดูจันทร์กระจ่างฟ้าขับราตรีมืดหมองหม่น และ... ฟังบทเพลงฝนเพลงฝันด้วยอารมณ์อันแสนอ่อนหวานละไมละมุน ด้วยคิดถึงใครบางคนที่รักอย่างสุดซึ้งเต็มห้องใจ... .... น้ำตาแห่งงามโศกสะเทือนค่อยซึมไหลลงสู่เรียวตา มีเพียงฟ้าดินเท่านั้นเฝ้ารับรู้ปลอบประโลม http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html จันทร์ กระจ่าง ฟ้า นภา ประดับ ด้วยดาว โลก สวย ราว เนรมิต ประมวล เมืองแมน ลม โชย กลิ่น มาลา กระจาย ดินแดน เปรืยบ มี แสง คนึง ถึง น้อง นวลจันทร์ งาม ใด หนอ จะพอ ทัดเทียบ เปรียบน้อง เจ้า งาม ต้อง ตาพี่ ไม่มี ใครเหมือน ถ้า หาก น้อง อยู่ด้วย และช่วย ชมเดือน โลก จะ เหมือน เมืองแมน แม่นแล้ว นวลเอย... .................... ในท่ามแสงเทียนทองที่ฉันจุดทอขึ้นกำลังวะวับแวม สะท้อนแข่งกับแสงเพชรพร่างเต็มนัยน์ตารานโศก ฉันสะอึกสะอื้น กับหมอนจนชื้นเปียกโชกด้วยหยาดน้ำตา....... ................... ฟ้ายังดูฉ่ำฝน.... หนาวกมล หนาวร่าง จนต้องหยิบผ้ามาคลุมไหล่ ค่อยๆไหวพาร่างลุกขึ้นเปิดประตูกระจกบานกว้าง เดินไปรับสายฝนพรำ ในเงามืด..เห็นลั่นทมชมพู ชูช่อพราว เผยอแย้มรอหยาดน้ำฝนหยดน้ำค้าง พร่าพราย แตะแต้ม.. ผู้หญิงใจอ้างว้าง..คนนี้ ค่อยๆดอมดม เด็ดดอกดวงเบามือ.. มาทัดหู เคลียแก้ม ให้กลิ่นหวานเศร้าอวลละไมไปถึงเส้นผมงาม.. หยาดน้ำใสในเรียวตา แตะแต้มแกล้มกลิ่นลั่นทม ด้วยเหว่ว้า คิดถึงคนไกล ดวงใจแห่งรักนิรันดร์.. แนวไพรรายรอบ..ดูทะมึนมืดดำ ตัดกับราตรีที่จันทร์แจ่มพูนดวง เฝ้ารอ ปรากฏการณ์ ดาวล้อมเดือน ที่จะมาเยือนแย้มราตรี ที่งามล้ำค่า ที่ธรรมชาติกำลังจะหยิบยื่นให้มาประทับใจ..มิรู้เลือนลืม เบื้องบนท้องนภา..พยับหมอก พร่างพรายเป็นฉากชั้น เมฆริ้วราย ขับดวงดาว ทอแสงหม่นมัว ประดับราตรี.. ปล่อยใจฝัน........นิ่งงันเงียบ.. ดูเวทีธรรมชาติ รายรอบฉากงามงด ที่เคยมีเสียงดนตรีกราว กราว ยามฝนพรำ ทุกค่ำคืน ใบไม้ระบัดไหว อวลหอมกรุ่นล้ำลึก จากดอกไม้ไทยนานาพรรณ โชยกลิ่นฝันให้ขจรขจาย แทรกซึม หวานล้ำลึก ละเมียดละมุน สู่หัวใจดวงน้อยน้อย นิ่มนวล... หลับตาดำดิ่ง สู่ภวังค์ว่างเปล่าดายเดียว ฟังเสียงดนตรีจากธรรมชาติ เรียกพลัง กล่อมขวัญ ขัดเกลา อ่อนโยน อ่อนหวาน กลมกลืน ประสานแทรกเป็นหนึ่งเดียว ในใจดวงนี้ ที่รู้ค่างาม.. แล้ว...บางคำถาม จาก...เมล์ใครบางคน.. ที่คงสุดทนเศร้าสะเทือนใจ ในนิยายรักของฉันทุกเรื่องราวที่รจนา ที่มีผู้ถามมาว่า เหตุใดไยเล่า งานถึงชอบจบเศร้า ราวโลกนี้มีเพียงการพบพรากจากลา... หาสุขไม่พบเจอ....เพียงนั้น.. ในวันนี้...คำถามนี้ก็ยัง..คาใจ... แล้ว.. ฉันจะเขียนนิยายรักนิยายฝันเรื่องใหม่ๆ ให้จบลงณ..ที่ใดกันเล่า.. เพื่อมิให้นางเอกต้องพบเพียงรานร้าว เฝ้าช้ำตรมทุกข์ระทม...จนเกินไป.. และ... กับคำถาม..นี้..ที่..คงสิ้นไร้คำตอบจากสวรรค์... ตราบจนกระทั่ง ถึงวันลมหายใจสุดท้ายแห่งสองเรา ทั้งนางเอก...และผู้รจนา...
9 กรกฎาคม 2549 21:29 น. - comment id 589431
.....เหม่อมองฟ้าคืนนี้ แสงดาวเรียงรายสวยเด่น จบแระ อิอิ แอบมา..ตั๊บแก..พี่พุดคนงามค่ะ
9 กรกฎาคม 2549 21:55 น. - comment id 589434
พระเอก พระเอก ไปไหน เมื่อไรจะเกิดซะที นางเอกรอนานแล้ว
9 กรกฎาคม 2549 22:12 น. - comment id 589436
น้องฉางน้อย ชอบมาแอบกินตับคนจัง คุณบุญเติม..ว่าที่ดร.. พระเอก..พระเอก คงรอชาติหน้าค่ะ
9 กรกฎาคม 2549 22:27 น. - comment id 589437
จริงๆคงไม่นานจะไม่มีทั้งพระเอกไม่มีนางเอกและพุดพัดชาค่ะ จะเหลือเพียงความว่างเปล่า...ว่างเปล่า
10 กรกฎาคม 2549 00:15 น. - comment id 589443
2..... ....... ฮี่ ฮี่ หวัดดี พี่บุญเติม จ๋า ...... อะแฮ่มๆๆ ...
10 กรกฎาคม 2549 07:16 น. - comment id 589452
นั่นสิครับ ไม่เห็นพระเอกสักที พระเอกมาด่วนนนนนนนนนน อิอิอิ
10 กรกฎาคม 2549 09:02 น. - comment id 589456
การรอเนี่ยะทรมานเนอะขอรับ คุณพุด
10 กรกฎาคม 2549 09:28 น. - comment id 589458
10 กรกฎาคม 2549 10:40 น. - comment id 589462
น้องฉางน้อย รอบที่สองมาจ้องแอบอิอิ น้องอัสสุ หยาดน้ำตาผู้น่ารัก คุณสุญญากาศ ในวาดวงฝันแสนใจดีกับพุด และ.. คุณora คนดีที่แวะมาทายทักค่ะ สายแล้วนะคะวันนี้ ที่พี่พุดตื่นสายตามค่ะ เพราะว่านอนตีสี่กว่า แถม มานอนคิดถึง *ซีดานวีรบุรุษลูกหนัง ที่ต้องออกจากสนามด้วยใบแดง ทั้งๆที่ ชิพลูกแรกเข้าประตูอย่างแสนสวยงาม ให้ฝรั่งเศสแสนปิติภาคภูมิสุขใจ ไปทั้งประเทศอยู่หยกๆในไม่กี่นาทีแรก ที่เริ่มต้น และ... นาทีสุดท้าย ช่างภาพ.. จับภาพที่วีรบุรุษลูกหนัง ค่อยๆเดินหันหลังลาจากสนาม และถ้วยฟีฟ่า ด้วยทีท่าแสนเศร้านั้น ก็ยังคงดูมาดมั่นทรนงงดงาม ในสายตาสายใจพี่พุด และ.. คงต้องนำมารจนาในวันหลัง ถึงเกมลูกหนังที่ประดุจดั่งเกมชีวาชีวิต ที่.. ทุกชีวิตน่าจำต้องน้อมนำ มาสอนสัจจธรรมแห่งจิตวิญญาณ ให้เข้าใจว่า โลกนี้นั้นไม่เคยมีอะไรเที่ยงแท้ และ.. แน่นอน อยากกอด..ดาวิด เทรเซเกต์ นักเตะผู้ยิงลูกโทษไม่เข้าทำให้ฝรั่งเศสปราชัย ที่.. พี่พุดมองไม่เห็นหยาดน้ำตาจากเขา หากทว่า.. ในเวลานั้นและอีกนานแสนในความทรงจำ พี่พุดทราบดี ว่าหัวใจเขายิ่งกว่าแหลกสลายแสนระกำระทม หากเขาทำใจไม่ได้ และ.. เขาคงอยากให้มีอ้อมกอดใครสักคน พร้อมพลีกอดเขาอย่างแนบแน่น อย่างเข้าใจ ให้เขาร่ำไห้อย่างมิอายฟ้าดิน พร้อม.. กระซิบว่า เขาได้ทำหน้าที่ลูกผู้ชายนักกิฬา อย่างดีที่สุดแล้ว.. ในเส้นทางสายนี้ ที่จักต้องมีทั้งผู้แพ้และชนะ เพราะหากไม่มีเขา.. แล้วไฉนเล่าโลกนี้และอิตาลี่ จะได้พบกับคำว่า ผู้ชนะ.. และ.. นี่คือ*สัจจกิฬาที่แสนยิ่งใหญ่* ที่.. น่าจะนำมาสอนใจมวลมนุษยชาติ ให้ได้เข้าใจถึง คำว่า *ทุกข์สุข* ที่ย่อมคลุกเคล้ากันอย่างยากจะแยกออกค่ะ
10 กรกฎาคม 2549 10:51 น. - comment id 589463
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี รอบชิงชนะเลิศวันที่ 9 ก.ค. ที่สนามโอลิมปิก กรุงเบอร์ลิน เป็นการพบกันระหว่างอิตาลีกับฝรั่งเศส เริ่มเขี่ยลูกในเวลา 01.00 น. โดยผู้เล่น 11 คนแรกของอิตาลีได้แก่ จิอันลุยจิ บุฟฟอน, จิอันลูกา ซัมบรอตตา, ฟาบิโอ กรอสโซ, ฟาบิโอ คันนาวาโร, มาร์โก มาเตราสซี, ซิโมเน แปร์รอตตา, อันเดรีย ปีร์โล, เจนนาโร กัตตูโซ, เมาโร คาโมราเนซี, ฟรานเชสโก ตอตติ และลูกา โทนี ส่วนทีมชาติฝรั่งเศสของกุนซือ เรมงค์ โดเมอเนค จะส่ง ฟาเบียง บาร์กเตซ, วิลลี ซาญอล, ลิลิยง ตูราม, วิลเลียม กัลลาส, เอริก อบิดัล, พาทริก วิเอรา, โคลด มาเคเลเล, ฟรองก์ ริเบรี, ซีเนอดีน ซีดาน, ฟลอรองต์ มาลูดา และเธียร์รี อองรี หลังจากที่ในครึ่งแรก นาทีที่ 7 ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายนำไปก่อนจากการยิงลูกโทษที่จุดโทษของ ซีนาดีน ซีดาน แต่ต่อมาในนาทีที่ 19 อิตาลี ก็ได้ประตูตีเสมอ จากลูกโหม่งหน้าประตูของ มาเตราสซี ตามมาเป็น 1-1 จบ 45 นาทีของครึ่งแรกเสมอกันที่ 1-1 เริ่มการแข่งขันในครึ่งหลัง ฝรั่งเศสพยายามเป็นฝ่ายบุกมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถทำประตูได้ และในนาทีที่ 56 ฝรั่งเศส ก็ต้องเสียมิดฟิลด์คนสำคัญคือ พาทริก วิเอรา ที่ได้รับบาดเจ็บ ต้องส่ง อาลู ดิยาร์รา ลงมาแทน ขณะที่ในนาทีที่ 61 อิตาลี ก็เปลี่ยนตัวรวดที่เดียว 2 คนคือ วินเซนโซ ยากวินตา ลงมาแทน ซิโมเน แปร์รอตตา และดานิเอเล เด รอสซี ลงมาแทน ฟรานเชสโก ตอตติ ทำให้เกมรุกของอิตาลีคึกคักขึ้นมาทันที และเกือบจะได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 63 จากลูกยิงของ ลูกา โทนี แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปก่อนแล้ว หลังจากนั้น เกมยังคงเป็นไปอย่างสนุก เพราะมีการผลัดกันรุกและรับตลอดเวลา โดยในนาทีที่ 77 อิตาลี ได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษ แต่ อันเดรีย ปีร์โลยิงเฉียดเสาประตูออกไป ในช่วงท้ายครึ่งหลัง ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายบุกมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่สามารถผ่านกองหลังอิตาลีไปได้ และในนาทีที่ 86 กุนซืออิตาลี ตัดสินใจแก้เกมอีกครั้งด้วยการเสริมผู้เล่นในแดนหน้า ส่ง อเลสซานโดร เดล ปิเอโร ลงมาแทน เมาโร คาโมราเนซี แต่ก็ไม่สามารถพลิกเกมมาบุกได้ หมด 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที เริ่มช่วงต่อเวลาพิเศษ ฝรั่งเศสยังคงเป็นฝ่ายบุก ขณะที่ อิตาลี เป็นฝ่ายหาจังหวะโต้กลับ แต่ก็ถูกฝรั่งเศสตัดลูกในแดนกลางกลับเป็นฝ่ายบุกเป็นส่วนใหญ่ และในนาทีที่ 98 ฟรองก์ ริเบรี มีโอกาสหลุดเข้าไปยิงประตูจากลูกทำชิ่งในกรอบเขตโทษของอิตาลี แต่ยิงเฉียดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้น ริเบรี ก็ถูกเปลี่ยนตัวออก โดยกุนซือฝรั่งเศส ตัดสินใจเสริมแดนหน้าด้วยการส่ง ดาวิด เทรเซเกต์ ศูนย์หน้าลงมาแทน เพื่อเพิ่มเกมบุกหวังเอาชนะใน 120 นาที นาทีที่ 102 ฝรั่งเศส เกือบจะได้ประตูนำอีกครั้ง จากลูกโหม่งของ ซีนาดีน ซีดาน บอลพุ่งจะเสียบคานบน แต่ จิอันลุยจิ บุฟฟอน โชว์ซุปเปอร์เซฟ ปัดลูกออกหลังไป นาทีที่ 106 ฝรั่งเศส เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนสุดท้ายโดยให้ ซิลแว็ง วิลตอร์ ลงมาแทน เธียร์รี อองรี ที่มีอาการบาดเจ็บ ในนาทีที่ 108 ฝรั่งเศส ต้องเสียผู้เล่นตัวหลัก เมื่อ ซีนาดีน ซีดาน เจตนาเอาหัวไปโขกหน้าอกของมาเตราสซี ล้มลงไป ผู้ตัดสินให้ใบแดงไล่ออกไป ทำให้ฝรั่งเศสเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน เมื่อเป็นฝ่ายได้เปรียบตัวผู้เล่น อิตาลี เริ่มเป็นฝ่ายบุกบ้าง แต่เกมรับของฝรั่งเศสยังเหนียวแน่น และสามารถโต้กลับมาได้ตลอดเวลา และต่างไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้หมดเวลา 120 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินกันด้วยการยิงลูกโทษที่จุดโทษ ผลการดวลจุดโทษ ปรากฏว่าอิตาลีเป็นฝ่ายยิงก่อน และยิงได้ดีกว่า โดยยิงเข้าทั้ง 5 คน ขณะที่ ดาวิด เทรเซเกต์ เป็นผู้เล่นฝรั่งเศสคนเดียวที่ยิงไม่เข้า จึงเป็นฝ่ายพ่ายไป 3-5 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ด้วยการเอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 6-4 นับเป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ของขุนพลอัซซูรี ........ จากหน้ากิฬาไทยรัฐออนไลน์ค่ะ
10 กรกฎาคม 2549 10:54 น. - comment id 589464
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2088.html อย่ายอมแพ้ อ้อม สุนิสา สุขบุญสังข์ หาก วันนี้ เรา ล้มลง ยังคง ลุกขึ้น ได้ใหม่ ยังคงมีหนทาง ถ้ายังมียิ้ม สดใส ก้าวไป อย่าหวั่นไหวหวาดกลัว พร้อมทนทุกข์หมองหม่น ผจญ ความมืดหมองมัว ไม่กลัว จะฝันถึง วันใหม่ หากวันใดอ่อนแอ ท้อแท้ อย่าหวั่นไหว ขอให้ใจ ไม่สิ้นหวัง ปัญหา แม้จะหนัก ก็คง ไม่เกินกำลัง อย่าหยุดยั้ง ก้าวไป ขอ อย่า ยอม แพ้ อย่าอ่อนแอ แม้จะร้องไห้ จงลุกขึ้น สู้ไป จุดหมาย ไม่ไกล เกินจริง หากวันใดอ่อนแอ ท้อแท้ อย่าหวั่นไหว ขอให้ใจ ไม่สิ้นหวัง ปัญหา แม้จะหนัก ก็คง ไม่เกินกำลัง อย่าหยุดยั้ง ก้าว ไป ขอ อย่า ยอม แพ้ อย่าอ่อนแอ แม้จะร้องไห้ จงลุกขึ้น สู้ไป จุดหมาย ไม่ไกล เกินจริง ขอ อย่า ยอม แพ้ อย่าอ่อนแอ แม้จะร้องไห้ จงลุกขึ้น สู้ไป จุดหมาย ไม่ไกล เกินจริง...
10 กรกฎาคม 2549 12:00 น. - comment id 589473
พี่พุดขา กานต์ดูอิตาลีถึงตีสี่ ตื่นหกโมงเช้าไปวัด ทำบุญมาแล้วค่ะ เอาบุญมาฝากพี่พุดค่ะ เรื่องนี้กานต์ก็เป็นนางเอกอีกตามเคยใช่ไหมคะ
10 กรกฎาคม 2549 12:41 น. - comment id 589477
จุดจบของเรื่อง ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว ไม่ว่าจะรักกันสักแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องแยกกันไปตามกรรม
11 กรกฎาคม 2549 23:46 น. - comment id 589682
วันที่พักริมโขง ..หลับไปโดยที่ไม่ได้ดูทีวีบอล ตอนแรกคิดว่า ไม่มีทีวีดู เพราะทราบว่าทังหมู่บ้าน มีทีวีแค่ 11 เครื่อง ตอนเช้า เห็นอยู่บ้านหนึ่งยกทีวีไว้นอกชาน คนดูทีวีหลับโดยที่ถือรีโมทไว้ อัลมิตราและครูบัวกันต์ ก็ยืนดูข่าวผลฟุตบอลอยู่นอกชานบ้าน รู้งี้ .. ไปเรียกเพื่อนๆมารวมกลุ่มกันดูทีวีตอนกลางคืนแล้วล่ะ ไม่รู้ว่า บ้านนี้มีทีวี .. เพื่อนหลายคนที่ร่วมทริปคงเซ็ง ที่ไม่ได้ดูบอลนัดสำคัญ สำหรับอัลมิตรา อัลมิตราไม่ค่อยสนใจบอลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็อดเสียดายแทนเพื่อนไม่ได้ ไม่กล้าบอกว่า รู้สึกเฉยๆ ..555 กลัวโดนเพื่อนเหยียบ ค่ะ