http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1376.html (เหนือกาลเวลา) ราตรีนี้... ทั่วนภาระดะด้วยดาว ดวงจันทราสีทอง ลอยล่องส่องพราวพรายเหนือราวฟ้าไพร และ.. กำลังเสกสายแสนหวานราวหยาดน้ำผึ้งรวง ลงมาประโลมไล้... *ร่างสองร่าง* ที่...กำลังเอนอิงกันใน*ห้องหับเรือนลั่นทม* เรือน.. ที่ซ่อนงามในท่ามดงลำดวน และ... มวลแมกไม้ไทยในสวนหลากพันธุ์ พะยอม แก้ว กาหลง จำปี ลีลาวดีทุกสีทุกดอก ที่.. กำลังบานพราวจนแทบแลดูไม่เห็นใบ *งามเศร้าโศกไสว* ในท่ามสายแสงจันทราสีทอง ที่.. แสนอ่อนหวาน ทอทอดลอดสาดลงมาอาบไล้.. ให้...ทุกสรรพสิ่งนิ่งงัน ราว... ปวงเทวัญกำลังรอรับรู้ ทุกสิ่งที่กำลังเกิดตรงหน้า... ใน..*มหัศจรรย์รักนิรันดร์*นี้ ที่.. เพียงเกิดมาแค่พบกันเพียงพันผูกชั่วครู่ชั่วคราว เพียงแค่นั้น..เพียงเท่านั้น หาก...ทว่า จำต้องตัดใจ..หักใจ..ลา........ ไม่... อาวรณ์อาลัย และ.. ด้วยพลังปาฏิหารย์รัก*เหนือโลกย์เหนือโศกสุข* อันแสนยิ่งใหญ่.. ที่รู้ทิศทางที่เลือกจะดำเนินไปอย่างมิท้อรอลา.. ผู้ชายผิวสี..ออกคร้าม และ.. ในยามนี้ยิ่งดูสุกปลั่งราวสีทองแดง ใน.. ท่ามแสงเทียนวะวับแวมเหนือหัวนอน จากเชิงเทียนหอมไม้ไผ่ เคียงกัน... หญิงหนึ่งผิวสีน้ำผึ้งรวง นัยน์ตาโศกซึ้ง ดั่งหยาดเพชรพราวเต็มนัยน์ตา และ.. กับใบหน้าหวานนวลงามแจ่ม ราว..ปวงพวงพะยอมไพรมาหลอมรวมกัน... สองร่าง.. นอนสบตาซึ้งกันอย่างไร้คำพูดใด ปล่อยให้... ความเงียบงันในหัวใจ.. ถ่ายทอดผ่านอ้อมกอดร้อยรัด อันคือ.. สัมผัสที่แสนพิสุทธิ์ใส... จาก... ใจถึงใจ ใจเข้าใจ..ใจรู้ใจ ..ในทุกสิ่ง แม้นในความนิ่งเงียบ..นั้น ฝ่ายชาย... เอื้อมมือไล้ลูบเส้นผมดำขลับราวแพรไหมเบามือ พลาง...กระชับอ้อมกอดแน่นเข้า ราวกับ.. จะเทใจบอกแทนบางสิ่ง *ความจริง* ที่อัดแน่นในดวงใจมาแสนนาน หากทว่า...ไร้คำพูดใด มีเพียง.. เสียงหัวใจสองดวงเต้นประสานผ่านความเงียบ เขา...เคลียแก้ม.. แล้ว... จูบประทับรับขวัญนวลตรงหน้าผากอย่างทะนุถนอม เสียงจั๊กจั่นจิ้งหรีด เรไรร้องลั่นระงม ประสมประสานเสียงขึ้นมา ใน...ท่ามความมืดรายรอบเรือน เดือนดาวดาราราย... พรายแสงส่องกระพริบวะวิบวับผ่านหน้าต่างลงมา... ราวกับ....จะรับรู้ในทุกราวเรื่อง... แสงเทียนทองทอมลังเมลือง พาให้.. สองร่างหวามไหวในอ้อมอกกันและกัน และ.. ราว.. ยากหยุดนาทีสวรรค์แสนหวาน ผ่าน.. รานรักที่จำต้องพรากจากไกล ไม่มีวัน.. ได้พบฉากฝัน..เฉกเช่นนี้อีก...นับเนานานเนิ่นนิรันดร์... ไม่นานนี้..แล้วสินะ ที่เขาจัก.. ก้าวพ้นล่วงผ่าน..ชีวิตสี..สู่ผ้าขาว..และสู่ร่มกาสาวพัตร์ อย่าง... ตัดสินใจดีที่สุดแล้ว กับชีวิตนิดน้อยหนึ่งนี้ ที่.. ล่วงเลยผ่านอย่างยากหวนย้อนคืน แม้น.. จะมีวันชื่นคืนสุขสักเพียงไรในโลกมายาใบนี้.. หาก..ทว่า.. สองดวงใจเห็นพ้องต้องกันว่า ที่สุด.. สิ่งแท้เที่ยงดั่งสัจจนิรันดร์..สุขนิรันดร์นั้น คือ ร่มธรรม ร่มรัตน์ ร่ม.. ที่จักสกัดกางกั้น ให้พ้นภัยผอง จากหลุมพลางแห่งเนื้อหนัง อัน.. จักผุเปื่อยเน่าพังสลายคล้ายซากสัตว์ในวันหนึ่ง.. หาก. มิได้พึงฝึกการรู้ทันเท่า เฝ้าเพียรสอนจิตให้รู้ละวาง ให้พบทางทองทางธรรม เรียนรู้วิธีวิปัสสนาลัดสั้น ตัดทอนกิเลสวน..ที่คงพาให้หลงทางเสียเวลา หาก.. ยิ่งผัดวันประกันพรุ่ง..ด้วยความประมาท ขาดความรำลึกรู้ในมรณานุสติ.. เพราะ.. ชีวีชีวิตที่แสนพิลาสพิไล ดู.. ราวแสนสุขสดใสใน*โลกวัตถุมายา*นั้น ทุกดวงชีวันต่างก็... กำลังค่อยๆ..ผันร่างพาให้มิห่างเชิงตะกอน ที่.. ถึงแม้นทุกคนอยากจะวอนไหว้ ติดสินบนพญามัจจุราชสักเพียงใด ก็มิอาจหลีกลี้หนีพ้นแม้นสักคนเดียว..ในไม่นานช้า.. และ.. กับป์กาลเวลา... ในเส้นทางชีวิต.. ทางสายโลกย์โศกสุขคลุกเคล้า..แสนหนาวร้อน ก็...ช่างแสนสั้น..! และ.. ยังมิทันเพียรพบภาวนา ก็.. พาให้ลมหายใจไร้ค่าพบกับจุดจบเสียก่อนแล้ว *เขา.*.ทอดถอนใจ ในมโนนึก เมื่อ... ความคิดนึกพาย้อนวน ให้เขาสุดทนกับการเรียกร้องทางจิตวิญญาณ.. ที่. อาจจะด้วยกุศลบุญทานบารมี ที่พาให้เขาอยากหนีให้พ้นจากวังวนวิบาก ยอม.. พรากจากพันธนารัก..ที่แสนสุดต้องหักห้ามใจ ในเมื่อ ชีวิตนี้ เขายังมีเธอคนดี ที่แสนงามจิตงามใจงามร่างคอยเคียงข้าง ให้.. วาบหวามหวั่นไหว หากมิหนักแน่นใจ ก็.. จักมีห่วงบ่วงรักนี้ที่พาให้เขาติดตมจม ลงในเหวห้วงแห่งรัก อันแสนยากนักที่จักป่ายปีนขึ้นมา อย่างที่...มนุษย์มนาทั่วหล้าเขาพึงเป็นกัน และ... แสนแปลกดี.. ก่อน...นิทรารมย์ทุกค่ำคืน หลังใช้ชีวิตชื่นบานในรสรักอักแสนเกษมซ่าน ผ่าน.. คืนวันมายาวนานนับเนื่องหลายปี เขา... ก็ยิ่งค้นพบว่า แท้แล้ว.. ชีวีเขาช่างแสนเบื่อหน่าย ในวงวัฏ ในรสรัก.. ที่ก็ซ้ำวน และในตัวตนที่ซ้ำวันวัย..ด้วย.. ตราบ... จนกระทั่งวันหนึ่งราวสวรรค์มีตาฟ้ามีใจ.. ส่ง.. พระภิกษุชรามาธุดงค์แถวถ้ำ.. อันไม่ไกลจากนิวาสสถาน วิมานไพรเรือนไทยในฝันของเขา ถ้ำที่แสนลี้ลับ ถ้ำที่เกิดท่ามกลางความมืด ที่.. เนิ่นนานราวอสงไขยชั่วกาลกัปป์กัลป์ คล้าย.. มีความมหัศจรรย์ เสมือนยังคงมิหยุดนิ่ง ราว.. มีชีวิตเคลื่อนไหว หลายสิ่งแปรเปลี่ยน อยู่ภายในอาณาจักรแห่งนี้ ที่มีหินรูปร่างแปลกๆ ที่เรียกว่า หินงอกและหินย้อยมาบรรจบกัน คล้ายเสาค้ำเพดาน ก่อให้เกิดเสาหินวะวิบวับ ราวกับมี.. เก็จแก้วแพรวเพชรพลอยนับแสนแตะแต้ม ให้.. แอร่มเรืองรองผ่องพรายฉายฉานโชติช่วงอย่างแสนงาม หากใครเข้าไปพบเจอ.. และ.. สำหรับ..ช่วงเวลาสามปี ก็..นานพอ..กับการได้สนทนาธรรมในทุกยาม ค่ำเช้า หลังจาก.. ที่เขาจักผ่านเข้าไปแวะเวียนถวายข้าวใส่บาตร พร้อมรับศีลรับพร..ฟังธรรม... อันแสนทำให้เขาดื่มด่ำล้ำลึก ท่าน.. ฝึกให้เขาเพียรสมาธิ วิปัสสนา และ.. ให้รู้คุณค่ากำหนดลมหายใจ ในทุกนาทีปัจจุบันขณะ รู้ทันเท่าทุกข์ผัสสะในความคิด ให้.. ปล่อยวางไม่ว่าเศร้าสุข..ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่กักกันให้หยุดคิด เพียงวางจิตความรู้สึกตัวให้ทั่วพร้อม แล้ว.. ยอมรับการเกิดดับ นับเนื่องดั่งสร้อยโซ่กรรม แล้ว.. จึ่งน้อมนำจิตภาวนา ให้พบความกระจ่างจ้า ดั่งสายแสงมณีสว่างพร่างพราว ราวมี.. *อัญมณีแห่งปัญญา*พาให้พบความเย็นฉ่ำใส ราว.. ได้พานพบสายธาราธรรมเกษม เกินกว่าหาคำใดมาพรรณา นอกเสียจากว่า ...จำต้องค้นหาพาร่างเพียรพบเอาเอง.. และ.. นี่คือที่มาแห่ง*บัญชาสวรรค์* ที่ราวกับสรรส่งมาให้เขา คนที่.. แสนเบื่อโลกอยากพบสุขเกษมไปตราบจนชั่วนิจนิรันดร์ และ พลันพาให้ดวงจิตเขานั้นคิดหันหน้า ตัดสินใจ เดินเข้าสู่เส้นทางธรรม.. อัน.. แสนเรืองรองไสวพร่างสว่างเย็น อย่าง..มิลังเลสงสัยอีก ... ในชีพชนม์อันแสนสั้น...วันมิรออีกต่อไป..แล้ว..!!! ....................... ทิพยนิรมิตจิตเหนือโลกย์ ลอยพ้นโศกพ้นเศร้าหนาวเหน็บฝัน ทรุดร่างลงเบื้องหน้าเทพเทวัญ พร้อมได้ยินบัญชาสวรรค์เผยเมตตา เจ้าคนดี.. อย่ารอรีสร้างทางทองสู่แดนฟ้า โลกแห่งชนช่างแสนสั้นนะขวัญชีวา เนานิรันดร์สุขกว่า..ทางสายว่าง..กระจ่างใจ พลันเธอเห็นดอกบัวสวรรค์บานเทียมฟ้า แปลกนักหนาสูงชูช่องามไสว จากบึงทองไยผ่องผุดเป็นไม้ไพร งามเหลือใจเกินฝันรำพันรำพึง น้ำตาใจจึงหลั่งพรูรู้ทันเท่า จิตสกาวพราวกระจ่างแสนซาบซึ้ง กำหนดรู้ปล่อยวางแม้นตราตรึง ไม่ว่าซึ้งว่าสุขทุกข์ใดใด บัวทองในนิมิตสถิตสูงอยู่เทียมเมฆ ปลีกวิเวกงามเหนือหล้าพิสุทธิ์ใส คือทิพย์นิมิตขวัญท่ามคืนวันนะดวงใจ ค้นด้วยใจจึ่งจักพบสงบงาม... เพชรภายในใสกระจ่างโชติจรัส สว่างชัดสุกพราวเหนือโลกสาม นิพพานังสุขขังหวังทุกยาม คอยติดตามเตือนตนจนพ้นภัย ท่ามแสงเทียนทองทอวันธรรมสวนะ กราบองค์พระพุทธิ์พิสุทธิ์ใส ภาวนาอธิษฐานจิตนะดวงใจ สว่างไสววิปัสสนา....ฟ้าอวยพร... .................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1376.html เหนือกาลเวลา หาก ว่าใจ เรารัก กัน อย่าหวั่นกลัว กับเรื่อง ใดใด อาจ ไม่มีใคร เข้าใจ แค่มี เพียงเรา เข้าใจ ก็พอ อยากให้รัก ของฉัน และเธอ อยู่เหนือ กาลเวลา แม้ ความจริง ต้องห่าง แสนไกล ให้ความรัก ของเรา คงอยู่ ยาวนาน ในหัวใจ ไม่ มีใคร จะเปลี่ยน ใจเรา หาก ว่ามอง ไม่เห็น กัน อยาก ให้เรา ผูกพัน ด้วยใจ เพียง แค่หลับ ตาครั้งใด แค่เพียง ปล่อยใจ ให้ส่ง ถึงกัน อยากให้รัก ของฉัน และเธอ อยู่เหนือ กาลเวลา แม้ ความจริง ต้องห่าง แสนไกล ให้ความรัก ของเรา คงอยู่ ยาวนาน ในหัวใจ ไม่ มีใคร จะเปลี่ยน ใจเรา แม้ ไม่อาจ รู้วัน ข้างหน้า ว่าต้องพบ ต้องเจอ สิ่ง ไหน สิ่งเดียว ที่ฉัน นั้นอยาก ให้ เธอ มั่นใจ รู้ไว้ว่าฉัน รัก เธอ อยากให้รัก ของฉัน และเธอ อยู่เหนือ กาลเวลา แม้ ความจริง ต้องห่าง แสน ไกล ให้ความรัก ของเรา คงอยู่ ยาวนาน ในหัวใจ ไม่ มีใคร จะเปลี่ยน ใจเรา...
6 พฤษภาคม 2549 23:20 น. - comment id 575283
ก่อนบวชให้แม่ ไม่เคยได้ทำอะไรอย่างผู้ชายสีคร้ามคนนั้นเลย โบราณว่าต้องบริสุทธิ์อยู่ในศิลในธรรมแม่จะได้บุญมาก ๆ แล้วก็รู้สึกได้ จากสายตาแม่ที่มองพระลูกชายอย่างปลื้มโสมนัสนักไม่เคยลืมสายตาแม่แม้ว่าท่านจากจากไปนานแล้วก็ตาม อิอิ หลังทำหน้าที่ลูกผู้ชายแล้วไม่ขอเล่าว่าทำไรบ้าง อิอิ
7 พฤษภาคม 2549 09:33 น. - comment id 575301
เหนือกัลป์กาลเวลาหวังมาพบ เพื่อน้อมจรดปลดหัวใจให้เกษมสานต์ ทั้งร้องรำทำเพลงบรรเลงกานท์ คงสนุกสนานเริงร่าพาอารมณ์.แก้วประเสริฐ.
7 พฤษภาคม 2549 07:46 น. - comment id 575311
บรรลุธรรมเลยครับ ซาบซึ้งกับบทกลอนสอนใจ ติดตามคุณ\"พุด\"ตลอดมาครับบ เพราะมากครับบบบบ แต่งได้ไง จะรออ่านอีกครับ
7 พฤษภาคม 2549 08:42 น. - comment id 575325
ฤกษ์รัก..คนดี(ของใครเอ่ยอิอิ) พุด..กำลังจะไปวัดค่ะ และ.. อาจจะรีบตอบไปนิ๊ด มีเวลาจะกลับมาใหม่ค่ะ พระเอกพุด..บวชครั้งที่สองนะคะ และ จักเป็นครั้งสุดท้ายค่ะ พุด.. บันดาลใจจากความศรัทธาเคารพรัก ในคำสอนของพระอริย *หลวงพ่อเทียน*ค่ะ และ.. มีเวบมาแนะนำให้ทุกดวงใจที่ใฝ่ ในเส้นทางธรรมทางทอง ได้ลองเดินก้าวเข้ามาในร่มเงารัตน์ อันคือที่พึ่ง ทางจิตวิญญาณ อันพาให้พบว่างกระจ่างสว่างสงบ ไปตราบชั่วนิจนิรันดร์ค่ะ และ อีกเรื่องคือพุดนิมิตเห็นดอกบัว มิได้อยู่ในบึงค่ะ แต่กลับเห็นมีลำต้นสูงใหญ่งามมาก ดอกพราวพราย แทบทายทักมวลเมฆงามเลยค่ะ
7 พฤษภาคม 2549 09:04 น. - comment id 575331
ประวัติโดยสังเขป ของ... หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ เดิมชื่อพันธ์ อินทผิว เกิดเมื่อวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๔ ที่บ้านบุฮม ตำยบลบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย บิดาชื่อจีน มารดาชื่อโสม บิดาของท่านเสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเด็ก ในสมัยนั้นหมู่บ้านบุฮม ยังไม่มีโรงเรียน ท่านจึงไม่ได้เรียนหนังสือ ในวัยเด็กท่านได้ช่วยมารดาทำไร่ทำนา เช่นเดียวกับเด็กอื่นๆ ในหมู่บ้าน เมื่ออายุได้ ๑๐ กว่าปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร อยู่กับหลวงน้าที่วัดในหมู่บ้าน ได้เรียนตัวหนังสือลาวและตัวหนังสือธรรม พออ่านออกและเขียนได้บ้าง และ ได้เริ่มฝึกกรรมฐานตั้งแต่คราวนั้น ท่านได้ปฏิบัติหลายวิธี เช่น วิธีพุธโธ วิธีนับหนึ่ง สอง สาม... หลังจากบรรพชาเป็นสามเณร ได้หนึ่งปีหกเดือน ก็ลาสิกขาบท ออกมาช่วยทางบ้านทำมาหากิน เมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุตามประเพณี ได้ศึกษาและทำสมาธิ กับหลวงน้าอีกครั้งหนึ่ง หลังจากบวชได้หกเดือน ท่านได้ลาสิกขาบทออกมา และแต่งงานมีครอบครัว เมื่ออายุ ๒๒ ปี มีบุตรชายสามคน ท่าน... มักจะเป็นผู้นำของคนในหมู่บ้าน ในการทำบุญ จนเป็นที่นับถือ และ.. ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านถึงสามครั้ง แม้จะมีภาระมาก ท่านก้ยังสนใจการทำสมาธิ และ ได้ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอตลอกมา ต่อมา.. ท่านได้ย้ายไปอยู่ในตัวอำเภอเชียงคาน เพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ ท่านได้ประกอบอาชีพเป็นพ่อค้าเดินเรือ ค้าขายขึ้นล่องตามลำน้ำโขง ระหว่างเชียงคาน-หนองคาย-เวียงจันทร์ บางครั้งไปถึงหลวงพระบาง ทำให้ท่านได้มีโอกาสพบปะกับพระอาจารย์กรรมฐานหลายรูป จึงเกิดความสนใจธรรมะมากขึ้น นอกจากนี้ ท่านยังเห็นว่า ... แม้จะทำความดี ทำบุญและปฏิบัติกรรมฐานมาหลายวิธี ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ท่าน.. ก็ยังไม่สามารถเอาชนะความโกรธได้ ท่านจึงอยากค้นคว้า หาทางออกจากสิ่งเหล่านี้ ปี พ.ศ.๒๕๐๐ เมื่ออายุได้ ๔๕ ปีเศษ ท่านได้ออกจากบ้าน โดยตั้งใจแน่วแน่ว่า จะไม่กลับ... จนกว่า จะพบธรรมะที่แท้จริง ท่านได้ปฏิบัติธรรม ที่วัดรังสีมุกดาราม ตำบลพันพร้าว อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย (ปัจจุบันคือ อำเภอศรีเชียงใหม่) โดยทำกรรมฐานวิธีง่ายๆ คือ ทำการเคลื่อนไหว แต่ท่านไม่ได้ภาวนาคำ ว่า ติง-นิ่ง (ติง แปลว่า ไหว) อย่างที่คนอื่นทำกัน ท่าน... เพียงให้รู้สึกถึง การเคลื่อนไหวของร่างกายและจิตใจเท่านั้น ในชั่วเวลาเพียง ๒-๓ วัน ท่านก็สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ ได้อย่างเด็ดขาด โดยปราศจากพิธีรีตองหรือครูบาอาจารย์ ในเช้ามืดของวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ หลังจากนั้น ท่านได้กลับมาเผยแพร่ ชี้แนะสิ่งที่ท่านได้ประสบมา แก่ภรรยาและญาติพี่น้อง เป็นเวลาสองปีแปดเดือน โดยในขณะนั้นท่านยังเป็นฆาราวาสอยู่ วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๓ ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุอีกครั้งหนึ่ง เนื่อง.. จากเห็นว่าถ้าหากบวชเป็นพระภิกษุแล้ว จะทำให้การเผยแพร่ธรรมะสะดวกขึ้น คำสอนของหลวงพ่อ ได้แพร่หลายออกไป ทั้งในและต่างประเทศ ได้มีผู้ปฏิบัติตามเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ หลวงพ่อ ได้อุทิศชีวิตได้กับการสอนธรรมะ อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย หรือสุขภาพของร่างกาย จนกระทั่งอาพาธเป็นโรคมะเร็ง ที่กระเพาะอาหารเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ถึงเม้ว่าสุขภาพของท่านจะทรุดโทรมลงมาก แต่ท่านก็ยังคงทำงานของท่านต่อไป จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต หลวงพ่อ.. ได้ละสังขารอย่างสงบ ณ ศาลามุงแฝกบนเกาะพุทธธรรม สำนักปฏิบัติธรรมทับมิ่งขวัญ ตำบลกุดป่อง อำเภอเมือง จังหวัดเลย เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๑ เวลา ๑๘.๑๕ น. รวมอายุได้ ๗๗ ปี และ.. ได้ใช้เวลาอบรมสั่งสอนธรรมะแก่คน ทั้งหลายเป็นเวลา ๓๑ ปี
7 พฤษภาคม 2549 09:40 น. - comment id 575346
ประทับใจ..ในทุกครั้งที่ได้มาอ่าน...งานงามของพี่พุด.....ให้แนวคิด..และสาระแห่งธรรม..เพื่อการดำเนินชีวิต...ได้ความหวานซึ้งในคำกวีที่ประทับใจ....และ...อีกมากมาย... ..นิมิต..ดอกบัวงาม..เป็นสิ่งที่ท่านประทานให้..พี่พุด...ก้าวเดินต่อไป..ปิติและความดี จะเกิดขึ้นแก่ผู้ปฏิบัติ..อย่างแท้จริง... ..ราชิกา..ก็เดินทางสายเดียวกับพี่พุด..ปฏิบัติมาตั้งแต่อายุ 15 ปี จนถึงปัจจุบัน..พอจะเข้าใจบ้าง..ที่สำคัญ..ทำให้จิตใจเราดีขึ้น..มีเมตตา..กรุณาและเห็นความเป็นจริงในชีวิตมากขึ้น...ถ้าคุยเรื่องนี้..คงจะยาว..ว่างๆ..จะส่งเมล์ไปคุยด้วยนะคะ..คิดถึงพี่พุดมากค่ะ..
7 พฤษภาคม 2549 13:18 น. - comment id 575398
สวัสดีค่ะ พี่พุด พี่พุด พูดถึงว่าพี่พุด นิมิต เห็นดอกบัวสวรรค์ ที่มีลำต้นสูงใหญ่เทียมเมฆ เมื่อประมาณ ได้สัก 6 เดือนนี้และค่ะบัวฝันว่า บนดาดฟ้าที่บ้านบัว บัวเดินขึ้นไปแล้วเห็นมีกระถางใหญ่ตั้งอยู่ในกระถางใส่ดินไว้เต็มมีต้นไม้ชนิดหนึ่งขึ้นมามีดอกอยู่สองดอกเป็นดอกบัวใหญ่เท่าชามตราไก่ค่ะ กลีบนอกสีเขียวใสๆกลีบด้านในเป็นสีขาวนวลแล้วพอกลีบที่อยู่ติดเกสรกับเป็นสีชมพูอ่อนๆเกสรก็เป็นชมพูอ่อนเหมือนกันค่ะสวยมาก ในความฝันบัวเข้าไปจับดู และคิดว่าทำไมต้นดอกบัวไม่อยู่ในน้ำปลูกกับดินได้ด้วยหรือ ภาพนั้นยังติดใจ บัวไม่รู้ลืมเรยค่ะ ตอนเช้าบัวโทรไปเล่าให้ แม่ที่เลี้ยงบัวมาฟังแม่กับบัวก็คิดว่าน้องสาวที่แต่งงามแล้วคงจะมีหลานมาให้อุ่มแน่เรยจนป่านนี้ก็ยังไม่มีแววเรยค่ะ พอพี่พุดพูดถึงบัวสวรรค์ขึ้นมาว่ามีจริงทำให้บัวไม่แน่ใจกับตัวเองในความฝันของบัวค่ะ ขอบคุณนะค่ะพี่พุดเหมือนพี่พุดจะรู้ว่าบัวมีสิ่งนี้อยู่ในใจบัวเรยนะค่ะ พี่พุดถึงพูดขึ้นมากับ นิมิต บัวสวรรค์ เหนือกัป์ปกาลเวลา ในงานชุดนี้ บัวว่าเขากับเธอ ถ้าไม่ได้ผ่านเวลาของความสุขนี้มาเลยคงจะก้าวเข้าไปใน เพียรสมาธิ วิปัสสนา ไม่ได้นะค่ะ เพราะยังไม่ได้รับรู้ว่าความสุขของปุถุชนเป็นอย่างไร พอได้รับรู้แล้วก็ปล่อยวางไปได้และจะไม่มีอะไรมาติดขัดอีกเลย และกับการที่ไปปฏิบัติก่อนแล้วมารับรู้คงจะถอนตัวขึ้นมาลำบากนะค่ะ เหมือนกับเราฟังเพลงแล้วเราชอบเพลงนี้มากเราก็ฟังให้ติดหูไปเลยพอซึมเข้าไปในความรู้สึกแล้วเราก็หาฟังเพลงใหม่ๆฟังต่อไปเพราะเพลงใหม่ๆก็น่าฟังเหมือนกันไม่คิดจะฝังตัวเองไว้ อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านเลยไป หาสิ่งที่ดีกว่ามาไว้ในความรู้สึกนะค่ะ บ้างครั้งสิ่งที่เราเจ็บช้ำก็สอนให้เรามีพลังขึ้นมาได้เหมือนกันนะค่ะพี่พุด
7 พฤษภาคม 2549 13:52 น. - comment id 575406
..เรนเขียนไม่ออกด้วยดิคะ.. ก็แบบเรนอ่านของพี่พุดพัดชาและของบัวเพลิน.. บัวเขียนเล่าได้ดีจัง.. เรนจะหัดเขียนเล่าบ้าง.. เก๊าะเรนกลัว ..บัวจะแซงเรน..ที่ทำให้พี่พุดลืมเรน.. ยัยกาละแม.... ...
8 พฤษภาคม 2549 04:07 น. - comment id 575548
แวะมาเยี่ยมพี่พุดค่ะ รักและคิดถึงค่ะ