บัวกนก..ผลิบานวิมานสรวง..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
(สีแผ่นดิน..ณ..วันนี้)


บัวกนกผลิบานวิมานสรวง
หอมดั่งดวงทิพยชาติประดับสวรรค์
กนกพงศ์ ฝากนามเป็นนิรันดร์
แห่งหุบฝันฝนโปรยไพรในใจดวง
เป็นตำนานเลือดโนราห์คนปักษ์ใต้
เป็นดั่งสายธาราแห่งเขาหลวง
เป็นไม้งามไม้ไพรกุดั่นดวง
ประดับสรวงฝากมาลาคำย้ำนิรันดร์
นิทราให้สนิทสถิตทอด
ดาวโอบกอดเดือนเห่กล่อมนะจอมขวัญ
ให้พรายแสงศรีกวีรักจักสืบทอดชั่วกัปป์กัลป์
ดั่งรอยธรรมรอยทองแห่งผองชน
อวยพรให้*แผ่นดินเรา*ยังคงอยู่
ให้ร่มรัตน์ฉัตรคู่เคียงเวหน
ให้*สายน้ำรักนิรันดร์*จากดินเดียวกันเกื้อกมล
หวังชีพชนม์คนไทใจคงทอง...
โปรยพิกุลหอมหอมดวงดอกไม้หวาน
เหนือสายธารหุบเขาหลวงพร้อมลอยล่อง
วิญญาณกวีแก้วรัตนโกสินทร์สู่แดนฝันอันเรืองรอง
โลกแซ่ซร้องสดุดี..เป็นที่รัก...แห่งผืนดิน..!
...................


พลีด้วยคารวะและอาลัยสุดซึ้งจากใจพุดค่ะ
และ..
พรุ่งนี้....
เป็นวันที่นกไพรในใจนวลดวงงาม
จักถูก*ประชุมเพลิง*
ที่..
พรายแสงคงเริงโรจน์โชติช่วงตระการ
จิตวิญญาณดั่งดวงเพชรมณีรุ้ง
คงพุ่งสู่สวรรค์สรวงที่เฝ้ารอ...
ฝากรัศมีแห่ง..ความงามให้..ความดี..ความเพียร
เพื่อ..
เป็นดั่งบทเรียนแด่
ทุกดวงใจในแวดวงวรรณกรรม
ให้มิสิ้นไฟฝัน..หวัง..หวาน 
เขาคนดียอมพลีจิตวิญญาณไพร
ทำงานหามรุ่งหามค่ำ...
ฝากไว้กับผืนหล้าพสุธาไทยพสุธาทอง..
ไว้ให้ได้รำลึกจดจำ
ให้...
เป็นแบบอย่างแด่ชนรุ่นหลัง ตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์
เขาคือ..*คนดีของแผ่นดิน*ถิ่นปักษ์ใต้บ้านเรา
ที่พุดแสนศรัทธา
และ..
หลงรักชื่นชมในงานงาม มานานนักหนา
มาหลายปีแล้วค่ะ
และ..
กับสิ่งสุดท้าย...
ที่ใจดวงนี้..ผู้รักแสนรักอักษราวรรณกรรม 
และโลกบรรณพิภพ
จะพึงทำได้
คือ...
นำบทความสดุดี แสนงาม 
จากยอดนักเขียนซีไรต์ถึงซีไรต์
มาวางพลีกำนัล
ให้..
ทุกดวงใจ
ในร่มรัก เรือนไทยมิ่งมิตรน้องพี่ ได้ร่วมปันอ่าน..
เพื่อ..
ผนึกจิตสืบสาน..ตามรอย..ผู้เป็นดั่งตำนาน
*วีรบุรุษนักเขียนแห่งพงไพร*
ที่..
ได้เททุ่มถอดชีวิตจิตใจ
เพื่อรจนาเรื่องราวอันแสนยิ่งใหญ่
มอบคืนกลับให้กับโลกใบนี้ ดั่งของขวัญ
ก่อน..
ผืนดินจะกลบหน้า
ก่อนที่ฟ้าจะแปรสี
และ
ก่อนที่สายนทีจะหยุดไหลล่อง..ก่อนวันที่จะสายเกิน...
.............................


บทความจากหนังสือพิมพ์*มติชน*
คอลัมน์ประชาชื่น หน้า33
ฉบับวันที่24 กุมภาพันธ์ 2549 
จาก..ซีไรต์..ถึง...ซีไรต์
....................


การจากไปของ *กนกพงศ์ สมสมพันธุ์* 
นักเขียนเรื่องสั้นรางวัลซีไรต์
 เป็นเรื่องที่ญาติมิตร เพื่อนฝูงในวงการและนอกวงการ 
ไม่คาดคิดมาก่อน แต่เมื่อ กมฺมุนา วตฺตตี โลโก "
สัตวโลกย่อมเป็นไปตามกรรม" 
การสูญเสียกนกพงศ์ 
จึงเป็นธรรมดาของความเสียใจที่ไม่อาจบรรยายได้ 
...นอกเสียจากเสี้ยวของความรู้สึกที่เพื่อนแต่ละคน
ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือจารไว้เป็นอนุสรณ์ในวาระสุดท้าย...
.......................


ปากกากนกพงศ์...เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
น้ำตามาตกเหย้า
ที่หุบเขาฝนโปรยไพร
กลางควันอันอวลกระไอ
"โลกใบเล็กของซัลมาน"
มาอยู่มายงยุค
มายงยามเป็นตำนาน
ให้เห็นหัวใจหาญ
แห่งผู้คนบนแผ่นดิน
ดูดั่ง "แผ่นดินอื่น"
แท้ดินเดียวในธรณิน
คือชนอันชาชิน
ยังหยัดอยู่สู้พาลา
ขุนน้ำทะเลใต้
แลขุนไพรแห่งภาษา
ขุนภูเหยียบเมฆา
จักโปรยปราณหว่านภูพง
ตื่นแล้วในโลกนี้
แลโลกหน้าอย่างทระนง
ฝากนามสำคัญคง
"กนกพงศ์ สงสมพันธุ์"
หุบเขาฝนโปรยไพร
โปรยดอกไม้มาลาวรรณ
บานอยู่คู่กัปกัลป์
กับปากกา "กนกพงศ์"
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
*******************************


เสียดาย...*ชาติ กอบจิตติ*
ชีวิตเริ่มต้นเมื่อสี่สิบ
เชื่อว่าเราหลายคนคงเคยได้ยินประโยคนี้ 
ผมเองก็เช่นกัน แต่ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า
กนกพงศ์ของพวกเรา
จะเริ่มต้นชีวิตในวัยสี่สิบของเขาด้วยหนทางนี้
เมื่อรู้ข่าวการจากไปของกนกพงศ์ 
ผมเชื่อว่ามีคนตกใจ 
และไม่อยากเชื่ออยู่หลายคน ผมเองก็เช่นกัน
ต่อมาเมื่อรู้ว่าเป็นความจริง ก็ต้องทำใจ 
เพื่อลบล้างความเสียใจที่มี 
แน่นอน
เรายังเป็นปุถุชนอยู่ 
ความเสียใจจึงยังไม่ยอมจากเราไปง่ายๆ
แต่นอกเหนือจากความเสียใจ
ที่มีต่อการจากไปของเขาแล้ว ผมยังรู้สึกเสียดาย
ผมเชื่ออยู่ตลอดเวลาว่า
งานเขียนของกนกพงศ์จะต้องพัฒนาต่อไปอีกไกล
เพราะ
ความเป็นคนช่างคิดและฝีมือของเขา 
ต่อเมื่อมาถึงวันนี้ (ในวัยสี่สิบ)
ร่องรอยในการเปลี่ยนถ่ายงานเริ่มปรากฏออกมาบ้างแล้ว 
และผมคิดว่ากนกพงศ์ก็รู้ดีว่าเขากำลังทำอะไร
ถ้าทอดเวลาให้เขาอีกสักนิดหนึ่ง 
เราอาจจะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น
ในวงวรรณกรรมไทยก็เป็นได้
ผมจึงรู้สึกเสียดาย
สิ่งที่เขาทิ้งไว้ในวันนี้คืองาน 
และวิถีชีวิตของเขาที่กลมกลืนกับการทำงาน
อาจเป็นแบบอย่าง (หนึ่ง) ให้นักเขียนรุ่นหลังได้ศึกษา 
หรือมองแนวทางในการดำเนินชีวิตได้
นับเป็นประโยชน์ที่เขาทิ้งไว้ให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่
สำหรับผมแล้ว นอกเหนือจากเสียดาย
ที่จะไม่มีโอกาสได้อ่านงานของเขาอีกต่อไป
ผมยิ่งเสียดายมากขึ้นเมื่อนึกถึงเขาว่า 
ต่อไปนี้ใน "วง" ของเราจะไม่มีกนกพงศ์อีกต่อไป
ใครที่เคยอ่านงานเขียนของกนกพงศ์แล้ว
คิดเลยเถิดว่าเขาคงเป็นคนเคร่งเครียดไม่น่าคบ
เป็นความคิดที่ผิดครับ กนกพงศ์ในวงเป็นคนสนุกชอบอำ 
อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ผมจึงรู้สึกเสียดาย
แต่ถึงจะเสียดายอย่างไรก็คงห้ามเขาไม่ได้แล้ว 
ทำได้เพียงบอกกับเพื่อนว่า
ไปเถอะกนกพงศ์ ไปเริ่มต้นชีวิตตามที่ปรารถนา 
อย่าได้ห่วงอะไร
ด้วยรัก
*ชาติ กอบจิตติ*
******************************


ไม่ต้องสงสัย...*บินหลา สันกาลาคีรี*
"ผมกับกนกพงศ์ไม่สนิทกัน เจอครั้งสุดท้ายประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว 
เจอกันไม่เกิน 10 ครั้งในชีวิต เขาเคยเป็นรุ่นน้อง
ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 
แต่ไม่เจอกัน เพราะผมออกมาก่อน
"ติดตามอ่านงานของกนกพงศ์มาตลอด 
โดยเฉพาะเล่มล่าสุดที่วางคือ 
โลกหมุนรอบตัวเอง 
อยากบอกว่าเป็นรวมเรื่องสั้นที่ดีมากๆ มาก
จนกระทั่งรู้สึกว่า...คำว่า ลุ่มลึก ลึกซึ้ง 
มาใช้กับเล่มนี้ได้เลย ตั้งแต่กนกพงศ์แต่งเรื่องสั้นชุด แผ่นดินอื่น 
ก็ไม่ได้รวมเรื่องสั้นอีกเลยเกือบ 10 ปี งานชุด 
โลกหมุนรอบตัวเอง 
มีค่ามากกว่าเวลาเกือบ 10 ปีนั้น
 ยากมากที่จะเขียนให้ได้ขนาดนั้น 
และถ้าผมเขียนได้ถึงขนาดนั้น ก็คงไม่เสียดายชีวิตเท่าไหร่
"เมื่อรู้ว่ากนกพงศ์เสียชีวิตก็ใจหาย 
เพราะกนกพงศ์ของผมคือคำว่า 
ไม่ต้องสงสัย ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัย 
เขาเป็นของแท้ เขาเป็นมืออาชีพ เป็นตัวจริง 
ทั้งงานและตัวเขากลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน 
ผมเชื่อว่างานของเขาจะอยู่อีกนาน 
และเชื่อว่างานของเขา
จะเป็นตำนานเรื่องสั้นของไทยเหมือนงานของ มนัส จรรยงค์ 
และเหมือนงานของนักเขียนอาวุโสหลายท่าน
"กนกพงศ์เป็นที่รักของทุกคน ทุกคนรักเขา 
มีความรักมากมายให้เขา 
ก็แสดงว่าเขาต้องมีความรักมากมาย
ให้คนอื่นด้วยเหมือนกัน...เป็นสิ่งที่สัมผัสได้"
ยังจำคืนหนึ่ง ริมน้ำปิง
นิ่ง นิ่ง นิ่ง เงียบงัน
กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ 
เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างเขา
อ่านงานของคุณเล่มล่า
ลมปลิว ใบไม้ป่า 
หลับตา ถอนใจยาว
เจ้าหงิญของเรา เตาะแตะตามรอยเท้าคุณ หลายขวบปี
ใจหาย, เสียดาย หรือชีวิต
เกิดมาคิด เขียน ได้เพียงนี้
วันหน้า ณ ริมฝั่ง มหานที
สอนผมอีกที ในความเงียบงัน
*บินหลา สันกาลาคีรี*
************************


อาลัยกนกพงศ์.....*จิระนันท์ พิตรปรีชา*
รับรู้ข่าวร้ายไม่รู้จบ                         กี่ร้อยพันศพ...ศึกแดนใต้
เรือนหมื่นคลื่นกวาดอนาถใจ           ทิ้งรอยหม่นไหม้อันดามัน
แล้วมาข่าวร้ายรายล่าสุด                  จบชีวิตปิดสมุดหยุดเขียนฝัน
เพื่อนเรา "กนกพงศ์ สงสมพันธุ์"      ฉับพลันจากพรากยากทำใจ
ไร้เงาเหงาโค้งควนขนุน                    พิกุลร่วงบนพื้นป่าใหญ่
วรรณกรรมบทอำลา...สุดอาลัย           ฝากผลงานคนใต้ให้แผ่นดิน
*จิระนันท์ พิตรปรีชา*
**************************


เปลวกนก กนกพงศ์.....*ศักดิ์ศิริ มีสมสืบ*
กนกเปลวสะบัดปลาย อยู่แปลบปลาบ
นรกซึ้งสวรรค์ทราบเจ้าสร้างสรรค์
ประชุมเพลิง "กนกพงศ์ สงสมพันธุ์"
วงวรรณสะท้านไหวทั้งว่านวงศ์
คืนสู่ธรรมชาติแล้วธาตุสี่
เหลือธุลีอังคารเจ้าเป็นเถ้าผง
หากคมคิดคมคำเจ้ายังคง
กระเดื่องนามกนกพงศ์คงกระพัน
แผ่นดินนี้ยากแค้นแสนขมขื่น
แผ่นดินอื่นมีไหมให้ใจฝัน
แผ่นดินใดเอื้อศรัทธาค่าชีวัน
แผ่นดินนั้นสัจจธรรมจักดำรง
แผ่นดินที่ความจนพ้นอดสู
แผ่นดินซึ่งความรู้พ้นโลภหลง
แผ่นดินซึ่งคนทุกข์ยังทระนง
แผ่นดินซึ่งคนตรงยังยืนยัน
ทางที่เราต้องผ่าน...สะพานขาด
เรายังอาจฝ่าข้ามด้วยความฝัน
เปลวกนก กนกพงศ์ส่องวงวรรณ
จัดโชติชาวง เช่นนั้น...นิรันดร์ไป
*ศักดิ์ศิริ มีสมสืบ*
****************


แผ่นดินอื่นของกนกพงศ์......*อัศศิริ ธรรมโชติ*
วันนี้ขอกล่าวถึงผลงานของเพื่อนนักเขียนคนหนึ่งซึ่งเพิ่งจากไป
"แผ่นดินอื่น" คือชื่องานรวมเรื่องสั้นของเขา
ที่ได้รับรางวัลซีไรต์ในปี พ.ศ.2539 
ซึ่งคณะกรรมการตัดสินได้กล่าวสดุดีเอาไว้ 
มีความตอนหนึ่งว่า
"สะท้อนความคิด ความเชื่อ คุณค่า 
และคตินิยมพื้นถิ่นอย่างลึกซึ้งและแหลมคม 
ให้เห็นว่าแม้ในสังคมที่ต่างวัฒนธรรม ต่างความเชื่อ
 มนุษย์ก็สามารถอยู่ร่วมกันด้วยไมตรีสัมพันธ์"
นี่น่าจะหมายถึง
การสะท้อนชีวิตและโลกของคนมุสลิมเอาไว้ในหนังสือเล่มนี้
กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ 
เป็นนักเขียนชาวใต้ เกิดที่พัทลุง
 แต่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของนครศรีธรรมราช 
จนกระทั่งวาระสุดท้าย 
แต่..
ก่อนหน้านั้นเขาได้ใช้ชีวิตไปทุกที่ 
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 
ในสามจังหวัดภาคใต้ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
กนกพงศ์คลุกคลีและมีเพื่อนเป็นมุสลิมหลายคน 
เขาจึงเป็นนักเขียนคนหนึ่งซึ่งรู้จักและ
เข้าใจโลกของคนมุสลิมในแถบชายแดนดี 
นับตั้งแต่ฮาราน ที่เป็นทหารชุดปฏิบัติการของรัฐบาล 
ครูสาวของเด็กนักเรียนอย่างฟาริดา 
คนงานอย่างกอเส็มซึ่งเป็นคนเลี้ยงแพะในกุโบร์
"หมู่บ้านมุสลิมไม่สนุก แน่ละ... 
เพราะเราจะหาเหล้าจากที่นี่ไม่ได้แม้เพียงหยด 
บูเก๊ะกรือซอในยามค่ำคืนจึงเต็มด้วยความว้าเหว่และหดหู่...
ด้วยตกอยู่กลางวงล้อมของขุนเขา" 
นี่คือข้อความหนึ่งในเรื่องแผ่นดินอื่น
กนกพงศ์เป็นนักเขียนผู้สามารถ 
ทั้งในการเล่าเรื่อง
และใช้ภาษาสวยสมกับที่เป็นวรรณศิลป์ 
เขา
เข้าใจโลกของคนมุสลิมดี
อย่างที่เขากล่าวถึงฮารานว่า 
เป็นผู้ที่ถูกบ่มเพาะมาให้มีจิตใจเข้มแข็ง
เปี่ยมด้วยความอดทนและรักในเพื่อนมนุษย์
เยี่ยงเดียวกับมุสลิมทั่วไป 
จิตใจของมุสลิมถูกฝึกฝนให้กอปรด้วยสามสิ่งนี้ตั้งแต่เล็กๆ
ผมจึงอยากให้คอหนังสือ
และผู้ที่สนใจ
ในปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั่วไป
ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ 
เพราะนี่คือ
ผลงานทางวรรณกรรมชิ้นเยี่ยมที่กนกพงศ์ได้ทำไว้
จะลองอ่านฝีมือเขียนของเขาในบางตอนดูได้
"เพลงรองแง็งดังแว่วมาจากบ้านงาน หวานก้องของไวโอลิน 
ในเพลงลาฆูดูวอกรีดบาดหัวใจชวนให้สงสัยว่า
นิ้วเรียวจากมือใดถึงพรมสาย
ราวจะดึงจันทร์เพ็ญให้ลอยต่ำลงมาได้ถึงปานนั้น 
เด็กหนุ่มมุสลิมอีกสองคนยังอยู่ที่บ้านงาน 
เฝ้ารอลิเกฮูลูเอื้อนเสียงแข่งสำเนียงหวานกับน้ำค้างซึ่งพรมยอดหญ้า"
กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ 
เจ็บป่วยและตายด้วยไข้หวัดใหญ่เมื่อวันมาฆบูชา 
ที่เพิ่งจะผ่านมานี้ด้วยวัยเพียง 40 ปี ช่างน่าเสียดายนัก
จึงขอร่วมไว้อาลัยด้วยงานเขียนชิ้นนี้ครับ
*อัศศิริ ธรรมโชติ*
*******************


บันทึกสุดท้ายที่ไม่อยากเขียน กนกพงศ์ สงสมพันธุ์
 "ผมอยากจะเขียนนวนิยาย"
โดย...คุณสาโรจน์ มณีรัตน์
ไม่น่าเชื่อว่าการเขียนถึง 
"กนกพงศ์ สงสมพันธุ์" ในอดีต 
สมัยเมื่อครั้งที่เขาได้รับรางวัลรวมเรื่องสั้นซีไรต์
ชุด "แผ่นดินอื่น" เมื่อปี 2539 
ทั้งในเรื่องของวิธีคิด ลักษณะการทำงาน 
รวมไปถึงความมุ่งมั่น
ที่เขาต้องการที่จะเป็นนักเขียนอาชีพ 
จะทำให้ต้องกลับมาเขียนถึงเขาอีกครั้งหนึ่ง !
ในฐานะนักเขียนนามอุโฆษ 
ที่จบชีวิตลงด้วยโรคน้ำท่วมปอด
 เมื่อตอนสายของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2549 ที่ผ่านมา
และจะฌาปนกิจในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2549 
ทั้งที่จริงแล้ว การเขียนถึง "กนกพงศ์" ครั้งนี้
 น่าจะเป็นการเขียนต่อยอด จากเมื่อครั้งที่เขาเคยขึ้นเวที 
"มติชนบุ๊คส์เดย์ตะลอนทัวร์" 
ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เมื่อ 3-4 ปีผ่านมา
ครั้งนั้นมี "พล.ท.บัญชร ชวาลศิลป์"
 ร่วมเวทีแสดงความคิดเห็นด้วย
 และ "กนกพงศ์" ได้เล่าไว้บนเวที
ถึงความฝันในงานเขียนของเขาว่า
ผมอยากจะเขียนนวนิยาย
"เพียงแต่ตอนนี้ 
กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเก็บรวบรวมข้อมูล 
โดยผมวางพล็อตคร่าวๆ 
ให้ตัวละครคนหนึ่งถูกทุกคนมองว่าเป็นคนบ้า 
แต่คนบ้าคนนี้กลับเป็นผู้หยั่งรู้อนาคตทุกอย่าง 
พล็อตเป็นอย่างนี้ 
แต่รายละเอียดคงต้องลงไปเก็บข้อมูล
ที่หลังคาแดง 
(โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี) อีกครั้ง"
ตอนที่ "กนกพงศ์" พูดถึงงานเขียนนวนิยายเรื่องนี้ 
ผู้ฟังในหอประชุมค่อนข้างให้ความสนใจกันมาก 
ถึงขนาดเขียนคำถามมาถาม แต่เขาคงยังยืนยันความคิดเดิม 
"เป็นสิ่งที่ผมอยากทำครับ"
เพียงแต่ว่ายังไม่ได้ทำ
เหตุที่ "กนกพงศ์" อยากเขียนนวนิยาย 
เพราะภาพเดิมของเขาผ่านงานเขียนเรื่องสั้นมาแล้วหลายเล่ม 
รวมถึงรวมเรื่องสั้นเล่มสุดคือ "โลกหมุนรอบตัวเอง"
และ
นิตยสารเรื่องสั้น "ราหูอมจันทร์" เล่ม 1 
ที่ขณะนี้คงอยู่ในขั้นตอนของการจัดทำอาร์ตเวิร์ค
 หรือไม่ก็คงใกล้จะแล้วเสร็จ 
เพราะเท่าที่ทราบ "กนกพงศ์" 
ค่อนข้างตั้งใจทำนิตยสารเล่มนี้เป็นอย่างมาก
 เพราะเขาอยากให้นิตยสารเล่มนี้
เสมือนเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักเขียน 
หรือแฟนานุแฟนที่ชื่นชอบงานวรรณกรรม
แต่เขามาด่วนจากไปเสียก่อน !
ถ้ามองย้อนไปในอดีต ความมุ่งมั่นที่เขาอยากเป็นนักเขียน 
สิ่งหนึ่งน่าจะมาจาก "พ่อ" 
เพราะพ่อสืบเชื้อสายมาจากขุนโจรโบราณ 
พ่อซึ่งมีอดีตเป็นครู และพ่อผู้เปิดโอกาสให้ลูกๆ ทั้ง 3 คนขณะนั้น 
เลือกเป็นสมาชิกหนังสือเล่มใดก็ได้ 
โดยกนกพงศ์เลือกชัยพฤกษ์การ์ตูน 
พี่ชายเลือกการ์ตูนเด็กก้าวหน้า และพี่สาวเลือกขวัญเรือน
ประกอบกับอิทธิพลอีกประการ 
ที่น่าจะมีส่วนทำให้กรอบความคิด มุมมอง ทัศนคติ
 ตลอดจนความเชื่อดั้งเดิมที่เกี่ยวกับสังคม การเมือง การทหาร 
หรือการจัดการของชาวบ้านแจ่มชัดขึ้น 
เพราะพื้นที่อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุงในอดีต เคยเป็นพื้นที่สีแดงมาก่อน
ดังนั้น ภาพที่ปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นภาพของความโหดร้าย 
หรือภาพของความไม่เป็นธรรม 
จึงเป็นภาพที่เขานำมาตั้งคำถามกับสังคม 
จนเกิดเป็นงานเขียนในยุคแรกๆ 
ที่มีฉาก บรรยากาศ หรือตัวละคร
ล้วนสร้างขึ้นจากความทรงจำดั้งเดิม 
อาทิในรวมเรื่องสั้นชุด "สะพานขาด"
อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์ลึกๆ "กนกพงศ์" 
แท้จริงแล้วงานเขียนของเขาพัฒนา 
เติบโตมาจากกรอบความคิดที่อิสระ 
มองถึงลักษณะของปัจเจก มองถึงเรื่องอัตถิภาวนิยม 
การแสดงออกระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ มนุษย์กับมนุษย์ 
และ..
ท้ายสุด
คืออารมณ์กับความรู้สึกที่เขาเข้าไปสัมผัสต่อเรื่องนั้นๆ
"กนกพงศ์" เริ่มค้นพบโลกของเขา
เขาจึงหันหลังให้โลกแห่งการศึกษา 
แต่กระนั้น เขาก็ขัดแย้งกับ "แม่" พอสมควร
 เพราะ
 "แม่" ไม่ต้องการให้เป็นนักเขียน
"แม่ผมเป็นโนราห์ 
แม่อยากให้ผมเรียนจบ มีงานทำดีๆ
 แม่ไม่อยากให้ผมเป็นนักเขียน 
ดังนั้น เมื่อผมเลือกที่จะเป็นนักเขียน จึงมีปัญหากับแม่พอสมควร"
แต่
ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นนักเขียน 
จึงทำให้เขาเดินต่อไป 
ด้วยการไปรบกวนพี่ เพื่อน น้องในกลุ่มนาคร 
ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มวรรณกรรมท้องถิ่น
ที่มีนักเขียนปักษ์ใต้มาชุมนุมมากที่สุด
"กนกพงศ์" ใช้ชีวิตระหว่างนี้
ด้วยการฝึกฝนงานเขียนเป็นร้อยๆ เรื่อง 
แต่กระนั้น ก็ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของ "กนกพงศ์" 
ที่อยากจะเดินต่อไป เพราะเขาเริ่มรู้สึกว่า
ความฝันกับความเป็นจริงคนละเรื่อง
เขาจึงตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ 
ไปทำงานที่บริษัทเคล็ดไทย 
โดยทำอาร์ตเวิร์คบ้าง บรรณาธิการเล่มบ้าง 
แต่เขาทำได้ไม่นาน 
เพราะรู้สึกว่างานประจำมันแย่งเวลางานเขียนของเขาไป
เขาจึงตัดสินใจไปเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน
ที่ทางขึ้นน้ำตกอ้ายเขียว อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช 
เพื่อเขียนหนังสืออย่างเป็นเรื่องเป็นราว
จน..เรื่องสั้น "สะพานขาด" 
ได้รับการประดับช่อการะเกด 
จากบรรณาธิการสุชาติ สวัสดิ์ศรี ในชุดเดินข้ามคืน
"โลกใบเล็กของซัลมาน" 
ได้รับการประดับช่อการะเกด 
จากบรรณาธิการสุชาติ สวัสดิ์ศรี ในชุดคนพันธุ์ใหม่
ถึงตรงนี้ "กนกพงศ์" เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ในฐานะนักเขียนรุ่นใหม่ 
แต่นั่น
ก็ยังไม่ใช่ความฝัน เพราะความฝันของนักเขียน
 นอกจากผลงานจะเป็นที่ยอมรับในระดับหนึ่ง 
การมีพ็อคเก็ตบุ๊กสักเล่มดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ภูมิใจยิ่งกว่า
จน
สำนักพิมพ์นกสีเหลืองของ "เวียง-วชิระ บัวสนธิ์"
 เล็งเห็นงานอันทรงคุณค่าที่สุด
จึงพิมพ์รวมเรื่องสั้นชุดสะพานขาดออกมาในเดือนตุลาคม 2534 
พฤษภาคม 2535 รวมเรื่องสั้นชุดคนใบเลี้ยงเดี่ยว 
จึงปรากฏออกมาเป็นเล่มที่สอง
ถึงตรงนี้ ดูเหมือนเส้นทางที่ "กนกพงศ์" เลือกเดินจะแจ่มชัดขึ้น 
เพราะรวมเรื่องสั้นทั้ง 2 เล่ม 
ได้รับการกล่าวขานเป็นอย่างมาก 
จนถึงมีมือมืดส่งเรื่องสั้นทั้ง 2 เล่มนี้ เข้าชิงซีไรต์ ในปี 2536
แต่
 "กนกพงศ์" 
ขอใช้สิทธินักเขียนขอถอนรวมเรื่องสั้นทั้ง 2 เล่มออกมา 
ทั้งๆ มีผู้วิจารณ์กันว่าหากเขาไม่ถอนรวมเรื่องสั้นครั้งนั้น 
เขาอาจเป็นนักเขียนซีไรต์ประจำปี 2536 ไปแล้วก็ได้
แต่
เขากลับไม่เชื่อเช่นนั้น 
เพราะเขาเชื่อตามที่
 "เออร์เนสต์ แฮมมิ่งเวย์" 
นักประพันธ์ชาวอเมริกันที่บอกว่า
 "ข้าพเจ้าไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะเหตุบังเอิญ
 แต่ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จเพราะทำงานหนัก"
ความสำเร็จจากการทำงานหนักนี่เอง 
ที่พี่ชาย "เจน สงสมพันธุ์" รู้ดีว่า 
หากเขาปล่อยให้น้องชายเป็นอยู่อย่างนี้ 
ไม่เพียงแม่จะไม่สบายใจ 
หากยังทำให้น้องชายห่างไกลจากความฝันนานขึ้น
ดังนั้น ทางเดียวที่จะทำให้
 "กนกพงศ์" ใกล้สู่ความฝันเร็วขึ้น
คือ..
ต้องตั้งสำนักพิมพ์นาครขึ้นมา ทางหนึ่ง
เพื่อให้เขาจมจ่อมอยู่กับงานวรรณกรรม 
ทางหนึ่งเพื่อให้แม่สบายใจ 
และอีกทางหนึ่ง เขาจะได้มีรายได้เลี้ยงตัวเอง
จน..
พอมีรายได้เพื่อไปเก็บข้อมูลมารังสรรค์งานวรรณกรรมต่อไป !
เหมือนอย่าง "แผ่นดินอื่น" เรื่องสั้นขนาดยาว 
ที่เขาใช้เวลากว่า 5 ปีในการเก็บข้อมูล วิจัย
 และทำการศึกษาอย่างจริงๆ จังๆ
ฉะนั้น
 จึงไม่แปลกเมื่อ "แผ่นดินอื่น" ถูกเสนอชื่อเข้าชิงซีไรต์ในปี 2539 "
เออร์สกิน คอล์ดเวลล์" ในร่าง "กนกพงศ์ สงสมพันธุ์" 
จึงได้รับการยอมรับให้เป็นนักเขียนซีไรต์ในที่สุด
แต่ "กนกพงศ์" คงยังเป็น "กนกพงศ์"
เขายอมรับว่าดีใจแต่ขณะเดียวกัน 
เขารู้ดีว่าเส้นทางที่ตัวเองเลือกเดินนั้นยังอีกยาวไกล
 ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาจะต้องเดินฝ่าไป
"กนกพงศ์" รู้ดีว่า ทุกถิ่นฐานที่เขาอยู่ 
ไม่ว่าจะเป็นบ้านเช่าทางขึ้นน้ำตกพรหมโลก 
บ้านเช่าทางขึ้นน้ำตกอ้ายเขียว 
หรือบ้านเช่าที่หุบเขาฝนโปรยไพร 
ล้วนเป็นแหล่งสร้างงานวรรณกรรมทั้งสิ้น
โดยเฉพาะที่บ้านหุบเขาฝนโปรยไพร 
ที่ระยะหลังๆ เขามีโอกาสอยู่กับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก "อุรุดา โควินทร์" 
ก็ล้วนเป็นแหล่งสร้างงานวรรณกรรมดีๆ ออกมาอยู่เสมอ
แม้นานๆ ครั้งก็ตาม..
วันนี้..
แม้ไม่มีร่างเงาของ "กนกพงศ์" อีกต่อไปแล้ว 
แต่..
เชื่อแน่ว่าผลงานของเขาทั้งหมด 
ไม่ว่าจะเป็นรวมเรื่องสั้น บทกวี หรือบทเพลง 
ล้วนต่างเป็นภาพสะท้อน
ที่หลายคนคงประจักษ์ชัดว่า
เขาตั้งใจมากแค่ไหน 
ที่จะเป็นนักเขียนให้ได้ในวันหนึ่ง
*วันนี้เขาเป็นนักเขียนแล้ว
เป็นนักเขียนในกลางใจของผู้คน* 

และ..
เป็นหนึ่งในดวงใจ
เป็นวีรบุรุษไพรของนักอยากจะเขียนเพียรฝันค้าง
อีกคน...ที่ชื่อพุดพัดชาค่ะ
ที่..
แสนรักแสนศรัทธาคารวะ..ตราบชีพวาย*
				
comments powered by Disqus
  • พุด

    24 กุมภาพันธ์ 2549 14:56 น. - comment id 562993

    36.gif10.gif
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
    สี่แผ่นดิน
    
    คนมี ชีวิตและกายา
    ถือ กำเนิดเกิดมา
    เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย
    ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่
    กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน
    เป็นแดน ที่ให้ชีวา
    พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน
    คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน
    เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย
    ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
    ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
    ความทุกข์เยือน เรือนกาย
    หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
    สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
    ยามดี เราดีตาม
    ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
    บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
    หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
    
    ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
    ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
    ความทุกข์เยือน เรือนกาย
    หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
    สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
    ยามดี เราดีตาม
    ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
    บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
    หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
    หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน...
    ..................
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
    ณ..วันนี้
    
    ญ ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
    ดังใจ โอ้เอยเฝ้าคอยเธอนั้น
    นานแสนนาน ฮืม
    จึงมาเจอกัน
    คล้ายบางสิ่งผูกพัน
    ร้อยใจเราร่วมกัน
    ช ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
    ดวงใจ โอ้เอย มีเพียงเธอนั้น
    นับวัน ฮืมจนแรกเจอกัน
    ใจฉันเพียงต้องการ แต่เธอตลอดมา
    ช ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
    รักเธอไม่เสื่อมคลาย
    ญ หมื่นพันสัญญา
    ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
    ช รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
    ญ คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
    พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
    และหวังเพียงได้ครอง
    รักจนตราบนานตลอดไป
    
    ช ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
    รักเธอไม่เสื่อมคลาย
    ญ หมื่นพันสัญญา
    ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
    ช รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
    ญ คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
    พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
    และหวังเพียงได้ครอง
    รักจนตราบนานตลอดไป
    นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
    และหวังเพียงได้ครอง
    รักจนตราบนานตลอดไป.
    
    36.gif10.gif
  • พุด

    24 กุมภาพันธ์ 2549 15:11 น. - comment id 562994

    10.gif16.gif
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/board4259.html
    
    แทนน้องรัก
    ทันที่ที่เห็นบทความนี้
    หัวใจพี่พุดนิ่งงันเลยค่ะ
    และ
    พี่พุดขอหลั่งน้ำตา
    ไว้อาลัยคุณกนกพงศ์ค่ะ
    ด้วยรักอาลัยยิ่ง10.gif
    
    นานหลายปีมาแล้ว
    พี่พุด..พบหนังสือ
    *แผ่นดินอื่น*และ
    หลงรัก
    *หุบเขาฝนโปรยไพร*
    ที่เทือกเขาหลวงมาก
    จน..
    ตั้งใจจะไปหาซื้อที่ที่นั่น
    และ
    ให้น้องคนนึงเพียรหาให้10.gif
    
    พี่พุด
    อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    ในทุกฉากเรื่องราว
    ของคุณกนกพงศ์
    ที่ก่อให้เกิดแรงฝันบันดาลใจมากมาย
    และ
    พาให้พี่พุดติดตามอ่านของคุณกนกพงศ์
    อย่างมิพลาดสายตาสายใจ10.gif
    
    พี่พุดเฝ้าเพียรติดต่อ
    และพยายามหาเบอร์โทร
    ไปที่สำนักพิมพ์..
    เพื่อ..
    จะคุยด้วย
    ในฐานะคนบ้านเดียวกัน
    ดินเดียวกัน
    ที่พี่พุดแสนรักศรัทธามาก
    และ
    พี่พุดวางแผนว่าจะไปเยี่ยมเขาสักวัน
    แล้ว...
    ทุกสิ่งฝันก็มลาย..ลา
    เสมือน
    คุณโกศล กลมกล่อม
    ที่พี่พุดเพียรตามหา
    และ
    คุณรักษ์ มนัญญาบอกกับพี่พุดว่า
    เขาพรากลาไปเช่นกัน
    ตั้งแต่พี่พุดอยู่เมืองนอกด้วยซ้ำ10.gif
    ..
    แทน...
    นี่คือมรณานุสติ
    กับ..
    ทุกชีวาชีวิต
    มาเตือนจิตสอนใจ
    ให้เราทำความดี
    พลีแด่แผ่นดินและทุกคนที่เรารัก
    ก่อน..
    *ดวงตะวันแห่งชีวิตจะพลันดับลับลา
    ไปตราบชั่วนิจนิรันดรนะ10.gif
    
    คุณกนกพงศ์คะ
    นักอยากจะเขียนเพียรฝันค้างคนนี้
    ขอพลี..ดวงจิตคารวะ
    แด่..
    ดวงวิญญาณอันแสนงาม*ให้*ของคุณ
    ที่เพียรพลีมอบ
    แด่ผองชนคนในแผ่นดินนี้
    ด้วย
    งานอันแสนมากมีสาระคุณค่า
    ผ่าน..
    ถ้อยภาษาที่แสนบรรเจิดจิต
    สอนใจ..
    ให้เราทุกคนไทยได้หันหน้ามา
    รู้รักสามามัคคีกัน
    และ
    คุณเพียร
    รจนาเรื่องราวเกี่ยวกับ
    *ปัญหาชายแดนภาคใต้*
    นานมา..
    ก่อนจะเกิดวิกฤตการณ์เสียอีก10.gif
    
    
    พุดพัดชา
    คิดว่าป่านนี้
    ปวงทวยเทพเทวา
    คงได้มารับดวงวิญญาณ์คุณ
    ไปสู่แดนสวรรค์สรวงแล้วนะคะ
    และ
    สิ่งที่คุณเหลือและทิ้งไว้ให้
    คือ
    ความดี..
    ที่แสนมากล้นคุณค่าทางวรรณกรรม
    ในทุกเรื่องราวแสนงาม
    ที่..
    จะมิมีวันมอดไหม้
    ไปจนตราบชั่วนิจนิรันดร์
    
    
    
    
    36.gif10.gif
  • แก้วประเสริฐ

    24 กุมภาพันธ์ 2549 16:59 น. - comment id 563016

    36.gif ครับวรรณกรรมที่ดีหาที่จะได้มาง่ายๆ แต่ก็ไม่ยากไร้สำหรับคนที่มีความพยายามและตั้งใจ.
    
                         16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • พระจันทร์เศร้าฯ

    24 กุมภาพันธ์ 2549 17:58 น. - comment id 563031

    เสียดายเหลือเกิน
    นวนิยายเล่มนั้น ถ้าเขายังอยู่เขียนมัน
    คงจะเป็นงานที่มีค่าควรแก่การอ่านเหมือนเรื่องสั้นของเขา
    สู่สุคตินะท่าน
  • แสงไร้เงา

    25 กุมภาพันธ์ 2549 04:49 น. - comment id 563082

    แวะมาเยี่ยมค่ะ
    
    อ่านยังไม่จบนะค่ะ
    
    เดี๋ยวแวะมาอีกรอบค่ะ
    
    คิดถึงนะค่ะ
    
    รักเสมอค่ะ
    
    
    36.gif
  • พี่ดอกแก้ว

    25 กุมภาพันธ์ 2549 11:31 น. - comment id 563126

    กนกพงศ์...บุคคลที่เรียบง่าย  นิ่งสงบ มีแต่รอยยิ้มกับความคิดที่ไหวระริกผ่านแววตา และสิ่งที่น่าศรัทธา คือ อุดมการณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนนับตั้งแต่วัยเรียนจวบจนวางวาย
  • พุด

    25 กุมภาพันธ์ 2549 12:29 น. - comment id 563132

    10.gif16.gif
    พุดค่ะ
    มาขอบคุณ
    
    คุณแก้ว 36.gif
    
    คนใจงามดั่งแก้วใสสำหรับพุดเสมอมา
    และ
    แสนซึ้งใจนะคะ
    ที่ยังไม่ทอดทิ้งพุด
    เข้ามาอ่านงาน
    ที่
    พุดเพียรพลีนำมาฝาก
    ให้คนรักบทกวี 
    และ
    นักอยากจะเขียน
    ได้..
    รู้ซึ้งสำนึกถึงค่าคน
    ค่าลมหายใจ
    ว่า
    ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ
    เราก็ควรฝากสิ่งใด
    ไว้ให้กับผืนดินและคนที่รัก
    ก่อนสายเกินค่ะ36.gif
    ...........
    
    คุณ..พระจันทร์เศร้า36.gif
    
    พุดรักลีลาน่ารักเวลาไปฝากคำถึงน้องๆค่ะ
    และ
    ซึ้งนักในงานนะคะ
    พุดดีใจที่เข้ามาค่ะ
    แม้นงานพุด ใครๆจะกลัวแล้วค่ะอิอิ
    ค่าที่ยาวนัก..
    
    แต่..
    พุดคิดค่ะ
    คนรักรจนา
    น่าจะอ่านให้มากมายทุกเรื่องราว
    นะคะ
    ให้ทันโลก ทันเหตุการณ์
    แล้วค่อยมาสกรีนอีกที
    ว่า
    จริงๆแล้วดวงชีวีเรา รักแนวไหนค่ะ36.gif
    
    น้องแสงไร้เงา...36.gif
    
    น้องคือแสงในใจพี่พุดค่ะ
    พี่พุดชื่นใจนักในน้ำใจแสนดี
    ที่..
    พลีให้พี่พุดเสมอมาแทบทุกงานค่ะ
    
    งานพี่
    อ่านเวลามีเวลานะคะ
    น้องจะพบบางสิ่งเสมอ
    สิ่งที่พี่พุดแฝงฝันฝากไว้
    ไม่ว่า
    ความละมุนละเมียด
    ความรัก
    น้ำใจ
    และ
    สำคัญคือ
    ความสงบ เงียบงามค่ะ
    เพราะพี่พุดรักวิถีธรรมชาติค่ะ
    36.gif
    
    พี่ดอกแก้ว..36.gif
    
    พุดจะรักคนกวีทุกท่านค่ะ
    แต่กับ
    คุณกนกพงศ์
    พุดเทใจให้พิเศษ
    เพราะ
    พุดรักคนที่รักวิถีไพรพง  ไพรพฤกษ์ค่ะ
    ..........................
    และ..
    ถึงทุกคนดีที่รักพุดไพรค่ะ
    
    พุดเคยฝัน จะขอไปกางเต๊นท์
    ริมเรือนคุณกนกพงศ์
    แล้วอ่านบทกวีกัน
    แต่..
    ทุกอย่างก็สายเกิน..แล้วค่ะ10.gif
    
    
    พุด..
    ฟังบทเพลงสี่แผ่นดิน
    แล้ว
    อินมากค่ะ
    กับเนื้อเพลง..
    คนมี ชีวิตและกายา
    ถือ กำเนิดเกิดมา
    เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย
    ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่
    กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน
    เป็นแดน ที่ให้ชีวา
    พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน
    คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน
    เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย
    ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
    ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
    ความทุกข์เยือน เรือนกาย
    หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
    สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
    ยามดี เราดีตาม
    ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
    บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
    หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
    ...............
    พุด..
    จึงรู้สึกราวบ้านเมืองเรา
    กำลังร้อนวุ่นวายนัก
    เพราะ..คนไทยไม่รู้คำว่า
    สมถะรู้รักสามามัคคี
    
    คนรวยก็จะรวยไม่เลิก
    แล้ว..
    เวลาชีวีวายเอาอะไรไปได้
    เห็น
    สีหน้าท่านนายก  แล้ว
    ไม่อยากเชื่อว่าท่านรวย
    เจ็ดหมื่นล้านแสนอสงไขยค่ะอิอิ
    เพราะ..
    ดูราวกับแบกโลกไว้แสนหนักนัก
    และ
    ใครๆต่างพากันจะขับไล่
    ให้ไปให้พ้นจากแผ่นดินเกิด10.gif
    
    แล้วอย่างนี้จะรวยไปทำไมคะ
    
    พุด...
    ไปไหว้พระมาค่ะ
    และไปทำบุญคล้ายวันเกิด
    ที่โรงพยาบาลสงฆ์
    เห็นภาพท่านป่วยแล้ว
    ก็แสนเศร้าใจ
    ในวังวนแห่งทุกข์ในสังขาร
    ของทุกข์ มวลมนุษย์ค่ะ
    
    คืนก่อนพุดดูรายการ*บันทึกโลก*
    ก็แสนโศก กับภาพสงคราม
    ที่ผู้คนล้มหายตายจากกันไป
    ถึง50ล้านคน
    กับผลพวงแห่งการห้ำหั่นแย่งชิงกัน
    
    นี่ละหรือคือความเจริญศิวิไลซ์
    และ
    บางครา เวลาพุดเห็นผู้คนมากมาย
    ต่างพากันตะเกียกตะกายดิ้นรน
    จิตพุดราวลอยเหนือเวหน
    แล้ว..
    มองลงมา..ราวกับเห็นภาพเหว่ว้า
    ในท่ามทะเลโลกย์โศก นักค่ะในนึก
    
    10.gif
    
    พุดกำลังซุ่มรจนาเรื่องราว
    เกี่ยวกับเรื่องโบราณ
    ด้วยความรักชาติ
    และ
    อยากหมุนคืนวัน
    ให้คนไท รักเงียบงามสุขสงบ
    สยบอยาก..ในทุกข์กิเลส
    ที่มาทำลาย
    วัฒนธรรม และความเย็นฉ่ำ
    ในดวงจิตคนไท ให้ใจมีเพียงร้อนเร่า
    มิรู้ทันเท่า เท่าทัน
    และ
    แสนน่าเป็นห่วงเยาวชน
    ที่คงรับมือไม่ทันกับกระแสกิเลส
    ที่บ่าโหมโรมรุกมารวดเร็ว
    แทบทุกทิศทางค่ะ
    ให้แสนอ้างว้างใจ10.gif
    
    พุดเริ่มเรื่องไว้ดั่งนี้
    
    36.gif
    ท่ามเดือนเสี้ยว
    เรือนไทยซ่อนตัวโดดเดี่ยว
    ในร่มไม้หอมหอม มากมาย
    
    กลิ่นพิกุล จำปี
    หวานเศร้าลอยลม
    มาเคลียไคล้ร่างหนึ่งนวลในเงามืด 
    ของชานเรือน ที่นอนรับงามหวานเศร้า
    อย่างดายเดียว
    
    เสียงโซ่เรือดังมาจากริมท่าน้ำ
    ก่อนที่ร่างเพรียวแข็งแรงจะเดินช้าช้า
    ขึ้นบันไดมา
    พร้อมกับกลิ่นจากเถาสุพรรณิการ์
    ดอกขาวราวบัวบานจะอวลโชยมาปลอบประโลม
    .......................
    และ
    รอติดตามอ่านนะคะ
    
    จากนักอยากจะเขียน
    ที่รักความโบราณงามเงาในอดีตค่ะ
    และ..
    เมื่อคืน
    พุดร้องเพลงโบราณออกวิทยุด้วยค่ะ
    รู้สึกดีมาก...
    
    จากใจพุด
    
    
    10.gif36.gif
  • พุด

    25 กุมภาพันธ์ 2549 14:04 น. - comment id 563144

    36.gif
    
    ขอแก้คำนิ๊ดนึงค่ะ
    กับเถาไม้เลื้อยที่ชื่อหิรัญยิการ์
    
    ท่ามเดือนเสี้ยว
    เรือนไทยซ่อนตัวโดดเดี่ยว
    ในร่มไม้หอมหอม มากมาย
    
    กลิ่นพิกุล จำปี
    หวานเศร้าลอยลม
    มาเคลียไคล้ร่างหนึ่งนวลในเงามืด 
    ของชานเรือน ที่นอนรับงาม
    อย่างดายเดียว
    
    เสียงโซ่เรือดังมาจากริมท่าน้ำ
    ก่อนที่ร่างเพรียวแข็งแรงจะเดินช้าช้า
    ขึ้นบันไดมา
    พร้อมเถาหิรัญยิการ์ดอกขาว
    ที่บานพราวราวบัวบานอวดโฉมเฝ้ารอรับปลอบประโลม36.gif36.gif
    
    พุดไปเดินดูต้นไม้ค่ะ
    แล้วไปพบต้นหิรัญยิการ์
    ที่ดอกงามมาก
    พยายามสูดกลิ่นก็ไม่มี 
    เลยแปลกดีว่าไม้ไทยพันธุ์นี้
    ทำไมไม่หอม ลองถามคนขาย
    เค้าบอกว่าหอม
    สงสัยต้องหาข้อมูลแล้วค่ะ
  • แทนคุณแทนไท

    25 กุมภาพันธ์ 2549 16:51 น. - comment id 563175

    ในหัวใจผมเมื่อระลึกนึกถึงคุณ นอกจากความภาคภูมิในถิ่นกำเนิดแล้ว ทุกส่วนรู้สึกที่ระลึกถึงมีแต่ความชื่นชม และจิตอันคารวะ 
    
    ดวงตะวันไม่เคยดับครับ และอักษราก็จักไม่เคยตายเช่นกัน ขอให้หลับให้สบายนะครับท่านกนกพงศ์
  • นรีรัตน์

    28 กันยายน 2549 10:42 น. - comment id 609922

    อยากให้พี่ แหม่ม มา  สุ1000%1
    
    
    1.gif1.gif1.gif1.gif11.gif11.gif11.gif6.gif6.gif6.gif6.gif21.gif21.gif20.gif20.gif31.gif31.gif
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    3 กรกฎาคม 2552 20:56 น. - comment id 1009626

    ผมไม่เคยอ่าน นวนิยาย หรือเรื่องสั้น ของคุณ กนกพงศ์ เลย เคยอ่านแต่ใน หนังสือพิมพ์ฯ  เกี่ยวกับต่างประเทศ หรือแม้แต่ประเทศไทย ซึ่งท่านอธิบาย ได้ละเอียด และรู้ลึก รู้จริง  
    
    แต่ก็นานมาแล้ว ที่ผมเลิกเป็นหนอนหนังสือ เพราะผมไม่ใช่หนอน....  เพียงแต่ว่างก็อ่าน  
    
    อายุ 40 ปี น่าเสียดายเหมือนกัน  คนเก่งๆ  ช่างจากไปอย่างรวดเร็วเสียจริง
    
    เกิดชาติหน้า ขอให้มาร่วมอยู่แห่งดินแดนพุทธศาสนา เทอญ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน