http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song213.html (น้ำตาเทียน) อีกราตรี.. ที่...ดวงจุดเทียนทอง ให้ส่องพราวพราย..ณ..ภายในวิมานดิน กลิ่น..ดวงดอกแก้วการะเวกยังคงให้หอมอวล ดวง..เดินไปเด็ดนวลดอกเข็มขาว ที่พราวต้นมาแซมผมช่อหนึ่ง ให้ติดซึ้งตรึงใจริมเรียวแก้ม.. เสียงเพลงบรรเลง..ยังหวานแว่วมาคลอใจ ให้เย็นใสแสนงาม.. ในท่ามความสงบสงัดยามดึก วันนี้.. ดวงได้ไปเดินในตึกกลางดงเมือง ที่ชื่อว่า*สยามพารากอน* หัวใจดวงอรชรมีนัด เพื่อไปบำบัดจิตใจ *ใครบางคน*ที่กำลัง*หัวใจสลาย* ให้..คลายเศร้า ให้.. พลังใจและหวัง มิให้เธอหลงทาง มิให้อ้างว้างหนาวเหน็บลำพัง สิ้นหวัง..เสียจนคิดตัดสินใจอะไรผิดพลาด ในยามที่เธอพบวิบากรักวิบากกรรม ดวง..คิดว่า.. นี่คือโอกาสที่จักแสดงน้ำใจ ตราบใดที่ เรายังหันไปเห็นเพื่อนร่วมโลกพบโศกมากกว่าสุข มีทุกข์เป็นสัจจะ... และ.. ยังมีวันเวลาหลงว่ายวนในห้วงรักเหวลึก ให้ได้นึกคิดตระหนักชัดว่า ... ไม่มีใครดอกหนา ที่ชีวิตจักลิขิตได้ดั่งใจหวัง ดั่งคาดหวัง... ให้.. พบสุขสมบูรณ์แบบไปทุกสิ่งอันที่ต้องการ นอกเสียจาก.. เพียรพยายามหักห้ามใจตนเอง ให้รู้เพรงกรรม ให้รู้รักธรรม รักธรรมชาติ ที่.. คือความพิสุทธิ์สะอาด สงบ สยบกิเลสโลกย์ที่คือโศก มิรู้สิ้น ดวง.. ไปนั่งดูผู้คนเดินกันขวักไขว่อย่างมดปลวก ไม่มีใจอยากเดินดูอะไร นอกจาก.. นั่งพินิจพิจารณาทุกข์กิเลสสรรพสิ่ง ตรงหน้า กับความแสนเหว่ว้าในดวงใจ จิตวิญญาณดวงไพรเหินลอยติดปีก บินไปในท่ามท้องทุ่งนากับฟ้ากว้าง ไปวิมานลอย วิมานวนา พาร่างไปเดินดายเดียวในป่าพงไพรพฤกษ์ มิใช่ดงตึกอย่างนาทีนี้... ไปนอนนิ่งงาม..ในกลางกระท่อมหอมข้าวใหม่ รึมบึงบัวสวยไสวนับพัน ที่.. กำลังพรรณรายพรายผลิแย้มดอกดวงแดง กับสายแสงสีฟ้ายามสลัวมัวหม่นด้วยม่านหมอก หยอกล้อกอข้าวเขียวเรียวรวงยามโพล้เพล้ ด้วย.. ดวงใจที่ถูกกล่อมเห่ ด้วยบทเพลงธรรมชาติ อันแสนงามล้ำ สุขว่างกระจ่างแจ่ม..แตะแต้มให้หอมห้วงในดวงใจ อย่างที่สุด และ.... ให้..หลุดพ้น เลิกมีชีวี.. เสมือนนกไร้ฟ้า ข้าวหลงนา ปลาผิดน้ำ อย่างวันนี้..นาทีนี้..! ................ ลำนำข้าว ..พุดพัดชา ลมพาฝนหล่นพราวราวรวงเพชร ดั่งหยาดเพชรรวงผลิรอละออฝน ริ้วรวงหอมหอมพร่างใจผู้ทกข์ทน หยาดเหงื่อปนหยาดน้ำตาฟ้าเห็นใจ.. เส้นทางเก่าไร้รอยรับคอนกรีต ราวคมมีดกรีดใจจนหวั่นไหว ไม่เหลือรอยงามทุ่งรุ่งกลางใจ มองฟ้าไกลไยหมองเศร้าเคล้าน้ำตา.. ตะวันเดิมเริ่มรับอรุณรุ่ง คนมัวยุ่งจนลืมล่วงคอยห่วงหา ไม่เคยเลยเงยแหงนดูดวงจันทรา ใจเหว่ว้าวิญญาณไพรในกรุงกรง... เส้นทางหอมรายล้อมด้วยกลิ่นดิน ร้างถวิลสิ้นเสน่หาพาลืมหลง กองฟางน้อยคอยอ้ายเอนกายลง โพล้เพล้ลงก่อไฟรุมสุมคอกควาย... คือความงามเรียบง่ายใช้ชีวีอย่างสงบ พอยามพลบเข้าไต้ไฟมองเดือนหงาย ครวญเพลงขลุ่ยลุยทุ่งบนหลังควาย ฝากใจอ้ายคล้ายรอรวงหวงบูชา... เป็นเส้นทางสายรักที่ถักทอด เงางามยอดชีวีขวัญวันห่วงหา มีแม่พ่อพร้อมหน้าอุ่นอุรา มีเวลาเล่านิทานหวานล้อมวง.. เทพีไพรดวงใจงามนิยามแม่ คือรักแท้ยิ่งใหญ่ใจราวหงส์ หวังจอมขวัญจอมใจสืบเผ่าพงศ์ พบรักตรงคงมั่นขวัญงามใจ.. ด้วยหัวใจลูกชาวนาหน้าใจซื่อ ให้ยึดถือความดีดั่งแก้วใส ถึงจนยากขาดแคลนแสนภูมิใจ ด้วยหัวใจเป็นทองผุดผ่องนัก.. ในเส้นทางทุกย่างก้าวพราวหยาดเหงื่อ คือเลือดเนื้อแม่พ่อผู้ภูมิภักดิ์ ราวรวงเรียวรอคมเคียวเกี่ยวรวงรัก เฝ้าฟูมฟักผลิช่อคลอคู่ดิน หยาดน้ำค้างหยอกข้างแก้มแต้มเรียวหญ้า ระฆังลาหวานแว่วแผ่วมิสิ้น พระสงฆ์เดินทอดทางธรรมอย่างอาจินต์ มิรู้สิ้นสายธารทองส่องทางใจ.. เทพีไพรใจงามนิยามแห่งยอดหญิง ก้มกราบนิ่งทิ้งโลกเศร้าหนาวเพียงไหน บรรจงวางบัวดอกงามบูชาใจ อธิษฐานใจยิ่งใหญ่เพื่อลูกชาย.. ให้หัวใจทองลูกชาวนางามผ่องผุด รู้จักหยุดจักรักภักดิ์มั่นหมาย พบหญิงดีดั่งหงส์ทองคู่เคียงกาย ตราบวันตายเป็นพลีภักดิ์รักนิรันดร์... หว่านดวงดอกปัญญาสมาธิ หวังเพียรผลิดั่งข้าวหอมในทุ่งฝัน กลางดวงใจดวงดอกเพชรพร่างนิรันดร์ สานความฝันสืบความดีด้วยงามใจ จบขันข้าวทูนเหนือเกล้ายิ้มละม่อม จูบกระหม่อมหอมแก้มเจ้า น้ำค้างใส หวังแสงทองส่องกระจ่างนำทางใจ พาหัวใจดวงทองล่องธารธรรมนำสู่ฝั่งพระนิพพาน.. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song213.html น้ำตาเทียน... ทูล ทองใจ คืนหนึ่งฉันนอนสะท้อนดวงใจ เห็นน้ำตาเทียน หยดไหล เหมือนใครหลั่งน้ำ ตานอง ในกระท่อมเหมือนดังเป็นวังเวียงทอง ฉันนอนทอดถอนใจมอง น้ำตาเทียนนอง หยดไหล เพียงหยดหนึ่งน้ำตาเทียนเวียนวน เหมือนน้ำตาใครหนึ่งคนเข้าดลสู่สิง ดวงใจ ครั้นเราคู่พนอเดินคลอกันไป ฉันเคยเศร้าช้ำใจได้ ว่าเธอร้องไห้คร่ำครวญ เทียนหลั่งน้ำตาไหล ลงมา หยดหนึ่งเทียนเสียน้ำตา ยิ่งพาให้มีแสงนวล น้ำตานางไหลคราง คร่ำครวญ อาบลงแก้มน้องเนื้อนวล ยิ่งชวนฉันรัญจวนใจ อดีตไม่ลับดับลงสักที เห็นเทียนเรืองรองต้องมีทวีโศกหวลครวญไห้ มองเทียนหลั่งน้ำตาลงมาคราใด ฉันทนปวดร้าวดวงใจ จากไปแล้วแก้วตาเอย...
30 มกราคม 2549 08:33 น. - comment id 556549
เมื่อวานคนที่สยามพารากอนเยอะจังนะคะพี่พุด ใครบางคนที่หัวใจสลายเกือบอดข้าวด้วยสิคะ อิอิ ตราบใดที่ เรายังหันไปเห็นเพื่อนร่วมโลกพบโศกมากกว่าสุข มีทุกข์เป็นสัจจะ... และ.. ยังมีวันเวลาหลงว่ายวนในห้วงรักเหวลึก ให้ได้นึกคิดตระหนักชัดว่า ... ไม่มีใครดอกหนา ที่ชีวิตจักลิขิตได้ดั่งใจหวัง ดั่งคาดหวัง... ให้.. พบสุขสมบูรณ์แบบไปทุกสิ่งอันที่ต้องการ นอกเสียจาก.. เพียรพยายามหักห้ามใจตนเอง ให้รู้เพรงกรรม ให้รู้รักธรรม รักธรรมชาติ ที่.. คือความพิสุทธิ์สะอาด สงบ สยบกิเลสโลกย์ที่คือโศก มิรู้สิ้น ชอบจังค่ะท่อนนี้ จะเก็บไว้บอกตัวองนะคะ
30 มกราคม 2549 08:52 น. - comment id 556556
30 มกราคม 2549 09:11 น. - comment id 556563
สวัสดีครับพี่พุดคนงาม ผมไม่ได้แวะเข้ามาทักทายซะนานเลยนะครับ ได้เข้ามายลทำนองกวีฝีปากของพี่สาวแล้วรู้สึกเหมือนได้พักผ่อน ช่วงนี้แย่หน่อยเลยครับ ไฟราคะกำลังสุมทรวง ร้อนรุ่มพิลึก ก็ได้พี่พุดนี่แหละที่ช่วยดับกัลป์ตรงนั้นได้ ได้อ่านลำนำข้าวแล้วชอบตรงวรรคที่ว่า \"เพทีไพรดวงใจงามนิยามแม่\" พอเหมาะพอเจาะกับที่ผมเพิ่งอ่าน the notebook จบบทแรกพอดี มันมีเนื้อความประมาณว่า ..ธรรมชาติเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ เชื่อว่าพี่พุดคงเห็นด้วยแน่ๆ ผมเองก็เพิ่งจะใกล้ชิดธรรมชาติเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนเหมือนกันนะครับ คือกำลังทำโมเดลส่งอาจารย์ ใช้ดินปลูกบัวมาปั้นเพราะหาได้เท่านี้ ดินธรรมชาตืงี้ฝังในซอกเล็บซะแน่นเลย หยืบปลายนิ้วขึ้นมาดมเมื่อใดก็ได้กลิ่นจางๆ คุ้นจมูก ชวนให้คิดถึงบ้านเลยนะครับ ตอนนี้คำว่าธรรมชาติในชีวิตของผมมันเหมือนจะเป็นได้แค่บริบทในวลีทั่วๆ ไปซะแล้วสิครับ อาทิ ..ทำตัวให้มันเป็นธรรมชาติหน่อย ...แหมนะ ก็มันเป็นธรรมชาติของสุนัขหน่ะ ....ธรรมชาติลงโทษสิมึ* อะไรทำนองนี้ ก็ยังดีครับ อื่ม.. พรุ่งนี้ผมต้องไปสยามพาราก้อนด้วย ยังไงถ้าพี่สาวไปโฉบระแวกนั้นเฉี่ยวผมก็ฉุดทักด้วยนะครับ ฮี้ฮี้ รักษ์รักลักจ้วงจ๊วบจ้า
30 มกราคม 2549 09:11 น. - comment id 556564
เพราะมากขอรับ โอย อ่านตาลาย
30 มกราคม 2549 09:29 น. - comment id 556578
สวัสดีค่ะ พี่พุดสุดรัก... ทุกครั้งที่มีภาระกิจ ที่ต้องไปทำที่ กทม. หากว่างจาก หรือเสร็จจากภาระกิจ แล้ว สิ่งที่มะกรูดจะทำคือ จะไปนั่งอยู่มุมกาแฟ ในห้างสรรพสินค้า....ในมุมที่มองเห็นผู้คนเยอะ ๆ แล้วก็นั่งอ่านหนังสือ อยู่มุมนั้นเป็นนาน.. ให้ไปชีวิตใน กทม. คงไม่แล้ว อยู่บ้านนา เราดีที่สุด... ณ ตอนนี้คิดอย่างนี้....
30 มกราคม 2549 10:35 น. - comment id 556626
หยาดน้ำค้างหยอกข้างแก้มแต้มเรียวหญ้า เดินลัดเลาะทุ่งนาป่าข้าวเขียว หัวใจชุ่มหนุ่มนารอรวงเรียว จับเคียวคมก้มเกี่ยวเรียวรวงงาม เทพีไพรใจงามตามท้องทุ่ง หอมจรุงกลิ่นไอใจไหวหวาม ช่างพิสุทธิ์ผุดผ่องหนอนงราม อุ่นทุกยามยามชิดใกล้ใกล้ปรางนวล ร่ายบรรเลงเพลงขลุ่ยทุยนิ่งฟัง ทุยเจ้ายังรู้ได้ใครกำสรวล เทพีไพรใจงามทรามเนื้อนวล มาตีรวนร้างราจากนาดอน ทอดถอนใจเอนกายใต้ฟางนุ่ม ก่อนเกาะกุมกรเกี่ยวเกี้ยวอัปสร เหลือเพียงเงาจางจางจากบังอร ทิ้งไว้ก่อนจากอ้ายไปสู่กรุง ******************************** ยอดเยี่ยมแม่พุดไพร
30 มกราคม 2549 12:03 น. - comment id 556643
น้องเพียงพลิ้วคะ พี่พุด.. กำลังจะปล่อยปลาริม แม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ และ.. ไปหาอะไรทาน แกล้มสายธารนทีทอง.. เมื่อวาน.. เข้าเมือง ที่พี่พุดนานครั้งค่ะ จะได้เข้าไปทำธุระ แล้ว.. ก็ได้แต่นั่งนิ่งๆมองผู้คนอลหม่าน ผ่านตาไปมา ที่ยามพิจารณาดู ก็ให้งามสัจจะสอนใจ ในดวงจิตพี่พุดมากมายค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องที่คงอธิบายได้ยากค่ะ สำหรับ..ความคิดแผกแบบพี่พุด.อิอิ อย่างไรๆโลก..แบบโลกาภิวัฒน์คง ยังต้องหมุนไป ยากที่คนใครจะหยุดได้ค่ะ เป็น.. กระแสเมืองเรืองรุ่งในทางวัตถุค่ะ ที่ชีวีพี่พุดไพร..ทำอย่างไรๆก็ไม่รักค่ะ และ เหนื่อยใจนักแค่รับผัสสะเท่าที่ตาเห็น ซึ้งใจค่ะ ที่งานพี่พุด พอมีประโยชน์แด่น้องบ้างนะคะ
30 มกราคม 2549 12:08 น. - comment id 556644
ฝากในงาน น้องพานทองแท้ พี่พุด..รักคำ *เดินด้วยใจไปด้วยรักค่ะ* เพราะคืองามนักในนึกพี่พุดค่ะ ว่าหาก น้องพานทอง(แท้ในใจพี่พุด)คนเดียวคนดี ได้พบพลี.. รักที่แสนงามจิต ดั่งคู่ชีวิต..คู่บุญคู่ธรรมคู่ทอง (มิใช่คู่ท้องเพียงอย่างเดียว)อิอิ คงมีพลัง เกี่ยวก้อยกันทำความดี พลีแด่ตัวเอง ครอบครัว และเผื่อแผ่ไปยังผองชน คนร่วมผืนดินเดียวกัน ด้วยมีพลังใจนะคะ พี่พุดจึงคิดว่า หากน้องเลือกจะมีรัก ก็ขอให้น้องได้พบรักที่แสนงาม นิยามแห่งการ*ให้* ดั่งเพื่อนใจที่จักไม่ลาเลือน เพราะ.. คำว่าเพื่อน..คือคนที่จะคอยเคียงข้าง ไร้การยึดมั่นหึงหวง เพียงคาดหวังครอบครองค่ะ น้องรัก สักพัก พี่พุด..ต้องไปสนามบินค่ะ ไปยืนน้ำตารินร่วง อย่างเดียวดายอีกตามเคย รักและซึ้งนักที่ยังนึกถึงพี่พุดเสมอมาค่ะ
30 มกราคม 2549 12:10 น. - comment id 556646
พี่พุดจะกลับมาตอบคำ นอ้งรักษ์ ที่แสนรักในยามค่ำค่ะ รวมทั้งน้องแมงกุ๊ดจี่ คุณทานที่ฝากงานงามดิบไว้ด้วยดวงใจ ด้วยรักค่ะ
31 มกราคม 2549 00:08 น. - comment id 556799
เธอมากับแดดเหลืองของเมืองหลวง ดวงจิตนิรมิตความเศร้าหมอง เธอเดินมาทุกข์ทนบนครรลอง ชมทำนองเมืองร้อนร้ายวุ่ยวายนัก ณ ใจกลางเมืองนั้นมีดอกไม้ ดอกข้าวใหม่หอมมิวายกลิ่นจำหลัก แปลกสังเวชผู้คนทุกข์ทนนัก ดอกข้าวใหม่มิเคยพักดวงวิญญาณ เธอเข้าเมืองเดินเที่ยวประเดี่ยวใจ ดอกข้าวใหม่อยู่ที่นี้น่าสงสาร ดับกลิ่นดินกลิ่นฝันของวันวาน เหี่ยวเฉาอยู่ ณ สุสานของเมืองรอน เบื่อ เบื่อ เบื่อ แสนเบื่อหน่าย รอจุดหมายคืนถิ่นรวงข้าวสลอน ดอกข้าวใหม่น้ำนองหน้ามาวิงวอน ตายลวกร้อนดับความฝันวันนี้แล้ว!!! เมื่อไหร่หนอภาระกิจจักจบสิ้น กลับไปยินลมพัดพลิ้วรวงทิวแถว เดี่ยวดายในบึงบัวเรือพายแจว คลาดแคล้วอายตะวัตถุนิยม!! สำหรับคนที่เข้ามามานานๆ ครั้งยังให้เบื่อเสียนี้กระไรแล้ว แล้วคนที่อยู่ในเมืองนี้หล่ะ อยากจะตายวัยตายพรุ่งเสียให้รู้แล้วรู้รอด
31 มกราคม 2549 00:31 น. - comment id 556800
Hello พี่พุด... I just want to say \"\" Hi \"\" and miss you .... take care na ka.. With a big love.... Meow...
31 มกราคม 2549 12:35 น. - comment id 556923
แวะมาชื่นชมนะคะพี่พุด
1 กุมภาพันธ์ 2549 01:52 น. - comment id 557117
ครูใหญ่อยากเห็นสยามพารากอน จัง แวะมาฟังเพลงยามดึกครับ คืนนี้ท่าจะนอนดึก คุณพุดสรรบรรยากาศอันน่าภิรมย์มาให้ชม ได้ยินเพลงนี้ผมนึกถึงตอนเรียน ม.ปลาย ชอบนอนแต่หัวค่ำ ตื่นตีสองตีสามมาอ่านหนังสือเตรียมเอนทรานซ์ ผมเป็นคนที่อ่านตำราด้วยเปิดเพลงฟังด้วย(พ่อกับแม่ดุประจำ ชอบเปิดวิทยุแล้วก้หลับ) ตอนนั้นไม่มีเอฟเอ็มหรอก ฟังเอเอ็ม เสียงขาด ๆ หาย ๆ คลื่นแทรก แต่มันเป็นบรรยากาศที่หายากแล้วนะ ทุกวันนี้ผมยังฟังเอเอ็มอยู่นะ คิดถึงอดีตน่ะ ไม่ใช่อะไรหรอก
30 มิถุนายน 2552 19:15 น. - comment id 1008234
ผมอ่านแล้วซึ้งใจมากครับ ไม่ได้หวังให้พี่พุดมาอ่าน แต่เป็นการแสดงความรู้สึก และระบายออกมา ผมเองก็ไม่ชอบชีวิตในเมืองหรอกครับ สับสน ว้าวุ่น ชีวิตก็มีความฝัน แต่ไม่รู้จะทำความฝันให้เป็นจริงกะเขาได้ไหม ผมอ่อนด้อยต่อโลกพอสมควร