http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html บุพเพสันนิวาส บุพเพรักพามาให้พานพบ แล้วก็จบแล้วก็จากฝากศักดิ์ศรี ดั่งโซ่สร้อยร้อยสวาทฝากภักดี แล้วก็พลีแล้วก็พร้อมยอมพรากรัก เหมือนเธอฉันพระพรหมกั้นสวรรค์วาย จึงเดียวดายไร้พบมิสบพักตร์ ฝากสายใยสายใจเพียงในฝันนะที่รัก ถึงมั่นภักดิ์หากสายไปในเวลา ถือเป็นโชคได้รู้จักสมัครหมาย ก่อนชีพวายวางบ่วงกรรมย้ำห่วงหา ตัดสายใจเยื่อใยเสน่หากัปป์กาลเวลา มิเหว่ว้ามิหลงทางเคว้งคว้างใจ ปรารถนาจุติจิตสถิตงามท่ามโลกทิพย์ ดั่งนิมิตขวัญสวรรค์ไสว ยอมเดียวดายลำพังสู่ฝั่งใจ ไม่เป็นไรลมหายใจแสนสั้นวันพรากลา บุพเพเศร้าหนาวเหน็บในทุกนึก คือรู้สึกสิ้นไร้ร่างว่างปรารถนา ไฉนเลยวิบากกรรมย้ำวนมา ชั่วดินฟ้าหวังโศกสิ้นถวิลภักดิ์ ถึงมีจำไม่มีใจจึงไม่เจ็บ ถึงหนาวเหน็บเคยชินความสิ้นรัก มีดายเดียวเปลี่ยวเหงาแทนที่รัก แทนอ้อมตักอ้อมใจใครบางคน วันจำพรากจากจบคงไม่นาน หากตราบกาลฝากทรงจำทุกแห่งหน หากตราบใดสายนทียังรี่ไหลในสกนธ์ ในกมลตรารอยธารหวานนิรันดร์... .............. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html บุพเพสันนิวาส เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด บุพเพ สันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์ คู่ ใคร คู่ เขา รักยังคอย เฝ้าชม คอยภิรมย์ เรื่อย มา ขอบน้ำขวางหน้า ขอบฟ้าขวางกั้น บุพเพยังสรรค์ประสบ ให้ได้สบ พบรักกันได้ ห่าง กัน แค่ ไหน เขาสูงบัง กั้นไว้ รักยังได้ บู ชา ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน รักไม่มี ศาสนา แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กันนา พรหม ลิขิต พาชื่นใจ รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ ความรักเช่นนั้นให้โทษ จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้ ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้ รักจึงได้ แรม รา ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน รักไม่มี ศาสนา แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กัน มา พรหม ลิขิต พาชื่นใจ รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ ความรักเช่นนั้นให้โทษ จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้ ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้ รักจึงได้ แรม รา...
21 มกราคม 2549 09:13 น. - comment id 554480
ความหนึ่งใน*สไบนวลสไบนาง* หนึ่งในเรื่องรจนาที่พุดแสนรักค่ะ urlhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=480 (คำมั่นสัญญา) ตะวันดวงรอนรอน ทอแสงทองทอดสวย...ส้มอมชมพูประปราย คล้ายสาดสีด้วยฝีมือจิตรกรเอกของโลกชื่อธรรมชาติ กระจายฉายฉานรัศมีสีรุ้ง เหนือเจดีย์วัดไชยวัฒนาราม ในยามตะวันชิงพลบ ที่งามสงบเก่าคร่ำงามล้ำค่ามลังเมลือง งามราวเมืองสวรรค์ลอยมาเยือนหล้า ราวปวงเทพยดาเนรมิตรเป็นทิพยวิมานสถานสถิต ผ่านเงางามแห่งอดีตอันวิจิตรศิลป์ หากทว่าฝากเรื่องราวแสนเศร้ารานร้าวใจ ถึงมาตรแม้นจะเป็นวัดไร้ร้าง สิ่งก่อสร้างที่เหลืออยู่มีก็เพียง พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ และเจดีย์รายตามพระระเบียงคดรอบ พระปรางค์ ให้ดวงใจ..*สไบนวล* เหว่ว้าดายเดียว ราวไร้เสียงสังคีตดีดสีตีเป่าเหงาเงียบ ช่างสะเทือนสะท้านสะท้อนใจ วะแว่วแผ่วเพียงเสียงขับเสภางาม สุดกำสรวลเศร้ามาจากเวียงวังในครั้งบุราณกาล ************ รอนรอนสุริยคล้อย สายัณห์ เรื่อยเรื่อยเรื่อแสงจันทร์ ส่องฟ้า รอนรอนจิตกระสัน เสียวสวาท แม่เอย เรื่อยเรี่อยเรียมคอยถ้า ที่นั้นห่อนเห็น ฯ เรื่อยเรื่อยมารอนรอน สุริยาจรเข้าสายัณห์ เรื่อรองส่องสีจันทร์ ส่งแสงกล้าน่าพิศวง ลิ่วลิ่วจันทร์แจ่มฟ้า เหมือนพักตราหน้านวลผจง สูงสวยรวยรูปทรง ส่งสีเจ้าเท่าสีจันทร์ เอวอ่อนชอ้อนองค์ โฉมอนงค์ทรงสาวสวรรค์ หาไหนไม่เทียมทัน ขวัญเนตรพี่นี้น่ารัก ขาวสุดพุดจีบจีน เจ้ามีสีนพี่มีศักดิ์ ทั้งวังเขาชังนัก แต่พี่รักเจ้าคนเดียว นอนนั่งตั้งอาลัย สายสุดใจไม่แลเหลียว หวังชมสมกลมเกลียว ควรฤาน้องข้องใจเคือง ขาวสุดพุดซ้อนแซม เนื้อแอร่มอร่ามเหลือง โฉมอ่ากว่าทั้งเมือง หนแห่งใดไม่เหมือนเลย ได้น้องทองนพมาศ มาสังวาสพาดชมเชย ร่วมเรือนเพื่อนพิงเขนย เคยวิงวอนอ่อนหวานคำ ฝนตกยกปีกป้อง ฟ้าร้องต้องเอาตนงำ ชิดเชื้อเนื้อนวลขำ อ่อนลมุนอุ่นอกเรียม รักนุชสุดสายใจ ต้องฤทัยไม่เท่าเทียม ขอต้องน้องอายเหนียม เกรียมจิตเจ้าเฝ้าทุกข์ทน ฝนตกฝนหากตก แก้วกับอกอย่าโกรธฝน ลมพัดรับขวัญบน แก้วโกมลมานอนเนา ฝนตกไม่ทั่วฟ้า เยนแหล่งหล้าในภูเขา ไม่เยนในอกเรา เพราะเพื่อนเคล้าเจ้าอยู่ไกล เรียมร่ำน้ำตาตก อกร้อนรุ่มดังสุมไฟ แสนคนึงถึงสายใจ เจ้าไกลสวาทนิราศเรียม ฯ เสียงสรวลระรี่นี้ เสียงใด เสียงนุชพี่ฤาใคร ใคร่รู้ เสียงสรวลเสียงทรามวัย นุชพี่ มาแม่ เสียงบังอรสมรผู้ อื่นนั้นฤามี ฯ เสียงสรวลระรี่นี้ เสียงแก้วพี่ฤาเสียงใคร เสียงสรวลเสียงทรามวัย สุดสายใจพี่ตามมา ลมชวยรวยกลิ่นน้อง หอมเรื่อยต้องคลองนาสา เคลือบเคล้นเหนคล้ายมา เหลียวหาเจ้าเปล่าวังเวง ยามสองฆ้องยามย่ำ ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง เสียงปี่มีครวญเครง เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน ล่วงสามยามปลายแล้ว จนไก่แก้วแว่วขับขาน ม่อยหลับกลับบันดาล ฝันเห็นน้องต้องติดตา เพรางายวายเสพย์รส แสนกำสรดอดโอชา อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกาหน้านองชล เวรามาทันแล้ว จึ่งจำแคล้วแก้วโกมล ให้แค้นแสนสุดทน ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย งามทรงวงดังวาด งามมารยาทนาดกรกราย งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล แต่เช้าเท่าถึงเยน กล้ำกลืนเขญเปนอาจิณ ชายใดในแผ่นดิน ไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ฯ เรียมทนทุกข์แต่เช้า ถึงเยน มาสู่สมคืนเขญ หม่นไหม้ ชายใดจากสมรเปน ทุกข์เท่า เรียมเลย จากคู่วันเดียวได้ ทุกข์ปิ้มปานปี ฯ ******************* และพลันพาทำให้สไบนวล หวนรำลึกนึกคะนึงถึง บทกวีเอกของเจ้าฟ้ากุ้ง**นิราศธารทองแดง* ที่ชมไม้ดอกและธรรมชาติอันแสนงดงาม ********** ชาตบุษ์ปพุทธชาตซาบ กุหลาบกนาบทั้งสองทาง เบงระมาดยี่สุ่นกาง กลีบบานเพราเหล่าดาวเรือง ฯ ชาตบุษ์ปพุทธชาตขึ้น เคียงกลาง กุหลาบกนาบสองทาง กลิ่นฟุ้ง เบงระมาดยี่สุ่นกาง ตรงกลีบ สาวสาวฉวยชิงหยุ้ง เก็บร้อยรอยกรอง ฯ ๖๒ เพกาสาเกกุ่ม ไม้ตาตุ่มทุมราชา สุกรมมะยมพวา ไม้หมากข้าขานางเปล้า ฯ เพกาฟักย้อมกุ่ม ผลหนา ตาตุ่มทุมราชา เนื่องหน้า สุกรมมะยมพวา ชมพู่ สาเกไม้หมากข้า อิกเปล้าขานาง ฯ ๖๓ กะจายสยายซร้องนาง ผ้าสไบบางนางสีดา ห่อห้อยย้อยลงมา แต่ค่าไม้ใหญ่สูงงาม ฯ กะจายสยายคลี่ซร้อง นงพะงา สไบบางนางสีดา ห่อห้อย ยื่นเลื้อยเฟื้อยลงมา โบยโบก แต่ค่าไม้ใหญ่น้อย แกว่งเยื้องไปมา ฯ ๖๔ กระเช้าเจ้าบรรจง ปากแฉกตรงทรงหาบหาม แล่งปืนของพระราม รูปงามดีมีสืบมา ฯ กะเช้านางแต่งเจ้า ผจงงาม ปากแฉกทรงหาบหาม ห่วงห้อย แล่งปืนของพระราม ยังอยู่ รูปร่างงามน้อยน้อย งอนขึ้นสืบมา ฯ ๖๕ เล็บนางงามแสล้ม ต้นนางแย้มแกมดองดึง สุพรรณิกากากระทึง ดอกราชพฤกษ์ซึกไทรไตร ฯ เล็บนางนวยแน่งน้อย พอพึง นางแย้มแกมดองดึง อีกอ้อย สุพรรณิกากากระทึง บานแบ่ง ราชพฤกษ์ซึกดวงย้อย พู่เพี้ยงไทรไตร ฯ ๖๖ ชงโคตะโกตะขบหว้า ต้นตุมกากาฝากลง ชอบกลต้นมหาหงส์ มะเดื่อดูกลูกนมแมว ฯ ชงโคตะโกขบหว้า ดาดดง ตุมกากาฝากลง ติดไม้ นมแมวมหาหงส์ เห็นอยู่ มะเดื่อดูกลูกงอกได้ แส่ทึ้งสอยกิน ฯ ********* สไบนวล..สนใจเมืองเก่านี้ และหลายครา ที่เธอจะเห็นในภาพฝัน คืนที่พระจันทร์ผ่องเพ็ญเต็มดวง ในฝัน.... เธอจะห่มสไบแพรสไบขวัญสีโศกสีเศร้า และทัดดวงดอกลั่นทมสีขาวพราวริมแก้มแซมผมหอม..ให้หอม ..................... ............................. มีต่อค่ะ
21 มกราคม 2549 23:42 น. - comment id 554609
อ่านเพลิดเพลินใจยิ่งแท้ครับ หลายรสหลายหลากมากด้วยอารมณ์ ค่อยอ่านต่อครับ แก้วประเสริฐ.
22 มกราคม 2549 00:22 น. - comment id 554612
เพลงบุพเพสันนิวาส ไพเราะมากค่ะ เคยฟัง
22 มกราคม 2549 00:57 น. - comment id 554614
ซ่อนความลึกซึ้งไว้ทุกส่วน ซ่อนเสน่หานิ่มนวลมิได้เสแสร้ง ซ่อนอำนาจดูดดึงไว้รึงแรง ซ่อนแววเสาะแสวงมิรู้วาย อยู่ในห้วงคิดของคนอื่น เป็นความแช่มชื่นที่แผ่ขยาย อยู่อย่างต้นแบบที่แยบคาย เป็นเชิงอรรถอธิบายแห่งบรรพชน
22 มกราคม 2549 08:23 น. - comment id 554633
...it\'s very nice... miss you.. take care...na ka..
22 มกราคม 2549 10:04 น. - comment id 554640
ยิ่งอ่านยิ่งเพลินค่ะ..แถมพี่พุดมีเพลงมาบรรเลงบุญเพสันนิวาสมาให้ฟังอีกชื่นใจจริงๆๆ รักพี่พุดน่ะค่ะ กระต่าย