http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html (คนเดียวในดวงใจ) ................ ท่ามกลางม่านหมอกหม่นมัวแห่งม่านน้ำทะเล กระจายกระทบหน้าต่างกระจกเรือบานกว้าง จนแตกพรายพร่างคล้ายสายน้ำตกคอยสาดซัดซ่าตลอดเวลา เรือที่... กำลังวิ่งฝ่าฟองคลื่น จากฝั่งฝันสวรรค์พะงันงาม...ตรงไปยังเกาะสมุย ในท่ามทัศนวิสัยแสนน่าหวั่นวิตก ด้วยลมพายุที่มีชื่อว่าลมพัทยา และ.. ท่ามกลางสายฝนบนฟ้าที่เทลงมาราวฟ้ารั่วอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทะเล..นั่งทอดตานิ่งงัน.. ดูคลื่นที่กำลังถาโถมทอยทอดมามิขาดระยะที่สูงท่วมลำเรือ จนดูราวกับว่า... เรือสปีดโบ๊ทลำใหญ่ยักษ์ ที่พานักท่องเที่ยวนักเดินทางทั้งไทยเทศ เกือบครึ่งพัน..กำลังหาฝั่งฝันมิพบเจอ เสมือนฝ่าฟันไปท่ามทะเลมืดดำมาทุกทิศทาง ด้วย.. พลังใจที่ไร้ไหวหวั่นไร้หวั่นไหว ไม่วิตกกังวลใด...มากมายนัก ราวคลื่นลมตรงหน้าที่มาทายท้ามาทายทัก คือบททดสอบจิตทดสอบใจ ว่า... หัวใจดวงนวลไสวของลูกผู้หญิงทะเลคนนี้ ที่มีชีวิตเลือดเนื้อเกิดมากับทะเลเหว่ว้าตรงหน้า กับฟ้ากว้างแสนกว้างกระจ่างใสยามไร้พายุ กับ.. ทุกนิยามแห่งความกล้าแกร่งแฝงความรู้อดรู้ทน จะ...ยังคงหลงเหลือรอยที่คอยเคล้าคลุกในเนื้อกมล จนเป็นหนึ่งเดียวกับเนื้อดินหรือไม่ และกับ... ทุกพายุใจพายุจริง มรสุมชีวิต ที่ถูกลิขิตให้เกิดมากับคำว่า...*คืบก็ทะเลศอกก็ทะเล* ว่า.. ณ..บัดนี้..นวลเนื้อจิต จะยังคงน้ำเนื้อชีวิตแบบลูกทะเล..ทะเล ที่.. ไม่ว่าพายุใจพายุจริง...จะวิ่งมาชน สักกี่รอบก็ยังคงรู้นิ่งรู้ยอมรับธรรมชาติ รู้สกัดความกลัว รู้กล้าเผชิญ .... และ.. ในท่ามพายุจริง...นาทีนี้ ทะเล..จึงเพียงนั่งนิ่งทิ้งใจถอดใจ แลหลังไปยังฝั่งฝันแผ่นดินแม่มาตุภูมิ ที่..กำลังพรากลา กำลังพรากมา...ด้วยหยาดน้ำตา ที่... กำลังรินบ่าพร่ารดอย่างรันทดท้อ ... ณ..ภายในใจดวงใสแสนงาม ด้วย.. แสนรานร้าวเศร้าหมองไปกับครรลองแห่งวิถีชีวิตผู้คน และ... ธรรมชาติที่กำลังแปรปนเปลี่ยนไป อย่างยากย้อนคืน... .............. ทะเล... คืนหลังกลับบ้านมาเพียงไม่กี่วัน หากบรรยากาศที่นั่น ได้ผันแปรไปอย่างรวดเร็ว ตามกระแสกิเลสโลกย์โศกมากกว่าสุข ที่ดูเพียงเปลือกนอกแล้วคือแสนสนุกเริงรื่นชื่นบาน กันไปถ้วนหน้าด้วยเงินงามสะพัด หาก.. แฝงทุกข์ถนัดในหลากเรื่องราวให้แสนเศร้าหมอง เมื่อใช้จิตตรองให้ลึกล้ำ ถึง..ปัญหาที่ซ่อนเงื่อนงำฝากธรรมคอยย้ำเตือน ให้เห็นผู้คนพากันเพลิน.. หลงเลือกเดินบูชาวิถี..ที่มากับเงินงาม ในท่ามความเตือนภัยจากธรรมชาติ จาก..หลากหลายบทเรียน.. ไม่ว่าน้ำป่าที่ไหลบ่ามาจากเทือกเขาสูง ที่ณ..บัดนี้เปลี่ยนยอดเขียวใสเป็นทิวตึกไสวไปเสียแทบทุกเขาแทน และ...นับวันจะยิ่งแน่นขนัด ให้ความเขียวไพรหายไป จน.. ไม่มีมิ่งไม้ใหญ่คอยกักกั้น..มิให้น้ำป่านั้น ไหลลงอย่างช้าช้า ... ใช่...!ลงมาอย่างรวดเร็ว จนรับมือไม่ทัน จนมาท่วมขัง..ไม่มีทางไป... ในเมื่อทางน้ำไหล..ลงทะเล... ถูกปิดกั้น....หันมาใช้เนื้อดินแสนแพงนั้น มาทำธุรกิจเกื้อประโยชน์กันทุกธุลีดิน จน.. ไม่มีใครถวิลคิด ตระหนักชัดว่า กำลังทายท้าฝ่าฝืนธรรมชาติ อย่างไม่น่าให้อภัย... และ.. หากวันใดธรรมชาติทนไม่ไหว ใช้บทลงโทษพิโรธขึ้นมา ก็คงสายเกินจะกล่าวคำว่าเสียใจอย่างภัยพายุสึนามิ ที่แสนโศกสะเทือน...! ทะเล...เศร้าใจ...ยามนั่งเครื่องแล้วมอง ลงมาบนพื้นพสุธา จากฟากฟ้าเบื้องบน ที่ดูดูผู้คนเปรียบดั่งธุลีหล้า ราว.. มดปลวกมากมายต่างพากันใช้ชีวิตตะเกียกตะกาย หมายเอาตัวรอดปลอดภัยให้มีกินมีใช้ หากมิใช่เพียงนั้น เพราะมีบางใครบางคน นอกจากไม่รู้คืนกมลให้รู้รักษ์โลก ยังคิดฝากโศกทำลายให้ย่อยยับอัปรา แม้นจะยอมรับว่าโลกใบนิดน้อยนี้ ที่มีแผ่นดินเพียงหนึ่งในสี่ และ.. มีมหันตภัยจากน้ำรอมากรายกล้ำท่วมล้ำรายรอบ ให้บอบช้ำ ให้ทุกชีวันชีวีรอบรรลัย เพราะ.. ไร้พลังบารมีใดจะมาหยุดยั้งกั้นกิเลสในหัวใจคนคนคน ที่มากล้นด้วยความอยากอยาก และอยาก และ.. แสนยากที่จะห้ามการทำลาย... คล้ายน้ำเงินงาม.. ได้ถูกหว่านโปรยโรยไปทั่วหล้าพาหลอมละลายจิตวิญญาณ แห่งความรู้ผิดชอบชั่วดีกลายกลบเสียงพลังแห่งฟ้าดิน...สิ้นแล้ว อาจมีเพียงมนุษย์คนดีสักหยิบมือเดียว ที่ยังเพียรมิท้อ ขอปิดทองหลังพระ พอจะร่วมมือกันพิทักษ์รู้รักษ์โลกหล้า...รู้ค่าแห่งพลังธรรม อันคือ...ความงามล้ำเลอค่าแสนยิ่งใหญ่ ที่มนุษย์น่าจะเฉลียวใจว่า.. *ไม่มีผู้ใดจะเอาชนะได้* แม้นมีอำนาจเงินมากองท่วมฟ้า..ก็อย่าได้หวังเลย...! .............. นั่นคือเรื่องราวแห่งพายุจริง..พายุใจ. สิ่งที่ทะเลกำลังประสบสะเทือนในนาทีตรงหน้า หากทว่า... อีกบทหนึ่งคือ..*เรื่องราวแห่งชีวิตจิตวิญญาณ* ที่แสนสวยใสแสนงาม... ราวภาพ..ค่อยๆลอยเลื่อนไหล... เข้ามาในคลองจิตอย่างช้าช้า...ช้าช้า... จาก... คืนวันก่อนหน้า ให้ย้อนรอยถอยหลัง..ฝังฝากบทเรียนแห่งชีวิต ที่เป็นอีกบทหนึ่งอันแสนงดงามตราตรึง ในท่ามโลกอันอึงคะนึงแล้งไร้.. แสนวายวุ่นวกวน..สับสนปนเปแปรผัน ในท่ามกลางผู้คนนับหลายพันล้าน... แล.. ดั่งเรานั้น...คือธุลีหล้า.. ที่เพียงฝากค่าความทรงจำไว้ลำพัง..ให้ฝังจำในรอยใจ... ก่อนชีพเราจะลาลับดับไป ...ในไม่นานวัน...อันคือสัจจะแน่นอน... มิมีวันย้อนหวนคืน... ........ ภาพ.... คนดีที่ทะเลเคยรักภักดี..มา..*สิบห้าปีที่รอคอย* มานั่งทิ้งตาอ้อยสร้อยรอ..*ทะเล..*ริมฝั่งฝัน กับ.. คืนจันทร์เสี้ยวดวงเศร้า ที่คลี่ดวงบนราวฟ้า พร้อมรอเวลาแย้มนวลพักตร์พูนดวงรับฝันทุกมวลหมู่มนุษย์ ให้พบพลังฝันมหัศจรรย์รัก ให้พลังจันทร์ประดุจดั่งพลังใจ แด่ทุกผู้คนที่พากันหลั่งไหลมาจากแดนไกล ด้วยใหลหลงในมนต์ฝัน*วันพระจันทร์หวาน* จนเกิดงานปาร์ตี้สนั่นโลก..*ฟูลมูลปาร์ตี้* และ.. ในทุกถิ่นที่ ไม่ว่าในราวเมืองหรือราวไพร... ไม่เลือกที่รักกับผู้ใด เพียงพลีมอบให้ทุกผู้คนบนผืนโลกอย่างเท่าเทียม ทั่วทั้งผืนดินไทยแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง และ... ที่ยังมีดวงตาสองข้างไม่มืดบอดให้ได้จ้องมองพอกัน เพื่อทอฝันไสว เพื่อเป็นพลังใจพลังจันทร์ ได้พลีปันแบ่ง...ยามต้องแสงฉาย... คล้ายดั่งพลังฝัน ไม่ว่ายามชิดใกล้ กัน..ฤาพรากไกล..ให้ในรู้สึกได้ล้ำลึกในอารมณ์ร่วม.. ได้หลอมรวมใจ..ได้ฝันฝากใจ.. ......... และ ระหว่างเรา ระหว่างจันทร์ ระหว่างคืนวันแสนนาน ที่นับเนื่องเนิ่นนานผ่านทิวากาลรานร้าว ผ่านราตรีแสนเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงา มีเพียงเงาใจกันและกัน วันที่ทะเลคืนหลังกลับบ้าน และ.. อีกคราครั้ง ที่คุณ...ย้ายกลับมา ดำรงตำแหน่งอันแสนทรงเกียรติน่าภาคภูมิใจ เพื่อทำหน้าที่ให้สมกับ*ข้าแห่งแผ่นดินไทย* ในแผ่นดินแม่มาตุภูมิที่ทะเลภูมิใจและแสนรัก และ.... เพียรหวังฝังฝาก ให้สมกับได้เกิดมาใต้ร่มฟ้าร่มพระรัตนตรัย ใต้ร่มฉัตรอันแสนยิ่งใหญ่ มากล้นน้ำพระทัยมากพระเมตตาพระบารมี ให้ทุกดวงใจแสนร่มเย็นเป็นสุข ไปทุกหย่อมหญ้า..อย่างควรรู้ค่ากตเวทิตา..คุณตอบแทน.. และกับ อีกคราครั้งราวโลกหล้าฟ้าดินเมตตาพากันจับวาง ให้โลกที่เคยเหว่ว้าอ้างว้างได้เติมเต็ม.. *เราสบตากัน*.. ในท่ามพระจันทร์หวาน กับ... เสียงลมที่เลิกคราง.. เสียงคลื่นที่เลิกพ้อ.. ทิวมะพร้าวที่ขอแค่ไหวใบรับรู้... ดู.. หยาดน้ำตาพราวในท่ามเงาเดือนดาว ที่พลีหลั่งริน ร่วมรับขวัญมิสิ้นกับวันเวลาแห่งราตรีรักภักดี ที่พลีรอมานาน สิบห้าปี... กับ.. คนดีที่ยังเหมือนเดิม..เหมือนเดิม เพิ่มมาเพียงความซาบซึ้งเกินซาบซึ้ง ให้ตรึงตรา..สัจจะธรรม.. แห่งพลังจิตวิญญาณรักอันแสนหนักแน่นมั่นคง อย่างสอนให้ตระหนักชัด.. ถึงคำว่า... *รักแสนดีแสนงามนั้น* ใช่..!หวังเพียงแค่ครอบครอง เนื้อหนัง ใช่...!เพียงไม่รู้ผิดชอบชั่วดี หากโลกนี้รักนี้ยังมีอีกหลายรูปแบบ *รักอย่างมิ่งมิตร* ที่จักสถิตทอดทอขอเพียงช่วยเหลือห่วงใย มอบเพียงน้ำใจแสนดีพลีให้แก่กันและกัน และ.. กับ..*กาลเวลาที่เป็นดั่งเครื่องพิสูจน์...* เรา...อยู่ในอ้อมขวัญอ้อมกอดกันนิ่งนาน ในท่ามน้ำตาแห่งปิติ คุณเวียนพลีจูบริมแก้มหอมอย่างถนอมขวัญซ้ำๆซากๆ เสมือนพี่ชายแสนดี ผู้พลีใจรอรับขวัญน้องน้อย ผู้พรากไกลบ้านมานานวัน...ให้หลงฝันเฝ้ารอ ราว...พรานทะเลพเนจรผู้เหว่ว้า เห็นเพียงฟ้ากับน้ำ ได้หันหลังคืนฝั่ง คืนหลังสู่อ้อมกอดแม่ยอดยาใจ...ในที่สุด ได้หยุดลมหายใจแสนภักดิ์.. ไว้ในอ้อมตักอ้อมใจในอ้อมรักไปตราบชั่วกาลนานเนานิจนิรันดร์... และ.... ในท่ามจันทร์ค่อนดวง กับลมทะเลอวลรำเพยกลิ่นเทพีไพรในดวงใจ ที่คุณเฝ้ากระซิบริมแก้มบอก เราสบตา ..กัน.. กุมมือมั่น..นั่งเคียงกันชี้ชวนชมทะเล คลื่นแปรเป็นบทเพลงเห่อวยพร ดาวอ้อนแทนด้วยแสงกระพริบพราวราวล้อเลียน... แสงเทียนวิบวับ จับหยาดน้ำผึ้งนัยน์ตาภักดิ์ ในความเงียบงาม ในท่ามแมกไม้ไทยไหวกิ่งพราว เฝ้าอวลหอมหวาน มวลดอกไม้ค่อยๆแย้มกลีบเผยอบาน ราวคลี่ม่านมงคลอวยพร... ให้... หัวใจดวงอรชรอ่อนหวาน หากรู้อดทน..มานานปี.. ให้นวลกมลคนดีได้พบฝันดี.. ในราตรี... ที่ฟ้าดินทวยเทพเป็นพยาน ให้รักรานของสองเราแสนพิสุทธิ์ ประดุจดั่งหยาดน้ำค้าง... ที่พร้อมพลีพร่างดับโลกแล้งไร้ ให้ทุกสรรพชีวิต...ได้พบค่าคำอันล้ำล้นนั้นเฉกเช่นกัน.. *รักเหนือรัก รักเหนือโลกย์ รักเหนือโศกเหนือเศร้า..* รักไร้ร้องขอ พอเพียง แบบเมตตา เข้าใจ อภัย และเคียงข้างในยามอ้างว้างเหว่ว้า ไม่ว่า... กี่วันเดือนปีจะผันผ่านลา..ก็จะคุ้มค่ากับ..*วันนี้ที่รอคอย...!* ....................................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html คนเดียวในดวงใจ ศรีไศล สุชาติวุฒิ เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร ฉันไม่เคยคิด รู้ แต่บัดนี้ เธอมาสถิตย์ มาอยู่ใกล้ชิด ในดวงใจฉัน เธอมาจากไหน จากดินผืนใด หรือจากสวรรค์ ฉันก็จะรัก รักเธอเท่ากัน ไม่เคยจะหวั่นแม้คำนินทา คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต คนเดียวสนิท แนบ อุรา คนเดียวที่ฉัน บูชา ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย ในโลกก็ยอม คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต คนเดียวสนิท แนบอุรา คนเดียวที่ฉัน บูชา ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก เธอมาจากไหน เธอจะเป็นใคร ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย ในโลกก็ยอม...
17 ธันวาคม 2548 12:07 น. - comment id 547198
ชอบภาพมากเลยคราบ
17 ธันวาคม 2548 14:38 น. - comment id 547219
คนคนนี้ดีพร้อมน้อมใจภักดิ์ ขอมอบรักฝากไว้พลีใจเสมอ ตะวันลับจันทร์ลาข้าละเมอ จะขอเพ้อเพียงคนนี้ที่หัวใจ.แก้วประเสริฐ.
17 ธันวาคม 2548 21:31 น. - comment id 547305
กลับไปเที่ยวบ้านคงมีความสุขมากนะ พักผ่อนให้สบายนะ แม่พุดไพร อิอิ
17 ธันวาคม 2548 23:39 น. - comment id 547316
มาเยี่ยมพี่พุด อีกคับ คนดี ของผมด้วยนะ แม่พุดไพร คิคิ ชมความงามเงียบคับ
18 ธันวาคม 2548 11:11 น. - comment id 547353
ซึ้งใจจังค่ะน้องพานทอง ภาพงามจริงๆเลยนะคะ รักน้องเช่นกันค่ะ พี่พุด
18 ธันวาคม 2548 11:13 น. - comment id 547354
คุณแก้วคะ ขอบคุณค่ะสำหรับบทกวีแสนซึ้ง ตรึงใจจังค่ะ คิดถึงนะคะ
18 ธันวาคม 2548 11:16 น. - comment id 547357
คุณทานคะ กลับมาแล้วค่ะ มาซ่อนซุกในเตียงโบราณ หวานดายเดียวเหมือนเดิมแล้วค่ะ ทุกสิ่งแค่อดีตค่ะ เมื่อลับลาแค่ฝากดีฝากงาม ในยามย้อนรำลึกเพียงนั้น หาก มิหลงยึดมั่นถือมั่น คงไว้เพียงปล่อยวาง ให้ใจดวงงามเราว่างลำพังค่ะ ไร้หวังใดค่ะ พุดคิดถึงค่ะ
18 ธันวาคม 2548 11:18 น. - comment id 547358
น้องกวีปกรณ์คนดี ซึ้งใจจริงๆเลยค่ะ ที่น้องยังรักพี่พุด และเพียรให้พลังใจเสมอมา พี่พุด.. ก็รักน้องนะคะ
18 ธันวาคม 2548 12:37 น. - comment id 547384
หวัดดีค่ะพี่พุด สบายดีนะคะ หนาวเเล้วค่ะ .... ดูเเลตัวเองด้วยนะคะ
18 ธันวาคม 2548 20:38 น. - comment id 547488
น้องฟ้าใสแสนรัก คิดถึงมากค่ะ และ เช่นกัน รักษาความงามไว้นะคะ คนน่ารัก รักมากกกกกกกกกกก
13 มกราคม 2549 08:07 น. - comment id 552980
งามแท้แม่พุดไพร ใจแม่งาม........
21 มีนาคม 2549 10:47 น. - comment id 567608
ดีคับ