http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html (คิดถึง) ...................... สนามบินสุราษฎร์ธานี หญิงสาวสูงโปร่ง วงหน้ารูปไข่ ใบหน้าไร้เครื่องสำอางใด นอกเพียงจากเครื่องประดับหน้า ที่ดูงามใสเด่นคือนัยน์ตาสีอำพัน ที่ดูราวกับทะเลเร้นลับอันแสนล้ำลึกเงียบสงบ และ.. กับผิวสีน้ำผึ้งรวง ที่ดูแสนโดดเด่น..ยามเธอก้าวล่วง ออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า ก่อน.. ที่เธอ..จะแย้มยิ้มยินดี ..เมื่อหันมาพบ.. สบตากับใครคนหนึ่ง...ใครบางคน.. ในกมลที่หลงเฝ้ารอมาแสนนาน..นานแสน ร่างสูงเพรียว..ผิวสีทองแดง ในเสื้อยืดขาวและกางเกงทหารพรานสีขี้ม้า ที่ยืนเอามือไพล่หลัง อย่างเจนตา คุ้นใจ ในท่ามผู้คนอลหม่านอลวนแสนวุ่นวายวายวุ่นรายรอบ ในยามตะวันรอนรอนดวงอ่อนอ่อนแสง ... เขา....ผู้ชายนัยน์ตา..น้ำตาลโศก ที่ดูราวโลกจะหยุดหมุนหากยามจ้องผู้ใดนานๆ ค่อยๆ... ก้าวผ่านผู้คนเดินตรงมาที่เธอ..อย่างช้าช้า.. พลังกระแสอะไรบางอย่าง... พร่างแผ่สร้านเรืองรองรายรอบร่างของคนทั้งคู่ ที่สัมผัสด้วยตาเปล่า ...คงมองมิเห็น.. เป็นความเย็นฉ่ำ สว่างไสวราวสายกระแสธารใจ ที่เขานำติดตัวมา..ติดตามมา.. เป็นดั่งพลังรัศมีแห่งรัก เมตตา อาทร อันแสนอุ่นเอื้ออ่อนหวาน เสมอเสมือนดอกไม้.. ที่กำลังค่อยๆผลิแย้มบานดวงดอกตระการ ในท่ามพงไพร ที่แสนบริสุทธิ์ใส ไกลห่างโลกมายา พอกันกับ.. เกรียวเมฆบางเบา.. ที่แสนเหงางามรอรับพรายสายแสงสว่าง จากรัศมีสีทอง..อันแสนละไมอบอุ่นอ่อนโยนยิ่ง..พอกัน น้ำนัยน์เรียวตาสีอำพันวาบวับวิบวาว ดั่งประกายดาว .... ที่กำลังส่องแสงในฟากฟ้ายามคืนเดือนมืด ราวมุกมณีนางฟ้า..ที่พร่างพ้อ ปริ่มรอริมเรียวตา เพื่อหยาดหยด รับมิ่งขวัญหล้าขวัญไพร ขวัญในดวงหฤทัยแห่งการถวิลรอ ด้วยความรู้สึกยากพรรณณา.. เมื่อ... เขาก้าวเข้ามาชิดใกล้...ใกล้เสียจนได้กลิ่นเหงื่อรำไร จากหนุ่มเจนไพร .. ผู้มี..โลกละไมหอมกรุ่น ในทุกอณูละมุน แห่งสายเลือดรักดิบดินดายเดียวเดียวดายสมถะ กับ.. ฟ้าพรายแสงสีครามกระจ่างไสวกับ นิยามใจหอมงามแห่งความรักท้องทุ่งเรียวรวงสีทอง และ... กับหอมห้วงแห่งดวงดอก ไม้ป่าดอกไม้ไพร ราวกับเกสรพิสุทธิ์ใสแห่งดวง ดอกกล้วยไม้ดิน ที่... เขาเพียรมิสิ้นท้อ..เฝ้าปลูกกอพ้อเถาวัลย์ ณ..เรือนแห่งความฝัน เรือนริมธาร กระท่อมหวานแห่งกาลเวลา.. กับ.. สายธาราระรินๆระริกระริก เฝ้ากระซิบกระซาบกับโขดหินอย่างแสนรักในทุกยามค่ำคืน ใน..ยามดึกดื่นใต้เงาดาว อย่างหวานเศร้าหนาวใจ ระรินไหล..อย่างเนิบช้า เสมือนลีลาท่วงท่ายามนี้...ที่เขากำลังก้าวเดิน..ตรงมา เขา..ค่อยๆเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าเดินทางใบเล็ก ทั้งที่เธอคล้องบ่าและหิ้วไว้..อย่างสุภาพ มืออบอุ่นทาบกับมือเรียวบาง ให้ทั้งเขาและเธอชะงัก นิ่ง..ในท่ามกลางความวายวุ่น ให้สัมผัสละมุนถึงพลังกระแสแห่งความเอื้ออุ่นอ่อนโยน *ตาสบตาอีกครา* ก่อนที่เขาจะกระซิบถาม *เหนื่อยไหมครับคนดี* เธอ..คลี่ยิ้มใสใสก่อนจะกล่าวคำ *ไม่ค่ะ ดีใจตื่นเต้นเสียมากกว่าที่ได้กลับมาที่นี่ค่ะ* เขา..ยิ้มตอบ .. ก่อนนำเธอออกไปยังลานที่จอดรถ แล้ว...หันมาบอกกับเธอ.. *มอ..คู่ใจคันเก่าครับ ยินดีต้อนรับครับเจ้าหญิง แล้วเขาก็ทำท่าผายมือเชิญ ให้เธอหัวเราะ..* *ยังงามดีใช้การได้ดีนะคะ ฉันคิดถึงมันค่ะ และอยากนั่งซ้อนท้ายไปกับคุณ *คิดว่าสมบุกสมบันพากันท่องไปไหนๆจนล้อหลุดเสียแล้ว..* เธอ..กล่าวกลั้วเสียงหัวเราะ... *รับรองครับ คนดีว่าจะถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และ ไม่มีวันที่ผมจะให้มีริ้นไรกลายกล้ำเท่าปลายก้อย ด้วยเกียรติลูกผู้ชายชาติไพรครับรับรอง *ว่าแต่ว่า ..คนนั่งซ้อนนะซี จะไหวมั้ยนี่ หนทางไกลนะครับ* เอานะ..เพราะว่าคุณไม่มีทางเลือกแล้ว* *มาครับ ให้ผมมัดกระเป๋าให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะดีกว่า คุณจะได้นั่งสบายๆ* เธอ..ล้วงหยิบผ้าคาดผมสีส้มสดออกมาพันทบ รวบเก็บผมไว้ก่อนทิ้งชายสยายล้อลม พลางสวมแว่นตากันแดดลมอันเล็กกระทัดรัด ขับใบหน้านวลให้ยิ่งเก๋ไก๋หวานแฉล้ม ยิ่งแสนชวนมองในยามย่ำสนธยา เขาขึ้นประจำที่คนขับ กับอานใหญ่เบาะกว้างของเจ้า*บลูเบิร์ด เสียงรถ.. ฮอนด้าสปีด400ครางกระหึ่มก้อง พร้อมกระชากตัวตามแรงบิดชนิดไม่เห็นฝุ่น... หากต้องการ ตามใจทะยานแห่งเจ้าของ หากเที่ยวนี้ เขาคนดีคงไม่กล้าพอที่จะเสี่ยงภัย ด้วยร่างนางในดวงใจกำลังซ้อนซบไหล่ ให้หัวใจเขาแสนสะทกสะท้าน..อยู่ ณ..เบื้องหลัง ร่างแนบร่าง ไร้สิ่งใดขวางกั้น หัวใจเขา...กำลังทะยานหาญกล้า พาร่างใจทะยานราวเหนือโลกโศกสุข รอบุกสู่ป่าใหญ่ไพรกว้าง เทือกเขา สวรรค์หวาน ริมลำธารสายงามที่กำลังทอดตัวนิ่งรอ..อย่างแสนรัก เขา..คนดี ขออนุญาติเธอ..เพื่อเร่งเครื่องทำความเร็ว หวังจะพาเธอให้ไปทันดู.... พระอาทิตย์...ที่กำลังจะลาลับเหลี่ยมผา ในบางที่ ที่มี.. อาหารทะเลสดรสดี มีดนตรีแห่งความฝัน กำลังรำพันรอ ..ระหว่างทาง ก่อนจะเดินทางสู่ *กระท่อมริมธาร* วิมานไพร*.. ที่กำลังจดจ่อรับ เธอ..แย้มยิ้ม กับพลังสดฉ่ำ จากสายลมที่กำลังไล่ประทะหน้า กับแมกไม้ไพร ที่กำลังโบกสะบัดราวกับคอยกวักมือเรียกเธอ กลิ่นหอม... ของพวงพะยอมดวงดอกไม้ป่า.. พากันแย้มเผยอกลีบ.. ออดอ้อนสายลม..มาทายทักอาคันตุกะจากแดนไกล ที่.... พร้อมเปิดจิตวิญาณภายใน.ซึมซับรับหวานงาม กับ.. ฟ้ากว้าง..ที่กำลังแปรสี*เป็นรัศมีสีรุ้ง* พุ่งพรายฉายฉานตระการไปทั้วทั้งราวป่าราวไพร เรี่ยยอดไม้ยามใกล้ตะวันลับลา ฟ้าพยับแดดละมุน.. ค่อยหมุนกลายสีเป็นไพลโศก ตามแรงวนของโลก...สู่ราตรีกาล ให้ดารารายได้พรายพร่าง มากระพริบแย้มเยือนยามราตรี ตราบชั่วนาตาปี มิมีนาทีสิ้นสุดหยุดได้ลง..! เขา..ค่อยๆเอื้อมมือมาจับมือเธอ.. ให้เกาะเอวเขาแนบแน่นเข้า อย่างนุ่มนวล... มือสัมผัสกัน ใจดวงนวลดวงงามของทั้งคู่ เริ่มหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีขอบเขตสิ่งใดมาขวางกั้น *นอกจากพลังแห่งความรัก* อันสูงส่งงดงามเกินหานิยามใดมาเปรียบเปรย รักที่...ผ่านเลยจุดแห่งความสวาทหวามเสน่หา เหนือมนตราแห่งมายาครอบครอง มีเพียงพลังแห่งรักเมตตาปรารถนาดี ดั่งมิ่งมิตรกัลยาณมิตรธรรม ที่.. หวังเพียงรินร่ำน้ำใจรักให้อีกฝ่าย ได้มีแต่ความสุขไร้ทุกข์สิ้นพันธนาจิต ได้.. พลีมอบชีวิตณ ภายใต้ร่มพระรัตนตรัย ที่.. แสนร่มเย็นเห็นงามเงียบสงบสะอาดสว่างไสว.. ไม่เหน็บหนาว...ไม่ร้าวราน.. ดั่งดอกบัวบานพ้นน้ำเหนือโคลนตม รอรับสายแสงวิมุตติธรรมผสานผสมสู่จิตวิญญาณ ให้งามพราวดั่งอัญมณี ดั่งมีพลังสายแสงทอง ให้สาดส่องนำทางใจ.. ไปสู่ความสว่างไสวตราบชั่วนิจนิรันดร์ เขา.. อยากจะร่ำไห้...เมื่อได้พบเธอนางใจในละเมอ ของดวงใจพ่อนกไพรพเนจร ที่..หวังพลีเคียงคอน... สร้าง..*กระท่อมเรือนรังแห่งรัก* ไว้ให้เธอได้พักพิงอิงอุ่น สร้าง..*โลกธรรมหอมกรุ่น*..ไปด้วยกัน ที่.. เขาเพียรพร่ำวอน ให้เธอย้อนมาเยือนที่นี่ ที่ที่เขาคนดีกำลังรอพร้อมพลียินดี.. ที่จะพาเพื่อนตายคนดี ไปพบสายแสงธรรม จาก.. *พระภิกษุสงฆ์ชรา * ที่ท่านธุดงค์มาปักกรดคร่ำ ณ..ในผาถ้ำ แห่งเทือกเขาไพรที่แสนไกลห่าง และ... มีเพียงเขาผู้เดียวไปพานพ้อง ราวได้พบกับ*อัญมณีสีทอง..* ทันที่...ที่เห็นจีวรผ่องพราย ในท่ามแสงเทียน และ ม่านระย้าย้อยของหินงอกในถ้ำ จากหลายค่ำคืนหนึ่งที่ผ่านมา... พาเขาแปลกใจ เมื่อพบ... แสงเรื่อเรืองรำไรรำไร ราวมีหิ่งห้อยพร้อยพราวแสงในเงื้อมเงาถ้ำไพร ที่.. ร้อยวันพันปีจะไม่เคยมีสรรพแสง...สรรพเสียงใดลอดออกมา นอกจาก...เพียงเสียงน้ำตกภายในเวิ้งผาถ้ำ ที่จะพากันระรินระรินไหลอย่างเงียบๆ อย่างเฉียบฉ่ำเย็น จน...กลายเป็นกระแสธารผ่านออกมา สู่ห้วยละหาร เป็นลำธารสายบริสุทธิ์ใสในกลางไพรทรวง.. เขา... จึงตัดสินใจพาตัวเข้าไปค้นหาความจริง และ.. ด้วยดวงใจนิ่งงัน ที่พลันแสนสุกใสสว่าง..ราว*ดาวดวงประกายพรึก* ในยามดึก... เมื่อพบภาพพระสงฆ์ชรา หากทว่าใบหน้าแสนอาบเอิบอิ่มบุญ ด้วยแสงเทียนทองผ่องพรรณราย ที่กำลังพรายแสงทอกระทบดูแสนสมถะสงบงาม ท่านนั่งสมาธิบนเนินหินเตี้ยๆ..เหนือสายน้ำ ที่..ช่างงามแสนงาม มลังเมลือง..เกินจะกล่าว ราวกับมี... พลังรัศมีสีทอง ฉายฉานทรงกลดโชติช่วงรายรอบร่างท่าน เขา... เฝ้าหมอบกราบนานนาที กว่าที่ท่านจะเอ่ยคำ..ทั้งๆหลับตา โยม..มาถูกที่แล้ว รอสักพักนะ อาตมาจะสวดมนต์ภาวนา..ต่ออีกนิด แล้วเราจะได้มาคุยกัน* บทต่อจากนั้น.. เขาจักไม่รำพันเผยเอ่ยออกมา เพราะทุกปุจฉาจากองค์สมณะ ที่เพียรพาให้เขาค้นหาคำตอบ ได้ฝากศรัทธาปสาทะ ให้หัวใจเขาที่ร้อนรุ่มเยือกเย็นลง ราวได้พบสายธาร..น้ำอมฤตธรรม ผ่านล้ำล่วงเข้าไปในกระแสจิต บึงนิรมิตแห่งทิพยแห่งใจ ที่ทำให้ เย็นใสสว่างพร่างพราย ราวได้รับพลังแห่งอมตะนิรันดร์สวรรค์ว่างวาง จากการที่ท่านหยิบสัจจะธรรม บางคำสอนจากหลวงพ่อท่านพุทธทาสที่ฝากคำล้ำเลอค่า เอาไว้ใน*นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้* เมื่อไรจะได้...? ท่านอาจารย์ เมื่อไร ผมจะได้ดวงจันทร์นั่น? ตอบ..เมื่อแกรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะได้ ไม่ควรได้ ป่วยการ เมื่อไร จะได้นิพพาน? ตอบ..เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรที่ควรอยากได้ ไม่มีอะไรที่ต้องได้... ไปนิพพานทางไหน? ตอบ..ไปทางทะลุตัวเอง ไกลเท่าไร? ตอบ..แค่ยาววาหนาคืบ แต่คนไม่รู้นึกว่าเดินทางหมื่นกัลป์แสนกัลป์ ทำอย่างไร? ตอบ..ดูทะลุปรุโปร่งตัวเอง ในทุกแง่มุม แห่งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สุญญตา ตถาตา และ.. นี่คือที่มา..ในวันนี้ ที่เขา..คนดีได้พลีใจ เฝ้าเพียรเวียนวอนขอรอวันว่าง ให้เธอได้เดินตามเขามา...หา*รอยธรรม* อันล้ำเลอค่านี้ หากเธอยังมี..กุศลจิตบุญญาบารมีพอ.. ขอให้เธอตัดสินใจ และ.. ในที่สุดเขาก็ไม่ผิดหวัง เธอ.. อยู่ตรงหน้าเขานี้แล้ว.. แม่ดวงแก้ว ดวงขวัญ แม่จอมใจ และ.. โลกในหัวใจเขาก็พลันแสนไสวสว่าง เมื่อเขาเห็นร่างเธอมาปรากฏกาย มานั่งชิดใกล้แค่เอื้อมมือคว้า กำลังนั่งนิ่งๆทอดตา...ดูพรายพระอาทิตย์สนธยา กับฟ้าใกล้ค่ำ...กับเสียงระร่ำรินภายในดวงใจเขา ที่แสนเอมอิ่มเป็นสุข ในทุกนาทีอุทัยโลกหมุน เธอ.. ตกอยู่ในภวังค์ฝัน กับพรายแสงอาทิตย์ ที่.. กำลังสาดแสงสีทองกระทบยอดไม้ จนเกิดประกายวะวิบวับ ไปทั่วทั้งท้องพนาท้องทะเล เสียงนกกาเริ่มร่ำระงม กับ.. สายลมรำเพยหอมหวานเย็นฉ่ำ ราวกับมีฝนหลงฤดู พรายสายมาจากที่แห่งใด ไม่ไกลจากที่แถวนี้ ณ.. ที่เธอทรุดตัวนั่งลง..ณ..ที่แห่งนี้ คือที่ที่เขากระซิบบอกเธอว่า *คนดี..ผมจะพาคุณแวะบางทีก่อนนะ ระหว่างทาง... ก่อนที่.. จะพาเธอลัดเลาะลดเลี้ยวเข้ามาในท่ามทิวสนดงตาล ก่อนจะ.. ค่อยๆเลียบเส้นทางเคียงขนานไปกับทะเล ที่ เบื้องบัดนี้ แปรสีรับพรายแสงจนทั่วทั้งท้องน้ำ แวววาวราวถูกโปรยปรายโรยด้วยกากเพชร จรัสจรุง เขา..พุ่งรถ.. มาจอดยังหน้าร้านริมชายชลเล็กๆ ที่หลังคามุงจาก.. หาก..ด้านหน้าจะมีชานไม้ยื่นออกไป ชิดเคียงใกล้โอบกอดโค้งทะเลไว้อย่างรักใคร่ ให้ได้.. ฟังเสียงคลื่นคลอ พ้อลมคราง ให้ดู.. นางนวลถลาโฉบล่าเหยื่อเหนือฟองคลื่นขาวนวล และ.. มีแมกไม้ไทยประดับรายรอบ ทั้ง... โมกดอกพราว.. ทั้งหอมอวลเศร้าของลั่นทมพราวเต็มราวกิ่ง ที่กำลังทิ้งตัวระย้าพวงดวงดอกดก ทั้ง.. จำปี..ที่ยังเยาว์ดรุณ หากให้ดอกหอมกรุ่น ให้ทุกดวงใจแขกผู้มาเยือน คงตามติดเตือนให้จำเดือนจำปีจำนาที ที่มานั่งนะที่ตรงนี้ได้ไม่มีวันเลือน ไหน จะแปลกนักที่ยังมีช่อฉัตรปาริชาติ แสนพิศสวาทโรจน์แรงแดงเพลิงไปทั้งต้น แทบมองไม่เห็นใบ ให้ในคลองตารื้นชื้นตา เมื่อคิดถึง เรื่องรจนากามนิตวาสิฎฐี ที่ทำให้ระลึกชาติได้.. คล้ายมาย้อนวอนเตือน ให้รำลึกจดจำเรื่องในหนหลังที่เคยได้ฝังฝากใจ มีโต๊ะเก้าอี้ไม้ไผ่..วางไว้ ใต้ซุ้มแมกไม้ใบบังอันให้หอมเหล่านี้ ที่.. ในยามนี้ต่างประชันขันแข่งกัน อวดหอมพรายมากับสายลมทะเล ที่.. กำลังเพ้อละเมอคราง ให้มิร้างแรมรักลาเลือนไปไกลตาอีกคราครั้ง และ... นั่นพระอาทิตย์ดวงโต.. สีแดงฉ่ำก่ำสุกเท่ากระด้งฝัดข้าว กำลัง.. อวดองค์ทรงรัศมีสีรุ้งพรายฉายฉาน หาก... ให้สีประกายหวานส้มแสดทองเจือชมพูดูพริ้งพราว ให้มองแล้ว.. ยิ่งงามหนาวใจราวกับมาสอนสัจจะใจ ให้.. ทุกชีวิตและทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่งดู ให้รู้ทันเท่า ...เฝ้ารอวันเวลาแห่งตะวันใจ ที่จะรอลาลับดับไป *ราวตะวันตกดิน* มิวันใดก็วันหนึ่ง..ซึ่งก็จะมาถึงสักวัน คง..ไม่นานช้ากับกาลเวลาที่เวียนวน กับลมหายใจแสนสั้นในวันนี้ ที่ใครกันนะจะหนีพ้น.. บทเพลง..*แห่งท้องทะเล..*กำลังเพ้อครวญ มากับ.. คลื่นฝันรัญจวนยามย่ำสนธยา กับนาทีนี้ที่แสนสุขสงบงาม... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2461.html ทะเลไม่เคยหลับ ....ดิอิมพอสซิเบิ้ล มอง ซิมองทะเล เห็น ลม คลื่นเห่จูบหิน บาง ครั้งมันบ้าบิ่น กระแทก หินดัง ครืน ครืน ทะเล ไม่เคยหลับไหล ใครตอบ ได้ไหม ไฉน จึงตื่น บาง ครั้งยังสะอื้น ทะเลมันตื่น อยู่ร่ำ ไป ทะเล หัวใจของเรา แฝง เอา รักแอบเข้าไวั ดู ซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดัง ทะเล ครวญ ยาม หลับไหล ชั่วคืน ก็ถูก คลื่นฝัน ปลุกฉัน รัญจวน ใจ รักจึง เรรวน มิเคย จะหลับ เหมือนกับ ทะเล ทะเล หัวใจของเรา แฝง เอา รักแอบเข้าไว้ ดู ซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดัง ทะเลครวญ ยาม หลับไหล ชั่วคืน ก็ถูก คลื่นฝัน ปลุกฉัน รัญจวน ใจ รักจึง เรรวน มิเคย จะหลับ เหมือนกับทะเล... ................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4858.html ตะวันลับฟ้า พุ่มพวง ดวงจันทร์ แสงสุริยาจวนลาเหลี่ยมโลก ลมเย็นไผ่เอนไหวโยก ลมโชยโบกพัดพริ้วลิ่วมา จักจั่นเรไร หริ่งร้องก้องพนา จวนสิ้นแสงสุริยา ประหนึ่งว่าดนตรีสวรรค์ แสน สุดเสียดายมองไปใจเต้น ยามเมื่อตะวันเย็นๆ เคยว่ายน้ำเล่นเคียงคู่ร่วมกัน ตะวันลับฟ้าเสียงน้ำซัดซ่า ไหลเซาะลำธาร เคยเด็ดดอกบัวสาบาน เห็นทุกวันแล้วเศร้าใจ โอ พี่จ๋า พี่ เอย ลืมง่าย จังเลย เปลี่ยนคู่เชยโอ้ใจหนอใจ ลืม สัญญาที่เคยว่าไว้ กอดหมอนนอนเดียวดาย คิดถึงแทบตายน้ำตาไหลริน เห็น หมู่นกกาถลาลมล่อง จับคู่จู๋จี๋ประคอง เหมือนพี่กับน้องเคยร่วมอยู่กิน ตะวันลับฟ้า พี่จ๋าน้องเฝ้าถวิล จะคอยจนชั่วชีวิน ตราบชั่วฟ้าดินน้องลืมไม่ลง โอ พี่จ๋า พี่ เอย ลืมง่าย จังเลย เปลี่ยนคู่เชยโอ้ใจหนอใจ ลืม สัญญาที่เคยว่าไว้ กอดหมอนนอนเดียวดาย คิดถึงแทบตายน้ำตาไหลริน เห็น หมู่นกกาถลาลมล่อง จับคู่จู๋จี๋ประคอง เหมือนพี่กับน้องเคยร่วมอยู่กิน ตะวันลับฟ้า พี่จ๋าน้องเฝ้าถวิล จะคอยจนชั่วชีวิน ตราบชั่วฟ้าดินน้องลืมไม่ลง... ......................... น้ำตาเธอ ค่อยๆไหลเอ่อซึม เธอ... ปลดผ้าผูกผมออก ปล่อยให้.. สายลมพัดสยายปลิวไปทางเบื้องหลัง..อย่างไร้พันธนาใด ปลดปล่อยดวงใจ... ให้โล่งลิ่วปลิวคว้างเหนือขอบฟ้ากว้าง..น้ำจรดฟ้า ราว.. นกนางนวลที่กำลังถลาร่อนบิน อย่างมิถวิลอาวรณ์รอผู้ใดในท่ามโลกสีน้ำเงินงาม ที่เวิ้งว่างร้างไร้ ....ราวแสนยินดีในดายเดียวลำพัง..ลำพัง แม้นมิพบฝั่งฝัน .. หากมิเคยสิ้นหวัง..ที่จะติดปีกโผบิน..มิสิ้น.เพียร เขา.. สบตาเธอ... ในสายลมละเมอครวญ อวลด้วยรอยยิ้มเอื้ออุ่นอ่อนหวานอ่อนโยน *ไร้คำพูดใด* สองดวงใจ..ปล่อยให้... สายตาคือภาษาเงียบงาม ที่.. งามเกินงาม.. เกินกว่า..นิยามค่าคำใด.. ที่จะเผยใจให้หลุดออกมา ที่ไม่อาจแทนค่าความซาบซึ้งล้นใจ เพราะถึงสักหมื่นแสนพันคำใดเล่า ก็หาจักแทนค่าความห่วงใยเมตตาปรารถนาดี มาอย่างยาวนานเหนือกาลกัปเวลานี้ได้ก็หาไม่..! เธอ... หันมายิ้มด้วยน้ำตาแทนคำว่า.. ขอบคุณซ้ำๆ หยาดน้ำเพชร.. ที่เรียวตาคือหยาดน้ำภักดิ์ล้นค่า ที่เธอ..คนดี..ยินดีพลีมอบ ตอบแทนคำมากมาย ... ที่..เขา..คงใช้ใจเพียงนั้น..สัมผัสได้ สายลมทะเลพัดละมุน หยอกล้อพ้อลั่นทมดอกหนึ่ง.. ให้ปลิดปลิวลิ่วลอยควะคว้าง อย่างอ้างว้างเหว่ว้าลงมาตรงหน้า*เขา*คนดีพอดี เขา..ค่อยๆเอื้อมคว้า และ.. ลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าตรงหน้า ชิดใกล้ริมเรียวแก้มของเธอ ที่.. กำลังคลี่แย้มยิ้มให้เขา...อย่างแสนเอื้อเอ็นดูรักใคร่ผูกพัน เขา..ค่อยๆใช้นิ้วแข็งแรงนั้นไล้เลียบเสียบแซม *ดอกไม้ในฝันนิรันดร์รักนิรันดร์ภักดิ์* ทัดผมให้เธอ ..อย่างแสนทะนุถนอม.. พร้อม..พลีจูบแผ่วผิว.. ที่ปลายผมนิ่งนาน............ โลกงามเงียบงัน..! มีเพียงคนทั้งคู่ลำพัง กับ.. ฟากฟ้าทะเลฝัน กับ.. เพียงพระจันทร์ ดาวดวงงาม..พลอยรับรู้.. เป็นพยาน... ในรัก... อันแสนงดงามงามงด..เกินกว่าผู้ใดจะล่วงรู้ได้ เธอ..ไล้ลูบมือเขานิ่งนาน อย่างแสนอ่อนหวานอ่อนโยนพอกัน ก่อน.. ที่จะค่อยๆยกขึ้นมาประทับรับขวัญ ด้วยรอยจูบละเมียดละมุน... ให้...โลกทั้งโลกหยุดหมุน..เฝ้ามอง...! ........................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html คิดถึง กุ้ง กิตติคุณ เธียรสงค์ จันทร์ กระจ่าง ฟ้า นภา ประดับ ด้วยดาว โลก สวย ราว เนรมิต ประมวล เมืองแมน ลม โชย กลิ่น มาลา กระจาย ดินแดน เปรืยบ มี แสง คนึง ถึง น้อง นวลจันทร์ งาม ใด หนอ จะพอ ทัดเทียบ เปรียบน้อง เจ้า งาม ต้อง ตาพี่ ไม่มี ใครเหมือน ถ้า หาก น้อง อยู่ด้วย และช่วย ชมเดือน โลก จะ เหมือน เมืองแมน แม่นแล้ว นวลเอย... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html ฉันรักเธอเสมอ ..ทิพย์วรรณ ปิ่นภิบาล หากตราบใด สายนที ยังรี่ไหล สู่มหา ชลาลัย กระแสสินธุ์ เกลียวคลื่นยัง กระทบฝั่ง ดั่งอาจิณ เป็นนิจสิน ตราบนั้นฉันรักเธอ เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ ชั่วนิจนิรันดร์ หากตราบใด สายนที ยังรี่ไหล สู่มหา ชลาลัย กระแสสินธุ์ เกลียวคลื่นยัง กระทบฝั่ง ดั่งอาจิณ เป็นนิจสิน ตราบนั้นฉันรักเธอ เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ ชั่วนิจนิรันดร์...
26 พฤศจิกายน 2548 22:02 น. - comment id 541680
แวะมาอ่านงานค่ะเพื่อนพุด
27 พฤศจิกายน 2548 00:00 น. - comment id 541695
ไม่เจอพี่พุดตั้งนาน คิดถึงคับ แวะมาอ่านงานด้วยนะ
27 พฤศจิกายน 2548 07:12 น. - comment id 541706
มาอ่านงานของพี่ ละเมียดละไม ตรึงใจเหลือเกิน
27 พฤศจิกายน 2548 10:11 น. - comment id 541728
อรุณหวาน.. รับลมหนาวแล้วนะคะ ทุกดวงใจ พุดไพรป่วยมาหลายวันค่ะ และ ยังมิค่อยจะหายดี เดี๋ยวหนาวเดี่ยวร้อน หากยังคงเพียรไปออกกำลังกาย ให้ใจกายแข็งแรงค่ะ เมื่อวาน ไปวิ่งหลายกิโลค่ะ ที่รึมบึงที่ลมพัดแรงมาก หากใจพุดรู้สึกสงบงามมาก ทุกฝีก้าวที่วิ่งราวได้สมาธิค่ะ และ.. จึงดีขึ้นแล้วค่ะ อีกสามสี่วันจะเดินทางค่ะ ทราบข่าวว่าสนามบินน้ำท่วม คงต้อง.. ระงับ..หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น นะคะ .... พุด..มากล่าวคำถึงหลายๆดวงใจ ที่เมล์มาถามว่า ทำไมงานพุดหายไปนะคะ พุด.. กำลังจะรวบรวม จะรวมเล่มเอาไว้ค่ะ เพียงแค่ แจกเพิ่อนฝูงญาติมิตรค่ะ ที่รักพุดนะ ตั้งใจ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หวังว่า..หวังไว้..นะคะ จะสำเร็จค่ะ ....... และพุดงงค่ะ คอมพุดที่พุดเซบไว้สองครั้ง หายจ้อยหมดเลยค่ะเลยไม่กล้าลบแล้ว ทั้งๆงานพุดประดังไว้มากมาย ยังต้องขอฝากไว้ ณ..ที่นี่ ร่มรักไปพลางๆค่ะ พุด.. ได้รับกำลังใจพลังใจค่ะ จากน้ำใจ น้ำคำ ที่ว่า...จงทำในสิ่งที่รัก จากหลายเมล์นะคะ และ พุดเพิ่งทราบว่า มีหลายท่านติดตามอ่านผลงานพุดค่ะ ทำให้ซึ้งใจ..จนต้องหันกลับมาอีกคราค่ะ นะคะ ............. คุณทิกิ... พุดขอบคุณนะ ที่ยังแวะมาอ่านค่ะ ................... น้องกวีปกรณ์ งานน้องงามวันงามคืน น่าชื่นชมมากค่ะคนดี พี่พุดชื่นใจนะที่คิดถึงพี่พุด ........ น้องร้อยฝัน ฝันบางเรื่องไม่เป็นจริงได้ บางเรื่องอาจจะได้ หากฝันคือพลังแห่งแรงขับเคลื่อนให้ โลกหล้ายังคงหมุนไปค่ะ ตราบใดในหัวใจเรายังมิมอดฝัน ไม่สิ้นฝัน สิ้นหวังนะคะ ............. พี่พุด..รู้สึกเมื่อยตัวอีกแล้วค่ะ ไข้คงยังมิหายดี ขอทานยาแล้วนอนซุกสักพักคงดีขึ้นค่ะ ด้วยรักและซึ้งในน้ำใจ จากทุกดวงใจในร่มรักเรือนทองเรือนไทย แห่งผองเรามานานเกินนับแล้วนะคะ
27 พฤศจิกายน 2548 10:13 น. - comment id 541730
มาอ่านงานมีมีสาระอีกแล้วครับ แก้วประเสริฐ.
27 พฤศจิกายน 2548 10:35 น. - comment id 541743
งานงามนักค่ะ..พี่พุด ดูแลสุขภาพ... และขอให้แข็งแรงเร็วๆนะคะ ด้วยรักและระลึกถึงค่ะ
27 พฤศจิกายน 2548 11:46 น. - comment id 541780
แวะมาทักทายและอ่านงานสวยๆๆค่ะ
27 พฤศจิกายน 2548 11:55 น. - comment id 541789
ให้อารมณ์เคลิบเคลิ้มอ่านแล้วอินเป็นบ้าเลย แม่พุดเอ๋ย
27 พฤศจิกายน 2548 15:29 น. - comment id 541832
พระเอกของพุดพัดชาหล่อ ๆ ทั้งนั้นทุกครั้งเลย ไม่เห็นมี รูปร่างดำปากกว้างฟันซี่โตๆ คิ้วหนา ๆจมูกใหญ่ ๆ หัวเราะดัง ๆ บ้างเลย เราก็เลยไม่ได้เป็นพระเอกสักกะที อิอิ ไม่ยอม ๆ
27 พฤศจิกายน 2548 16:27 น. - comment id 541852
..แวะมาเยี่ยมชมงานพี่พุดค่ะ....ผลงานยังหวานและละมุนละไมเช่นเดิม...คิดถึงค่ะ..
27 พฤศจิกายน 2548 19:35 น. - comment id 541884
คิดถึงจ้า..พุด.. หายไปนานเลยน่ะ... มาอ่านงานงาม ๆ .. แล้วก็.. ดูแลสุขภาพ.. ขอให้หายไว ๆ คิดถึงจ๊ะ
27 พฤศจิกายน 2548 20:21 น. - comment id 541893
พุดค่ะ มากล่าวคำขอบคุณ ทุกน้ำใจมิ่งมิตรแสนดีแสนงามค่ะ ด้วยพิไข้ยังรุมๆค่ะ.. ................ คุณแก้ว..คะ สาระที่พุดพึงมอบคือ ชีวิตรักนั้นจะชวนกันรักไปในทางใด ทางเนื้อหนัง หรือ ทางให้พ้นทุกข์..ทุกพันธนา ในความโศกในความเศร้า ในความรานร้าว ความพรายพลัดพราก ความมิสมหวัง ความไม่ประสบกับสิ่งที่รัก คือ.. ความทุกข์ แท้จริง จริงแท้ และในความทุกข์แท้นี่แหละจะ สอนให้เราคลายหลงยึดมั่นถือมั่น และ ได้หันกลับมา..อ่านหนังสือเล่มใน.. มิใช่*เล่มนอกสักร้อยหมื่นพัน ที่หาใช่สะรัตถะสำคัญ ที่จักพาเราพ้นทุกข์ฤาก็หาไม่ หนังสือเล่มใน คืออ่านทะลุจิตใจเราเองค่ะ อ่านด้วยความเที่ยงตรง มิหลงเข้าข้างตัวเอง เพราะ.. ถึงใครไหนเล่ามาเฝ้าพิพากษา ลงทัณฑ์ก็หาใช่ประเด็นสำคัญไม่ เพราะ.. เรา..เท่านั้นเองที่จักรู้จักตัวเอง อย่างถ่องแท้ ที่จักเพียรมิท้อแท้เฝ้าแก้ไขในสิ่งผิดค่ะ ทุกคนมัวแต่บรรเลงอ่านหนังสือภายนอกนานาสารพัน แล้วมักลืมอ่าน*หนังสือ*เล่มงามณ..ภายใน ที่มักปล่อยให้ชอกช้ำยับเยินเกินเยียวยาค่ะ และ นี่คือสาระ ที่พุด..อยากพาทุกดวงใจค้นพบ จบด้วยการ*อ่านหนังสื้อเล่มมากล้นค่า ที่ต้องใช้พลังสมาะปัญญารู้เท่าทัน มิหลง..ฝันหลงฟุ้งนานค่ะ แล้ว.. ความสงบงามความว่าง กระจ่างจิต จะบังเกิดขึ้นในดวงชีวิต ดั่งมีทิพยนิรมิตสว่างไสว ไร้สิ่งใดมากรายกล้ำทำร้ายได้นานค่ะ ด้วยรักนะคะ
27 พฤศจิกายน 2548 20:31 น. - comment id 541894
น้อง..ใบไม้ งานพี่พุด..คือตัวตนพี่พุดค่ะ แต่จริงแท้แล้วแค่เสี้ยวเดียว ในดวงจิตในความคิด ที่บางครั้ง ยากที่ผู้ใดจะหยั่งถึงค่ะ เพราะ ไหนเลยเราจะบอกเล่า ถึงทุกสติ ทุกปัญญา ทุกลีลาชีวิต ที่เราเพียรลิขิตหาหนทางอย่างมิท้อ อย่าง..มิรอผู้ใด นอกจากเพียรด้วย จิตใสด้วยใจเราเอง...ค่ะ..นะคะ งานแค่งาน ที่พี่พุดเพียรซ่อนรอยลายแทง แห่งหนทางรัก ที่มักมีขวากหนาม หาใช่โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปไม่ เพราะ คือวังวนไปให้พบกับบ่วง แห่งห่วงเสน่หาพันธนา ที่จักมากมีมากมายตามมา หลายรูปแบบ หาก.. เรายังเพียรหนีไม่พ้น ก็จงพึ่งน้ำอมฤตธรรมค่ะ ดื่มทุกเช้าค่ำ ทุกเวลานาที ให้มีสติ และเรียนรู้ที่จะรักเป็น ให้ เห็นงามให้เย็นงามในทางธรรม มาอบร่ำมาพร่ำคู่เคียงประดับจิต ประดับชีวิตจนกว่าจะหลุดพ้นวงวนวิบากค่ะ
27 พฤศจิกายน 2548 20:37 น. - comment id 541897
น้องแสงไร้เงาค่ะ พี่พุด..หันหลังให้น้อง นะคะในภาพด้านบน นั่นคือแสงแห่งเงาใจ ผู้ไร้ตัวตนค่ะ ซึ่งมินานอาจจะหลุดพ้นจาก วังวนวงจร*งานหนังสือนอกใจ* หันไปอ่านเพียงเล่มในภายในจิต ภายในชีวิตตัวเองเล่มเดียว อย่างมิเหลียวหลงพะวงหาอีกเลย ไม่รจนาอีกเลย หากทว่าเวลานี้ พี่พุดยังพอมีพลังที่อยากทำสิ่งที่รัก และอาจจะพอมีประโยชน์บ้าง หากทุกดวงใจ ได้รับสาส์นแห่งสื่อสัจจะ คือธรรมะ และธรรมชาติ ที่จักขาดจากกันมิได้ค่ะ คนดี
27 พฤศจิกายน 2548 20:44 น. - comment id 541898
คุณทานคะ.. พุดรู้สึกดีค่ะกับคำว่าแม่พุด ฟังดูโบราณดีจังค่ะ งานพุด.. จริงๆมิใช่งานงามให้เคลิบเคลิ้มค่ะ เป็นเพียงนิสัยพุดเองที่ละมุนใจ หากจะรจนาเรื่องรักใด ก็หนีความเป้นตัวเองมิพ้นค่ะ ขออภัยที..ค่ะ ทว่าจริงๆแล้ว พุดพลี...หวังมอบกำนัล ของขวัญอันล้ำค่า กว่านั้นคือ คือให้รักแบบเหนือโลกย์ค่ะ แม้นพบวิโยครานร้าวเศร้าใจ ก็รู้หักห้ามใจ รู้ทันเท่าใจ ไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายกรายกล้ำ ให้จิตไสวเราช้ำนานค่ะ อย่างตามทันด้วยสติค่ะ ตามๆๆๆๆทุกนาทีค่ะ ยิ่งมีทุกข์ แล้วจะหยุด...สงบ..นิ่ง ราวทุกข์ ทุกสรรพสิ่ง ก็จักผ่านไปดั่งน้ำไหลไปมิย้อนไหลคืนค่ะ
27 พฤศจิกายน 2548 20:56 น. - comment id 541902
มาอ่านงานงามครับ... ดูแลสุขภาพให้ดีนะครับ...เป็นห่วง......
27 พฤศจิกายน 2548 20:56 น. - comment id 541903
ฤกษ์ค่ะ... จริงๆพระเอกพุดนั้น.. สำคัญที่อัญมณีจิตค่ะ ไม่ใช่หน้าตา แต่.. ลีลางานเขียน เวลาพรรณนามานั้น อาจจะสำคัญคิดจินตนาไปเองนะคะ พุดไม่เคยใช้คำว่าหล่อล่ำนะคะ พุดมักใช้คำ ว่างามเงียบเรียบนิ่งสงบเย็นค่ะ พุด..มักเพียรรจนาราวพาพระเอก ไปในทางธรรมค่ะ พระเอกพุดจึงมักรักธรรมะ ธรรมชาติ ที่คือความพิเศษแห่งบุรุษไพร ในดวงใจพุด ในชีวิตจริง พุด..ยังมิพบเลยค่ะ พระเอก..พุด และ หากมีในใจในฝัน พุดมักรจนาฝัน *หวง*ไว้ให้พระเอกนั้น อย่าหันเหไปนอกเส้นทางธรรม สู่เส้นทางกรรมวิบาก มามีมารพราก ให้ว่ายวนเวียน หนีไม่พ้นหนี้เสน่หาเนื้อหนังมังสา ที่ช่างน่าเศร้าค่ะ จึง..มัก รจนาลากพาเพียรร่ายให้พระเอก ให้ฉากสุดท้ายบทที่ให้คือ แสวงหาเส้นทางสายสว่างจ้า ดั่งสีขาวพราวพร่างกระจ่างเย็น แสนเป็นสุขสงบ ที่มาตรแม้นผูใดบุรุษใดพบ ก็จักพึงกำซาบอาบเอิบอิ่มจิต ยิ่งกว่าสุขใดในหล้า.. ที่จักพาให้พบสุขนิรันดร์ค่ะนะคะ ด้วยรักล้นใจค่ะ
27 พฤศจิกายน 2548 21:01 น. - comment id 541906
นางฟ้าปีกขาว ราชิกาดาราวดี ดาราใจ ในดวงใจพุดค่ะ พุดชื่นใจค่ะ นะคะ และหวังศรัทธานำทางใจ นำน้ำใจ ไปโปรยหว่าน แด่ผู้ยังเวียนว่ายในวัฎฎสังขารนะคะ พุดพลีใจเคียงข้างเป็นขวัญกำลังเสมอนะค่ะคนดี ด้วยชื่นชมมากค่ะ
27 พฤศจิกายน 2548 21:06 น. - comment id 541910
ภู..ตวันในดวงใจพุด เมล์ภูที่หยาดสายดั่งน้ำค้างแก้ว ลงณ..กลางใจพุด คือบทสรุป... ว่า.. มิเสียแรงที่พุดรักค่ะ ภู..ยุติธรรม มากล้นน้ำใจ และซื่อใส ในไมตรีที่เข้าใจความเพียรพลีใน เส้นทางสายบรรณพิภพ สายดอกไม้งามนี้ ที่เราเททุ่มทำงาน มานานวันค่ะ เพื่อปันพลี สิ่งแสนสวยแสนดีแสนงาม ในท่ามโลกแล้งไร้..นะภูนะ.. พุด..รักใครไม่ผิดเลยใช่ไหมคะภู
27 พฤศจิกายน 2548 22:02 น. - comment id 541927
คิดถึงพุด คนดี ที่สุราษฎร์.......... คิดถึง ไม่ได้มา พบเจอเลย............... ด้วยอะไร มั่งไม่รู้ ห่างหายไป จาก ที่นี่ แต่หัวใจ..............ยังคงอยู่นะพุดจ๋า
28 พฤศจิกายน 2548 08:56 น. - comment id 541986
แม่ดวงดอกดาหลา..แสนรัก พุดดีใจค่ะ.. ที่ได้พบกันอีกนะคะ โลกแห่งความฝันความรัก ที่เราได้ใช้ทิวาหวานราตรีหวัง ด้วยกันนานมา... กับ... ดาวเดือนดาริกาประดับฟ้า ประดับใจ ประดับหล้า ให้ทุกดวงใจ ได้พลีทำในสิ่งที่รัก อันจักพึงพอเป็นประโยชน์ ทางจิตวิญญาณได้บ้าง พุด.. จะแปรแนวทาง รจนางานในแนวธรรมให้มากขึ้น เพื่อชีวิตหนึ่งกับลมหายใจนิดน้อย นี้..ที่พบคำตอบแล้วว่า *ชีวิตนี้เกิดมาทำไม* พุดจึงเพียรพาร่างจิต ชีวีชีวิตพุดเดิน ในเส้นทางสว่างกระจ่างแจ่มนี้ อย่างมิมีวันท้อค่ะคนดี พุด กำลังจะเดินทางกลับบ้านค่ะ หวังจะได้ไปสัมผัส พระจันทร์..พะงันเดือนธันวา..* ที่คือชื่อเรื่องรจนา..ที่หวังจะรจนาจาก บรรยากาศที่นั่นค่ะ มีคนโทรมากระซิบมาบอกพุดว่า ไปครั้งนี้พุดคงได้ พบใครบางคน ที่ย้ายกลับไปดำรงตำแหน่ง หน้าที่สำคัญ คนที่นานหลายปี...แล้ว.. มิได้พบกัน.. จนพุดลืมทุกความทรงจำ และเลิก.. คิดฝัน..นับวันรอแล้วค่ะ
28 พฤศจิกายน 2548 10:02 น. - comment id 542007
ฝากคำถึง*ทัดหทัย* ในงาน หมอกหนา..ลมหนาว..กับเช้านี้ค่ะ พี่พุดค่ะ นานๆจะได้มาฝากคำนะคะ อยากสารภาพค่ะว่า ทัดหทัย..คือ นักรจนา.. อีก*หนึ่งในดวงใจ*พี่พุดไพร นะคะ ที่.. พี่พุดทัดไว้ในดวงหฤทัยนานมา ตามติดอ่านงาน และ ชื่นชมมากค่ะ ในภาษาแสนสวยไสวละไมละมุน ที่หอมกรุ่นจนได้กลิ่นมวลดอกไม้ หอมหวานตระการ บานณ..กลางบึ้งใจบึงใจพี่พุดเลยทีเดียว ที่พี่พุดซึ้ง ดีว่ามาจากนวลใจเนื้อใจ อันแสนสวยงามพอกัน และ คล้ายๆ*ชลกานต์* ที่พี่พุดแสนรักงานงาม อีกหนึ่งค่ะ นะคะคนดี.. พี่พุด ไม่ค่อยมีเวลาบอกความในใจ รวมทั้ง ฝากคำฝากน้ำใจมาพลีระรินร่ำ ให้กำลังใจพลังใจ เพราะ หลังๆจะไม่ค่อยมีเวลาค่ะ และ กับคนที่รักชื่นชม พี่พุดมักจะอยากบอกความรู้สึกลึกๆ ที่ดื่มด่ำซึ้งๆยาวๆค่ะ จำไว้นะ คนดี หากน้องชาย รจนางานในแนว *ธรรมะบวกธรรมชาติ* พลีรวมกันจะยิ่งงามแสนแสนงาม พิลาสพิไค่ะ พี่พุด ฝากความหวังจากดวงใจ พี่พุด ไว้ด้วยนะคะให้หันมาสนใจ อ่านธรรมะมากๆนะคะ ที่จะช่วยพัฒนาจิตภายในเราเอง ให้เราได้ทำงานรจนา แสนสรรสร้าง ประดับโลกหล้า แลจิตวิญญาณเพื่อนมนุษย์ ให้ แสนงามผ่องผุดล้นเลอค่า เหนือ...เหนือ.. กว่าเรื่องรักทุก ทุกข์พันธนา ให้สมค่า คำที่จักเพียรค้นพบ ว่าแท้จริงแล้วไซร้ *เราเกิดมาเพื่อสิ่งใด* ค่ะคนดีในดวงใจพี่พุด และจะได้พบเย็นใสในดวงใจ เราเองและยิ่งพ้นทุกข์นะคะ ให้สมกับที่ฟ้าและดินได้หยิบยื่น พรสวรรค์ ให้เราได้ทำงานเพื่อ ฝากไว้อย่างมีคุณค่า ต่อผืนดินแม่มาตุภูมิ ให้แสนภาคภูมิใจ ก่อนชีวาจะลาลับดับไปกับดวงตะวัน และฝังร่างไปพื้นพสุธาเป็นหนึ่งเดียว.. ด้วยรัก.. และปรารถนาดีอย่างพิเสษพิสุทธิ์ค่ะ
28 พฤศจิกายน 2548 12:34 น. - comment id 542059
น้ำท่วมไหมนะ ทางโน้น สบายดีนะครับ
28 พฤศจิกายน 2548 15:50 น. - comment id 542118
ขอมาชื่นชมรูปภาพนะค่ะ... สวยจัง...แม้เห็นเพียงด้านหลังยังหลงใหล....
28 พฤศจิกายน 2548 20:19 น. - comment id 542287
อ่อนช้อย...พริ้วไหว ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งงดงามครับพี่พุด +-*-+-*-+ +-*-+-*-+ YoU dOn\'t knOw +-*-+-*-+ +-*-+-*-+
30 พฤศจิกายน 2548 11:27 น. - comment id 542818
36% พุดซ้อน พุดตาล พุดบาน ป่าเขา พุดเศร้า พุดเหงา พุดล่อง ริมธาร พุดจีบ พุดจาก พุดพราก ประหาร พุดร้าว พุดราน พุดใจ พุดจริง.....