http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4718.html (น้ำกรดแช่เย็น) ............. ผม...นั่งนิ่งนิ่งทิ้งตาโศกโศก นั่งดูโลกชายทุ่ง..ริมปลายนากับฟ้ายามโพล้เพล้ ดูปลาตะเพียนฮุบเหยื่อกระโดดโผงผึง จนเห็นเกล็ดจับแดดสีทองวะแวววับ เคียงกัน บัวดอกตึงตูมตั้งกำลังชูช่อในบึงกว้าง ทั้งดอกสล้างดอกเริ่มผลิ ดอกที่ตระการอวดงามเต็มที่กำลังรอราโรย ให้โหยอ่อนคาบึง ... ผม..มานั่งทอดตาซึ้งซึ้ง เพียรภาวนาดึงจิตจับกับลมหายใจในขณะปัจจุบัน และให้ธรรมชาติรายรอบอันแสนอ่อนโยนอ่อนหวาน ได้ผสานไปกับความเป็นธรรมดาชีวาชีวิตผม ทุกวัน... ที่ผมจะพาตัวเอง มานั่งใต้ต้นหว้าสูงใหญ่ใบดกหนา ที่ดูไม่เปลี่ยวร้าง...เนื่องจาก มีดงตาลเคียงขนาน มีดงดอกโสนสะพรั่งพราว เหลืองพราย ขับให้เขียวข้าวเริ่มตั้งท้องละออละอองกระจ่างแจ่มราวแซมด้วยสีทองสุก ผม...ชอบบุก*เส้นทางสายข้าว *ที่มีโค้งใบครอบโอบกอดศรีษะผมไว้ ราวได้เล่นซุกซนซ่อนหาจากเพื่อนมากหน้าในวัยเยาว์ด้วยกัน หนีจากโลกอันแสนสับสนอลวนวุ่นวายภายนอก ที่หัวใจดวงใสภายในคอยย้ำบอกว่า *มิพึงปรารถนา*มาได้แม้นเพียงสักชั่วครู่ชั่วคราว เสียงนกกากำลังพิรี้พิไรกัดกินลูกหว้าสีดำ กันอย่างเอมอิ่มปรีย์เปรมปากและขยอกเมล็ดไว้กราดเกลื่อน ผม...ค่อยๆเอนตัวนอนลงพิงต้นหว้า หลับตานิ่งๆ.. แล้วทิ้งใจให้ดำดื่มไปกับสรรพสิ่งรายรอบ ความเป็นปุถุชนคนหนุ่มธรรมดาๆ กำลังพาอารมณ์อาวรณ์ถวิลมากรายกล้ำล่วงล้ำแทรกซึม ณ..กลางจิตว่างผม ณ..กลางใจดวงนวลของผม ผู้ชายที่ยังมีเลือดเนื้อและลมหายใจของคนหนุ่มไฟแรง แม้นผมจะกำลังเพียรพาจิต ให้รู้หยุดคิดรู้เพียรภาวนา รู้หาทางออกให้พบปัญญา พาพ้นทุกข์ จากรัก ที่มนุษย์น้อยคนนักจักหลุดพ้นได้จริงจนแจ่มกระจ่าง จนละวางได้หมด จนเลิกวกวนในโลกมายา ได้หันหน้าเข้าสู่แดนแห่งร่มกาสวพัตร์ อันคือรักนิรันดร์ อันคือเส้นทางสว่างสงบ พบโลกเย็น ดั่งธารธาราธรรม ได้พายพาเรือชีวีอันแสนสั้นลอยลำข้ามหานทีสีทันดร เข้าเขตแดนวิมุตติ พบโลกุตระธรรม.. อันแสนใสฉ่ำเย็นเป็นเวิ้งว่างอนันตกาล ผม..วาง..ว่าง ได้เป็นระยะ และ นั่น..ผมก็ถือว่าคือชัยชนะเบื้องต้น จากเราพบผจญกับเกิเลสมาร ทุกผลาญผัสสะทั้งรูป รสกลิ่นเสียง ที่ยากเลี่ยงได้ หากเพียงใช้ขันติธรรม คอยน้อมนำใจให้มีอุเบกขา กลับมา.. เวลานี้ นาทีนี้ ที่หัวใจดวงดื้อ กำลังต้าน กำลังเลือกเสพพิษหวานหากฝากรสขมไว้ณ..กลางใจ แบบเศร้าลึก..ที่ยากใครจะหยั่งถึง ในมโนนึก ผมรำลึกนึกถึงบทเพลงนี้ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4718.html หัวอกระทม ซานซมมาถึงที่นี่ ได้ฟังวจี แจ่มใสไพเราะชวนฟัง ฝ่าแดดร้อน มาพบร่มไม้ใบบัง เริ่มมีความหวังเริ่มมีชีวิต ชีวา หวานชื่นน้ำคำ ยังจำประทับดวงจิต เรื่องเบื่อชีวิต เลิกคิดมาหลายเวลา ปล่อยเรื่องช้ำ ปล่อยทิ้งแม่น้ำคงคา สองเราสัญญา ร่วมชีวาก่อร่างสร้างตัว ที่แท้ ไม่มีแค่เพียงเราสอง ยังมีหุ้นใหญ่หุ้นรอง หลายสาขาเสียจนน่ากลัว รักแสนรัก สุดหักใจจะถอนตัว ใจร้าวระรัว สุดรักสุดหักให้หาย น้องยื่นน้ำเย็น พี่เห็นก็คว้ามาดื่ม ด้วยจิตใจปลื้ม ว่าร้อนคงถอนคงคา กว่าจะรู้ ว่าน้องให้ของกินตาย ทุรนทุราย ด้วยพิษร้าย "น้ำกรดแช่เย็น" ที่แท้ ไม่มีแค่เพียงเราสอง ยังมีหุ้นใหญ่หุ้นรอง หลายสาขาเสียจนน่ากลัว รักแสนรัก สุดหักใจจะถอนตัว ใจร้าวระรัว สุดรักสุดหักให้หาย น้องยื่นน้ำเย็น พี่เห็นก็คว้ามาดื่ม ด้วยจิตใจปลื้ม ว่าร้อนคงถอนคงคา กว่าจะรู้ ว่าน้องให้ของกินตาย ทุรนทุราย ด้วยพิษร้าย "น้ำกรดแช่เย็น"... .................... บทเพลงที่ผมแสนซึ้งตรึงตรมระทมระบมใจแต่เพียงผู้เดียว ในทุกยามที่เหลี่ยวไปไม่พบร่างเธอ คนที่ผมเผลอหลงในมนต์มายาพิสวาท ที่ถูกหนามเสน่หา ราวน้ำผึ้งพิษในดอกกุหลาบได้บาดเชือดดวงใจ จนวิ่นไหวไม่มีชิ้นดี หัวใจดวงไม่รักดีกำลังดื้อ กำลังนอนสลึมสะลือ คิดย้อนรอยถอยหลังไปถึงวันแรกเจอ *เธอ* ผู้หญิงงามพราวราวดอกไม้ไทยกลีบบาง เธอสวยพร่างราวดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมจรุงอย่างมิได้ปรุงแต่ง ปากคอคิ้วคางแก้มใสที่บริสุทธิ์ใสราวดวงดอกไม้ป่า.. และ ที่ผมรักเธอเสียเป็นนักเป็นหนา คือเพราะเธอมีหัวใจดวงดี ดวงที่ใสว่างกระจ่างงาม มาตร แม้นภายหลัง หัวใจดวงนั้นของเธอจะถูกฝานปันออกหลายเสี้ยว ไว้จ่ายแจก ไปตามชายที่มาหมายปองเธอมากหน้า อย่างยุติธรรม อย่างไม่เลือกที่รัก จักจนกว่าจะถึงเวลาตัดสินใจ *ราวมาลัยเสี่ยงรักจากนางรจนา*ก็มิปาน และ.. นี่คือที่มาแห่งความช้ำชอก ที่ผมต้องบอบช้ำด้วยแรงกรรมเหวี่ยงวิบาก ให้มาพบเธอเพื่อพรากลา ให้ผมต้องมานอนเหว่ว้าใต้ต้นหว้า ต้นไม้แห่งความฝันวันวัยเยาว์ ที่ยามผมเหงาใจทีไร จักหอบหิ้วดวงใจมาร่ำไห้แม่หว้าฟังอย่างเซซังซมซาน อย่างรานร้าวอย่างเศร้าสร้อยสุดถวิลเทวษ...เกินใครจะล่วงรู้ได้ มีเพียงฟ้าดิน.. ที่บางคราจะหยาดพลีสาย คล้ายร่วมร้องไห้หลั่งน้ำตาแด่ผม..*ผู้ชายหัวใจขม* หากผมก็พอใจ .. และ.. ขอขอบใจทุกบทเรียนที่เวียนรักวนมาสอนสัจจะ เพราะมิฉะนั้น ป่านฉะนี้ผมคนนี้คงยังไม่พบคำว่าร่มพระรัตนตรัย อันคือที่พึ่งทางใจทางจิตวิญญาณ *อันคือพลังปิติเกษมสูงสุด*..ของพุทธศาสนิกชนแล้ว ฟ้าหลัว...ทุกที ม่านราตรีกำลังคลี่คลุม เสียงจิ้งหรีดเรไรกำลังประสานเสียงก้องร้องกังวานหวานแว่ว ไปทั้งราวป่า กบเขียดในนาต่างพากันปรีดาร่ายรำยามตะวันรอน ที่น้ำในหนองเริ่มอ่อนอุ่น คืนละมุนเย็น ในเหงางามเงียบยามใกล้ค่ำย่ำสนธยา ลมข้าวเบาค่อยๆพัดลอยล่อง มากับฟ้ากว้าง..ที่เริ่มฉ่ำชื่นด้วยเมฆหมอก แล้วไล่ระลอกสาดสายพรายพลิ้วพัดโบกโยกไหวให้ข้าวในนาไหวระบัด ดั่งลอนคลื่นแพรไหม เขียวไพลขจีระรี่ระริก พลิกพลิ้วไปตามแรงลม ผม..ลุกขึ้นอย่างช้าช้า แหงนเงยใบหน้ารอรับหยาดฝนที่กำลังเริ่มพร่างสายระรินระริน ในความสูญสิ้น ในความอ้างว้างว่างใจ ผมกำลังพบกับสัจจะใจจากธรรมชาติ ธรรมะ ธรรมดาๆ ฤดูกาลกับฤดีระกำ กับวิบากกรรมช้ำรัก แท้ถ้วนแล้วไซร้ ก็แค่ผ่านมาผ่านไป ในคลองจิตอันซึ้งเศร้า ที่ผมหนาวแสนหนาวและแสนเจ็บปวดใจ เมื่อ กระพริบตาผ่านไปเพียงไม่นาน แค่กาลผ่านเลย ก็คือไร้ ผมคนเคยมายืนนิ่งตรมระทมทอดอยู่ ณ..ที่นี่ และ.. บางที.. ทุกสรรพสิ่ง ที่มิเคยหยุดนิ่งเคลื่อนไหว ก็จักอันตรธาณหายไปในบัดเดี๋ยวหนึ่งแห่งกาลเวลา... ผม..แย้มยิ้มด้วยหยาดน้ำตากับสายฝนกับต้นหว้าแห่งรัก กับโลกดินน้ำลมไฟ กับทุกสิ่งรายรอบที่กำลังพร่างผสานไสว ไปกับลมหายใจแห่งชีวิตนี้ที่แสนสั้นเป็นยิ่งนัก... และ กับรักนี้...ที่คือทุกข์พันธนา ที่ผมเพิ่งเชื่อในคำสอนพระบรมศาสดาอย่างเข้าถึงแก่นธรรม อันงามล้ำด้วยบทเรียนจากตัวผมเอง...ใช่ใคร...! ..........................
8 ตุลาคม 2548 11:57 น. - comment id 524963
บางครั้ง... บางที.... บางอย่างผ่านเข้ามาเพื่อเป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์... ที่จะก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่า หากต้องเผชิญปัญหา..อีกครั้ง ก็จะได้รู้ว่า..ควรแก้เช่นไร ใช่ไหมคะ..พี่พุด แวะมาทักทายและบอกว่า ..รักพี่พุดค่ะ...
8 ตุลาคม 2548 12:13 น. - comment id 524965
อ่านแล้วนึกภาพตาม .. คุณครูใหญ่ฯเป็นพระเอก .. ทว่ามีอยู่บรรทัดหนึ่ง อ่านแล้วขำ ผู้ชาย...ที่ยังมีเลือดเนื้อและลมหายใจของคนหนุ่มไฟแรง อัลมิตรานึกถึงผักบุ้งค่ะ .. กำลังคิดว่าจะเอากะทะใบใหญ่มาเตรียมผัดหนุ่มไฟแรงให้เป็นไปแดง.. ฮา ฮา จุ๊ ๆ .. ล้อซึ่งๆหน้า หวังว่าเขาไม่ทันอ่าน ..
8 ตุลาคม 2548 13:44 น. - comment id 525013
อ่านงานของพี่พุดหลายครั้ง และมักจะมีภาพดอกบัวในงานเสมอ ชอบฟังเพลงนี้ค่ะ น้ำกรดแช่เย็น
8 ตุลาคม 2548 16:08 น. - comment id 525085
เสน่ห์ลูกทุ่ง... ปรายก็ชอบเพลงน้ำกรดแช่เย็นมากๆ... และประโยคที่ว่า รัก...คือทุกข์พันธนา ก็กินหัวเหลือเกิน... มันสลัดไม่หลุด ไม่พ้น เอาเสียจริงๆ...เอ๊อะ (ขออนุญาตถอนหายใจ)... สวัสดีค่ะ
8 ตุลาคม 2548 16:11 น. - comment id 525086
เสน่ห์ลูกทุ่ง...มีมนต์ขลัง ปรายก็ชอบเพลงน้ำกรดแช่เย็นนี้มากๆ ไพเราะทั้งทำนองและเนื้อหา... และประโยคที่ว่า รัก...คือทุกข์พันธนา ก็กินใจเหลือเกิน ปรายชื่นชมคุณพี่พุดค่ะ... มันสลัดไม่หลุด ไม่พ้น เอาเสียจริงๆ.นะเจ้าความรัก...เอ๊อะ (ขออนุญาตถอนหายใจ)... สวัสดีค่ะ
8 ตุลาคม 2548 20:18 น. - comment id 525140
..... แวะมานั่งฟังเพลงลูกทุ่งค่ะพี่พุด ไม่ดื้อ ไม่ซนค่ะ จริงๆนะค่ะ นั้งฟังเฉยๆค่ะ
8 ตุลาคม 2548 22:30 น. - comment id 525184
ขอบคุณ คุณพุดมากเลย มอบเพลงนี้ต่อให้ใครที่ชอบเหมือน ๆ กัน คนไม่ชอบเขาคงไม่ฟังหรอกเนอะ ไม่มีความหลังอันใดกับเพลงนี้ เพียงแต่ว่าชอบน้ำเสียงคุณรังษี และเนื้อหาของเพลง ชอบทุกเพลงของเขา สียดายที่เขาปลดระวางไป ด้วยวัย ขอฝากถึง อัลมิตรา ช่างคิดจริงนะเธอเนี่ย ช่วงนี้ครูใหญ่เริ่มปิดเทอม ขอนอน นอน พักเขียนกลอนไว้ เพื่อจะลุยงานภาคเกษตรในวันสองวันนี้ ใครว่างมาช่วยหน่อยเร้ว
8 ตุลาคม 2548 22:42 น. - comment id 525207
ชื่นชม.....
9 ตุลาคม 2548 12:46 น. - comment id 525290
แวะอ่านครับ...... ร้องเกะบ่อยนะ เพลงนี้...