http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3207.html (เพียงคำเดียว) พุดพัดชารจนาบทนี้.. ด้วยน้ำตาแห่งศรัทธารัก ที่จักพลี..มอบคารวะให้ *แด่วีรบุรุษในดวงใจ**ลูกผู้ชายในดวงใจ* *คุณรัฐภูมิ อยู่พร้อมค่ะ* *ผมพิชิตพันห้าร้อยไมล์ ที่ไม่เคยมีใครไปถึงมาก่อน ด้วยพลังของพ่อ ความรักของแม่ ความคิดถึงของครอบครัว แม้ไกลแสนไกล ผมก็จ้วงไปทีละพายและไม่ยอมแพ้ ทุกวัน... หลังจากหัวเรือพันห้าร้อยไมล์แตะพรมแดนไทย-กัมพูชา ในวันมาฆะบูชา ปี 2547 ผมก็กลับมาใช้ชีวิตบนบกอีกครั้ง ก็ได้แต่รำลึกถึงชีวิตในทะเล 1 ปี 6 เดือน จนบางวันทนไม่ไหวต้องเปิดแผนที่ทะเลไทย ที่แทบจะเอาชีวิตไม่รอดออกมาดูเพื่อคลายความคิดถึง วันนี้ ลมหายใจของผมยังคงมีกลิ่นจางๆ ของทะเลเสมอ และ.. กังวลว่าวันหนึ่งมันจะหายไป แม้จะมีโอกาสกลับไปเยี่ยมทะเลอีกหลายครั้ง ทั้งยามปกติเพื่อเยี่ยมเยียนทุกข์สุข ของครอบครัวเทวดาตามรายทาง ที่เคยให้ความช่วยเหลือ และ รีบกลับไปในยามวิกฤติหลังเหตุคลื่นยักษ์สึนามิโถมเข้าอันดามัน แต่ไม่มีเช้าใดที่รู้สึกใกล้เคียงกับ 500 กว่าวัน บนเส้นทาง 1500 ไมล์ตามคำพูดของพ่ออีกเลย น่าแปลก...ที่ทุกวันนี้ ผมยังรู้สึกเหมือนว่า พ่อ แม่และหลานสาวยังอยู่ข้างๆ กาย ไม่เคยห่างหายไปไหนเลยสักวันเดียว ทำให้ต้องทบทวนใจตัวเองว่าความคับแค้นแบบเดิมๆ ยังแอบซ่อนอยู่ตรงไหนหรือเปล่า ดีใจที่ค้นเท่าไรก็ไม่เจออีกเลย เหมือนกับว่า... ผมใช้ความทุข์ครั้งนั้นเป็นพลังที่จ้ำเป็นล้านๆ พายจนหมดสิ้น นี่กระมัง...ทุกข์ใหญ่ใกล้ตัวหากรู้เท่าทัน ก็กลายเป็นเพื่อนเสนดีที่ให้คุณ มีคำถามเสมอว่า ผมรอดจากทะเลมาได้เพราะอะไร แบบง่ายๆ ก็คงตอบว่า *รอดเพราะทุกข์ * แต่หากมีเวลาคิดอีกนิด คำตอบใกล้ตัวและตรงกับใจมากที่สุดก็คือ * รอดเพราะ...รัก... * และ ต้องใช้*ความรัก...เท่านั้น ถึงจะรอดจากความทุกข์...* http://www.1500miles.com/ http://www.1500miles.com/webboard/show.php?Category=1500miles.com&No=196535 http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=196535 http://www.1500miles.com/webboard/show.php?Category=&No=164484 http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=164454 http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=164463 http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=164466 http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=164477 http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=167266 http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=179920 http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=179926 ........... ................ ตามติดไปสถิตเอาความงาม แห่งความหาญกล้า และ ทายท้าด้วยพลังแห่งรักได้ตามเวบที่พลีกำนัลให้นะคะ ************************************* เพียงคำเดียว...พุดพัดชา เพียงคำเดียว....ที่ทำให้มนุษย์ในหล้าโลกนี้ได้เกิดมา เพียงคำเดียว....ที่ทำพระบรมศาสดาตรัสเอาไว้ *ที่ใดมี..ที่นั่นทุกข์* เพียงคำเดียว.... ที่หากแฝงมากับความสนุกแล้วจะทุกข์ถนัด เพียงคำเดียว.... ที่คนเข้าวัดมักจะรู้สัจจธรรม และหวังจะตัดพันธนาได้ เพียงคำเดียว.....ที่พาให้ได้ทั้งชิดใกล้และพบพรากลา เพียงคำเดียว.....ที่ขนาดพระราชายังยอมพ่าย เพียงคำเดียว....ที่มีฤทธิ์ร้ายชนิดน่าสยองฝัน หากใครคนนั้นใช้มันไม่เป็น เพียงคำเดียว....ที่ทำให้เห็นทั้งสวรรค์แลนรก ยามพบฤาพรากจาก เพียงคำเดียว....ที่ทำให้คนดีอาจกลายเป็นคนบ้า ฤาแสนหาญกล้าทำสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ ฤาทำสิ่งอันแสนน่าสะพรึงกลัว เพียงคำเดียว....ที่ทำให้ฟ้าแสนงามดูเศร้าสลัว ราวมีเมฆบังยามไม่ได้ดั่งใจ เพียงคำเดียว....ที่รัดร้อยใจให้คนมีพลัง เพียงคำเดียว....ที่ฝังคนให้ตายก่อนตาย เพียงคำเดียว... ที่ทั้งร้ายทั้งดี เพียงคำเดียว... ที่ทำให้มนุษย์ทุกคนแสวงหา เพียงคำเดียว... ที่ขอฟ้าสักเท่าไรยากจะประทาน เพียงคำเดียว... ที่แล้วแต่บุญกรรมในกาลก่อน เพียงคำเดียว... ที่ทำให้หัวใจแสนอ่อนหวานอ่อนโยน เพียงคำเดียว...ที่พาให้กระโจนสู่ห้วงเหวลึก เพียงคำเดียว...ที่ทำให้คึกคนองมากพลังทำเรื่องแสนดีพลีได้สิ้น เพียงคำเดียว....ที่ทุกคนถวิลหวัง จะได้พบจบด้วยหวานเป็นดั่งตำนานแห่งชีวิต เพียงคำเดียว....ที่ฟ้าฤาพรหมลิขิตยังสงสัย เพียงคำเดียว....ที่เกี่ยวใครสองคนมารวมกันอยู่ สู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง เพียงคำเดียว....ที่แสนซึ้งแสนหวานแสนรานโศก เพียงคำเดียว....ที่จะประกาศิตให้โลกทั้งโลกคลายมืดหม่น เพียงคำเดียว....ที่ทุกผองชนหวังจะบังเกิด ให้โลกได้กลายเป็น*น้ำหนึ่งใจเดียว* เพียงคำเดียว....ที่แสนเปล่าเปลี่ยว หากหันไปไม่มีอ้อมกอดใครสักคนที่มาจากคำนี้ เพียงคำเดียว....ที่ทุกคนหนีไม่พ้นเมื่อเกิดมา เพียงคำเดียว....ที่คือสร้อยโซ่พันธนา หากทว่ามนุษย์ทั่วหล้ายังอยากแหย่ขาเข้าไป*ติดกับ* เพียงคำเดียว....ที่นับอนันตสขงไขยกาลเวลาที่พาให้มีสิ่งมีชีวิต เพียงคำเดียว....ที่ดั่งทิพยนิรมิตศรัทธาไม่ว่าจะมีกับศาสนาฤาว่าสิ่งใด เพียงคำเดียว....ที่ทำให้ไทยยังคงเป็นไทยด้วยคำนี้ที่ปรารถนามี เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ตราบสิ้นลม เพียงคำเดียว....ที่พร่างพรมให้มีพลังสรรสร้างงาม ในท่ามโลกแล้งไร้ร้อนรรอุ เพียงคำเดียว....ที่ควรคู่คงค่าหากรู้นำมาใช้ในทางสร้างสรร เพียงคำเดียว....ที่ทำให้คนค้นพบสัจจธรรมพาตัวหลุดพ้นพบพระนิพพาน เพียงคำเดียว....ที่จักเบ่งบานเย้ายวนหวานหอมหากยอมพลีที่จะมี เพียงคำเดียว....ที่ทุกชีวี..แสวงหาและท่ารอ เพียงคำเดียวที่..ก่อให้เกิดปาฏิหารย์..มหัศจรรย์.. และ.. เพียงคำเดียว....คำเดียว..ที่ฉันมิจำต้องฝากคำมั่นสัญญา หากเธอคือ..คนดีในปรารถนาที่พึงได้รับ...*รักนิรันดร์.*. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3207.html เพียงคำเดียว ...รณชัย ถมยาปริวัฒน์ ต้นน้ำ เพียง คำเดียว ที่ปรารถนา อยากฟัง ให้ชื่นอุรา ใจพะว้า ภวังค์ นาน เท่านาน พี่คอย จะฟัง คำนี้ คำเดียวที่หวัง อยากฟังจากปากดวงใจ คำ คำนี้มีค่าใหญ่หลวง พี่รัก พี่แหน พี่หวง เพียงดั่งดวงฤทัย พี่ ไม่เคย เฉลยกับใคร แต่แล้วพี่บอกเจ้าไป เพื่อให้เจ้าตอบเช่นกัน มี หลายคราที่เคย เหมือนเจ้าจะเอ่ย เปิดเผยเฉลย คำนั้น โอ แล้วใยอัดอั้น มิกล้าจำนรรค์ กลับตื้นกลับตัน ทรวงใน ฤา เจ้ามีคู่เคียงอุรา เจ้ารักเป็นหนักเป็นหนา ตรึงติดตราหัวใจ จึง จดจำถ้อยคำพี่ไว้ แอบเอาไปบอกคู่ใจ ทอดทิ้งพี่ให้อกตรม มี หลายคราที่เคย เหมือนเจ้าจะเอ่ย เปิดเผยเฉลย คำนั้น โอ แล้วใยอัดอั้น มิกล้าจำนรรค์ กลับตื้นกลับตัน ทรวงใน ฤา เจ้าลืมถ้อยคำคำนี้ จึงทำไม่รู้ไม่ชี้ ดังไม่มี เยื่อใย แม้น เจ้าลืมเจ้าเลือนเคลื่อนคลาย พี่เตือนให้อีกก็ได้ ก็รักอย่างไร เจ้าเอย...
28 กันยายน 2548 09:12 น. - comment id 520231
สวัสดีค่ะ...คุณ พุด แวะมาทักทายคุณพุดค่ะ
28 กันยายน 2548 09:15 น. - comment id 520233
สวัสดีค่ะ...คุณพุด...ขอทายทัก แก้วขอพัก...พอหายเหนื่อย...หายเมื่อยล้า เพียงเดินผ่าน...เห็นเว๊ปกลอน...แก้วแวะมา ร่วมสร้างสรรค์...เฮฮา...ประสาเรา.
28 กันยายน 2548 09:17 น. - comment id 520235
สวัสดี พุดสุดรัก มีใครคนหนึ่ง...เขาบอกว่าชอบเพลงนี้ และเขาก็คิดคล้ายเพลง... และเขาก็อยากฟังด้วย ......แต่ว่า... ขอบคุณพี่พุดสุดรัก เดียวมาอ่านอีกรอบนะคะ ทำงานก่อนนะ.... อยากบอกว่า...รักพี่พุดนะคะ
28 กันยายน 2548 09:58 น. - comment id 520275
1500 ไมล์ พายเรือเพื่อแม่....รัฐภูมิ อยู่พร้อม ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ สูญเสียคือ พลัง สวัสดีครับ ผมชื่อรัฐภูมิ อยู่พร้อม เป็นลูกชายคนที่สองในลูก 6 คนของพ่อผู้ใหญ่มิ่งและแม่เชื้อน อยู่พร้อม ผมเป็นเด็กสองจังหวัดที่เกเรเงียบๆ และไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรสักอย่าง ญาติแม่ทางตราดบอกว่าผมเป็นเด็กไม่ดี ญาติพ่อทางจันทบุรีก็ว่าผมไม่เอาถ่าน กว่าจะจบมัธยมปลายได้ต้องย้ายไปหลายโรงเรียน ผมก็เลยมีเพื่อนฝูงมากมาย ทั้งคงแก่เรียนและพวกเหลือขอ ผมชอบผจญภัยตั้งแต่ยังเล็ก บางทีก็หนีแม่ขี่จักรยานต์ไปเที่ยวข้ามจังหวัดจนแม่ระอา มาเลิกบ่นเอาเมื่อผมเข้าแข่งขันจักรยานต์ประจำจังหวัดได้รองชนะเลิศ ช่วงอายุ 13-14 ปี ผมเอาเรือลำเล็ก ๆ ออกจากอำเภอขลุง จ.จันทบุรี ล่องข้ามร่องน้ำที่เรือล่มบ่อย ๆไปหาเพื่อนที่หน้าเกาะช้าง จ.ตราด หลายคนห้ามแต่วันหนึ่งผมก็กลับมาหาแม่ พร้อมของฝากเต็มลำเรือจนได้ บ่อยครั้งที่ผมนั่งสัปปะหงกกลางวงสุราและกัญชา คอยพ่อที่เป็นผู้ใหญ่บ้านออกไปคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้เกือบทุกคืน ผมจะตื่นเต้นตาสว่างด้วยเรื่องราวของพ่อและเพื่อนๆ สมัยเป็นทหารเรือ ชีวิตกลางทะเลสีคราม ปูปลากุ้งหอยที่กินไม่รู้จักหมด และอภินิหารบารมีของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร หากพ่ออารมณ์ดีและไม่เมาจนเกินไป ผมจะได้ยินเสียงนุ่มๆ ของพ่อร้องเพลงทหารเรือให้ฟัง และหนึ่งในนั้นคือเพลงของราชนาวีที่มีเนื้อร้องว่า 1500 ไมล์ ผมอยากรู้ว่าไกลเท่าไร พ่อบอกว่า ไกลมากจนไม่เคยมีใครไปถึงมาก่อน ผมเมาอย่างหนักไปสมัครเข้าเป็นทหารในยุคที่เค้าต้องใช้เงินอุดกัน พ่อผมยิ้มแก้มปริ...เมื่อผมกลับบ้านหัวโล้นมาในเครื่องแบบแสนเท่ห์ของร้อยลาดตระเวน กรมนาวิกโยธิน ที่แย่งกันเทสร่างกายเข้าไป ปี 2529 สิ้นบุญพ่อ ผมบวชหน้าไฟนั่งมองร่างของพ่อหายไปในเปลวไฟ พร้อมกับสัญญาว่า จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างที่พ่อเคยขอไว้ ผมจากบ้านมากับเสื้อผ้าชุดเดียวเข้ากรุงเทพฯ ทำสารพัดงาน ทั้งขับรถบรรทุก คนงานก่อสร้าง ค้าขายเล็กน้อย รับจ้างทุกชนิด จนวันหนึ่งผมก็เปิดโรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์กับเพื่อนจนได้ หุ้นส่วนแยกผมเจ๊ง หันไปเข้ากองบก.นิตยสารจนเป็นช่างภาพและเริ่มถ่ายวีดีโอ ครูพักลักจำทำให้ผมเข้าทีมผลิตงานสารคดี ไม่นานก็เป็นพิธีกรจำเป็น ต่อยอดเรื่อยมาจนทำงานโปรโมชั่นให้กับห้างดังหลายแห่ง ผมเลิกเจ้าชู้จนในที่สุดก็แต่งงานกับลูกสาวผู้การ แล้วชีวิตผมก็เริ่มนิ่ง ผมกลับไปหาแม่และพาแม่ไปท่องเที่ยวอย่างมีความสุข ผมทำอย่างที่พ่อเคยสอนและอดทนสู้ทุกอย่างแบบที่แม่ทำให้ดู แม่เอาเรื่องราวที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือของผมไปคุยฟุ้งอย่างภาคภูมิใจ ผมจะกลับบ้านไปหาแม่เสมอถ้าว่างจากงาน ไปนั่งดูแม่นั่งขายของที่ตลาด ช่วยแม่หยิบถุงใส่ขนมส่งให้ลูกค้า แล้วผมก็รู้อยู่ในใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวผมล้วนมาจากแม่ทั้งสิ้น ชีวิตมีขึ้นแล้วมีลง ในความทุกข์มีความสำเร็จ และช่วงแห่งความสุขต้องระวังความทุกข์เอาไว้ สิ่งที่พ่อสอนผมก็เป็นความจริง 28 สิงหาคม 2542 ผมขับรถฝ่าสายฝนที่เทกระหน่ำตั้งแต่ห้าทุ่มบนเส้นทางสายมอเตอร์เวย์ มุ่งกลับบ้านที่ อ.ขลุง จ.จันทบุรี ง่วงเหลือเกินแต่ไม่รู้ว่าทำไมผมคิดถึงแม่เสียจนไม่ยอมจอดพักเหมือนเคย อดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงใบหน้าที่คงแปลกใจและตื่นเต้นของแม่ เมื่อเห็นผมพาลูกสะใภ้กับหลานชายไปเยี่ยมย่า และพาน้องสาวคนเล็กที่จากมาเรียนเสียนานกลับไปกราบแม่ เช้านี้ผมจะไปตลาดซื้อปูและหอยแครงไปทำกับข้าวให้แม่กินเหมือนเคย ช่วงสายๆ กะว่าจะชวนไปเยี่ยมป้าที่เขาสมิง แล้วเลยไปเที่ยวชายทะเลแถวๆ แหลมงอบด้วยกัน ตีสี่พอดี...ไฟหน้าบ้านกลางสวนเปิดสว่างโร่เห็นแต่ไกล แม่คงตื่นนานแล้ว น่าจะกำลังเตรียมขนมไปขายที่ตลาดตามประสาคนขยัน กว่าจะจอดรถที่หน้าบ้านน้องสาวคนโตได้ น้องสาวคนเล็กก็วิ่งฝ่าความมืดไปบ้านแม่อย่างคนชินทาง อย่างไรบ้านเราก็ยังดีกว่าที่อื่นๆ น่าอยู่และอบอุ่นเสมอ เสียงหวีดร้องของน้องสาวคนเล็กทำเอาทุกคนสะดุ้ง ผมกระโจนไปหาต้นเสียง รีบคว้าน้องสาวที่วิ่งร้องออกมาแบบไม่คิดชีวิต กลางแสงไฟที่เปิดทิ้งไว้ แม่ผมนอนหงายเลือดนองพื้น ผมรีบจับมือหาชีพจร มือแม่เย็นเฉียบแล่นขึ้นมาสะท้านใจของผม ผมงงไปหมดทำอะไรไม่ถูก ผมกอดเขย่าเรียกแม่ หวังได้ยินเสียงแม่ตอบเหมือนทุกครั้งที่ผมเคยเรียก...แม่ผมเสียชีวิตนานแล้ว นานพอที่มดเริ่มเดินมาหา แม่ผมตายแล้ว ผมหันไปกอดน้องที่นั่งร้องไห้ นึกขึ้นได้ว่ายังมีหลานสาวอีกคน ผมรีบวิ่งไปเปิดไฟห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอนเล็ก ไล่ไปเรื่อยจนเหลือห้องแม่ห้องเดียว ผมแง้มประตูผ่านเท้าแม่เข้าไป หลานสาวนอนหงายพิงเตียงอยู่อีกคน ผมปล่อยโฮมือตีนอ่อนนั่งหมดแรงอยู่ข้างตัวแม่ โดยไม่ได้ไปจับดูหลานสาวอีก เพราะเลือดนองไปทั่วพื้นห้อง ผมวนเวียนไปแวะจุดธูปกราบแม่ที่วัดดงกลาง อ.เขาสมิง จ.ตราด ทุกสัปดาห์พร้อมกับคำถามที่ไม่เคยมีคำตอบ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเหมือนขาดสะบั้น และหลุดหายไปอย่างไม่มีวันกลับคืนมาได้อีก ผมเดินไปเดินมาที่ชายทะเลอย่างไร้จุดหมาย ยิ่งนานวันก็ยิ่งจมดิ่งไปในห้วงลึกแห่งความทุกข์ บางทีก็นึกโทษตัวเองที่เป็นลูกชายประสาอะไร ทำไมคุ้มครองดูแลแม่และหลานสาวไม่ได้ ความก้าวหน้าของชีวิตที่ทุ่มเทมาสิบกว่าปีต้องหยุดลงอย่างกระทันหัน และความสุขที่เคยฝันเอาไว้ต้องจบลง เราทั้ง 6 คนพี่น้องต้องเคว้งคว้าง ใจหาย และไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับความสูญเสียที่ไม่คาดฝัน ทุกคืนทุกวันเคยมีแม่เป็นมงคลสูงสุดอยู่ที่บ้าน แล้วทีนี้เราจะกลับไปหาใคร หลายเดือนต่อมา ผมรีบเดินทางไป สภ.อ.ขลุง จ.จันทบุรี เพื่อเผชิญหน้าคนที่ตำรวจจับได้ว่าเป็นสองคนร้ายที่เข้าไปฆาตกรรมแม่และหลานสาว ผมอยากรู้ว่าคนประเภทไหนกันที่ทำร้ายหญิงชราและเด็กสาวที่ไม่มีทางสู้ได้ลงคอ ผู้การภาคฯ เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าเค้าตั้งใจไปทำร้ายน้องสาวคนที่สอง เพราะเรื่องหนี้สินเงินทอง ผมอยากถามเค้าว่า แล้วทำไมต้องฆ่าแม่ของผม...เย็นนั้น ผมแทบไม่มีแรงขับรถกลับกรุงเทพฯ จนต้องแวะพักไปตามทางเป็นระยะๆ คนจ้างวานเป็นนักเลงรุ่นน้องต่างหมู่บ้าน แต่มือปืนที่รับจ้างมาลั่นไกเป็นเพื่อนของผมเอง เพื่อนที่เคยปั่นจักรยานต์ไปโรงเรียนในตัวอำเภอด้วยกันเกือบทุกวัน เขายกมือไหว้ขอโทษบอกว่าไม่รู้ว่าเป็นแม่เพื่อน เพราะเราย้ายบ้านหนีถนนไปอยู่ในสวน และขอร้องพวกเราว่าอย่าไปทำอะไรลูกเมียและแม่ของเขาเลย เขาขอโทษ...ผมเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก เจ็บปวดจนมีชีวิตไปทีละนาที พ่อแม่พร่ำสอนให้เราเป็นคนดีไม่ทำร้ายใคร แต่ทำไมพวกเค้าทำได้ หากผมจะแก้แค้นให้แม่และหลานสาว คงไม่มีใครว่า แต่ผมไม่ได้เกิดมาเพื่อทำอย่างนั้น 5 พ.ย. 2543 ผมปล่อยน้ำตาไหลเป็นสายจนจีวรเปียกไปทั่วอก ผมกับน้องชายช่วยกันพลิกร่างเล็กๆ ของแม่บนเชิงตะกอนแบบเมรุลอย ตั้งแต่ห้าโมงเย็นถึงเกือบเที่ยงคืน จนเนื้อก้อนเล็กๆ ของแม่มอดหายไป รุ่งเช้าเรานำเถ้าอังคารของแม่ หลานสาว และของพ่อที่ห่อรวมกัน โปรยลงน้ำทะเลสีครามตรงข้ามกับเกาะช้างน้อย จ.ตราด บริเวณที่แม่บอกว่าชอบมากที่สุด คนที่ผมรักที่สุดในโลกได้กลับคืนสู่ท้องทะเลตามความต้องการที่เคยสั่งเสียเอาไว้ และเป็นหนึ่งในสัญญาสี่ข้อที่แม่เคยขอให้ผมช่วยทำ อีกสามเรื่องคือ ฝากประคองน้องคนเล็กเรียนให้จบปริญญาตรี สร้างโบสถ์ทำบุญ และพาแม่ไปเที่ยวทะเลใต้สักหน ผมยังวนเวียนไปยังหัวเขาริมทะเล เพื่อมองหาแม่ตรงจุดลอยอังคารทุกครั้งที่กลับบ้าน ถึงจะรู้ว่าแม่จากไปแล้วแต่ก็ไม่รู้จะไปไหนดี ทะเลตรงนั้นอบอุ่นที่สุดสำหรับผม บนหัวเตียงมีหนังสือทะเลไทยอยู่เล่มหนึ่ง ผมจะเปิดดูแผนที่จังหวัดตราดก่อนนอนและภาวนาให้ผมพบแม่ในฝันทุกๆ คืน แม้วัยเด็กผมจะเกเรไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่อย่างหนึ่งที่ปฏิบัติมาตลอดในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัวจนมาสร้างครอบครัว ผมไม่เคยผิดสัญญากับแม่สักครั้งเดียว สิ่งที่ยังคาใจและเสียดายเหลือเกินก็คือ ผมไม่น่าผลัดวันประกันพรุ่งเรื่องพาแม่ลงใต้ เวลาแม่ว่างผมก็ติดธุระ พอผมว่างแม่ก็ติดงาน แม่บอกว่า อยากเห็นทะเลใต้ว่าสวยงามอย่างในทีวีจริงหรือเปล่า อยากไปซื้อผ้าถุงลายแปลกมาฝากญาติๆ เพื่อนๆ ไว้ใส่อวดกันตอนไปงานบุญ และอยากไปให้ครบทุกภาคของประเทศ ผมบอกแม่ไว้ว่าต้นปี 43 แม่ต้องทำตัวให้ว่างสักเจ็ดแปดวัน แล้วเราจะล่องใต้ไปเที่ยวกัน แต่แม่ก็มาจากไปเสียก่อน บางคืนผมยังฝันว่าได้พาแม่ไปเที่ยวทะเลใต้อย่างมีความสุข ตั้งแต่นั้นมาผมก็สนใจแต่ทะเล ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ รายการทีวี เรื่องที่คุยกัน ไม่นาน...จินตนาการของผมก็เกี่ยวกับท้องทะเลทั้งสิ้น ความฝันที่เป็นสัญญาคาใจก็เริ่มชัดเจนและเด่นชัดขึ้นทุกวัน ผมเก็บเรื่องสำคัญนี้ไว้เป็นความลับสุดยอด แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง น้องสาวคนสุดท้องวิ่งมาบอกข่าวดีเรื่องสอบผ่านวิชาสุดท้าย และจบการศึกษาแน่นอนแล้ว ผมนอนไม่หลับไปทั้งคืนชื่นใจกับความสำเร็จของน้อง ตอนนี้เหลือเพียงสองเรื่องที่ผมต้องทำให้สำเร็จ แต่ก็เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน กลางดึกคืนหนึ่ง ผมปลุกภรรยามาขอความเห็น หากใครสักคนจะพายเรือลำเล็กๆ ไปรอบประเทศ เธอคิดว่าเป็นอย่างไร ผมนอนลืมตาโพลงอย่างหลับไม่ลง เมื่อนึกถึงคำพูดของภรรยาที่ว่า ใครที่คิดอย่างนั้น...เป็นบ้าไปแล้ว สัปดาห์ต่อมา ผมปลุกเธอกลางดึกอีกครั้งแล้วเล่าความจริงให้ฟังว่า คนที่คิดจะทำอย่างนั้น คือผมนั่นเอง
28 กันยายน 2548 11:04 น. - comment id 520292
พี่พุด ขอบคุณมากครับ..กับกลอนเพราะๆ กับเรื่องราวดีๆที่เอามาให้อ่าน เช้าวันนี้ มีอะไรหลายอย่างที่น่าหงุดหงิด บ่นบ้ากับตัวเองมาพักใหญ่ อ่านงานพี่พุดจบ อ่านเรื่องนี้จบ ใจคอก็สงบลง ขอบคุณครับ ---------------------- แม้น เจ้าลืมเจ้าเลือนเคลื่อนคลาย พี่เตือนให้อีกก็ได้ ก็รักอย่างไร เจ้าเอย... ----------------------- ปล. เพลงนี้เนี่ย ชอบเนื้อมาก หนึ่งในเพลงโปรดครับ
28 กันยายน 2548 11:20 น. - comment id 520306
แวะมาอ่านผ่านมาทักทายค่า
28 กันยายน 2548 11:25 น. - comment id 520313
ขอบคุณทุกดวงใจ ในเรื่อนใจ เรือนรักค่ะ ด้วยบทเพลงนี้นะคะ พลีให้แกล้มคลอไปกับทิวาหวาม ในยามเที่ยง กับ... ราตรีฝันค่ะในยามดายเดียว...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3573.html ทำด้วยหัวใจ ...ละครทีวี แผ่นดินของเรา ไม่มีเหตุผล ไม่ขออธิบาย ใดใด ขอเพียงบอกเธอ ว่าฉันนั้นจริงใจ กับสิ่งที่ฉันทำ ให้เธอ แม้ต้องจากกัน พร้อมความช้ำใจ ที่เจอ เหลือเพียงอย่างเดียว ที่ฉันจะขอเธอ ก่อนเธอนั้นเดิน จากไป โปรดถามฉันสักคำ ก่อน ว่าฉันทำเช่นนั้น ทำไม อาจดูไร้ค่า ไม่มีความหมายใด กับสิ่งที่ฉันทำ ทุกอย่าง แต่ฉันทำด้วยหัวใจ แหละความรู้สึก ที่ความรัก คอยสั่ง โปรดรับฟังด้วยหัวใจ โปรดฟังทุกอย่าง อย่างคนที่มีรัก แล้วเธอ จะเข้าใจ โปรดถามฉันสักคำ ก่อน ว่าฉันทำเช่นนั้น ทำไม อาจดูไร้ค่า ไม่มีความหมายใด กับสิ่งที่ฉันทำ ทุกอย่าง แต่ฉันทำด้วยหัวใจ แหละความรู้สึก ที่ความรัก คอยสั่ง โปรดรับฟังด้วยหัวใจ โปรดฟังทุกอย่าง อย่างคนที่มีรัก แล้วเธอ จะเข้าใจ...
28 กันยายน 2548 11:34 น. - comment id 520320
มาติดตามอ่านผลงานงามๆของพี่พุดเช่นเคยค่ะ.....
28 กันยายน 2548 12:00 น. - comment id 520346
เพียงคำเดียวเชียวที่ช่วยคิด ให้ยึดติดกับคำว่าปัญหาใหญ่ ให้คำนี้แนบชิดสถิตย์ในใจ จะคำไหน? ก็คำนี้เพียงคำเดียว...*อดทน* ขอบคุณ พี่พุดสุดรักนะค่ะ และอยากบอกพี่พุด เพียงคำเดียว รักพี่พุด..
28 กันยายน 2548 12:00 น. - comment id 520347
ขอบคุณพี่พุดที่นำเอาเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านนะคะ อ่านแล้วมีแรงใจมีไฟฝัน และรู้จักมีพลังมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ
28 กันยายน 2548 13:27 น. - comment id 520435
^J^ .......... ..เยี่ยมมากครับ....กำลังอยากทราบเบี้องหลัง ของเรื่องนี้อยู่.....ขอบคุณที่โพสท์ให้พวกเราได้อ่าน........
28 กันยายน 2548 13:47 น. - comment id 520456
ให้น้องท้องฟ้าในงาน *เขา..ฉัน..และ..เธอ* ......... คนดี อย่าเสียใจกับฤดีที่พลีภักดิ์ โลกเรานี้มีหวานหวังให้ประจักษ์ นิยามรักคือทุกข์มากหากจากลา กี่วันปีหากมิใช่ก็แค่ผ่าน เป็นตำนานดั่งนิยายไร้ห่วงหา ยืนให้ตรงทรนงในค่าคนนะดวงชีวา พี่พุดพัดชามาหอมแก้มแต้มรอยยิ้ม.. พาพริ้มพักตร์..พร้อมก้าวเดิน...
28 กันยายน 2548 16:03 น. - comment id 520517
แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนผลงานเขียนพี่พุดคับ อยากเขียนให้ได้อย่างพี่บ้าง คงอีกนานเนอะ ถ้าจะเปรียบ คือคำนั้น กับเพียงคำเดียว มันคงดูต่างกันมาก อย่ามาเทียบกับผมให้ผมอายเค้าเลย ทักทายด้วยรักคับป๋ม...เด็กชายกวีปกรณ์
28 กันยายน 2548 16:15 น. - comment id 520530
แวะมาทักทายค่ะ
28 กันยายน 2548 21:47 น. - comment id 520675
มากล่าวคำขอบคุณและราตรีสวัสดิ์ ทุกดวงใจค่ะ พุดพัดชาเพิ่งน้ำตารื้นชื้นเต็มนัยน์ตา เพราะดูรายการจอโลก ..ท่านมหาตมคานธีค่ะ* ที่ยิ่งใหญ่และแสนสะเทือนใจจนเกินกล่าวค่ะ ท่านคือมหาบุรุษแห่งโลกนี้ค่ะ พุดพัดชารักศรัทธาเกินกว่าจะหาคำล้ำเลอค่า ที่จะประมาณเทียบใจมิได้ในความดีงามของท่านค่ะ ใครไม่ได้ติดตามชม ลองหาเทปย้อนหลังนะคะ แล้วจะทราบว่าทำไมน้ำตาไหลพราก
28 กันยายน 2548 22:55 น. - comment id 520710
นัส..แวะมาเยี่ยมค่า ฝันดีค๊าบบ
29 กันยายน 2548 06:07 น. - comment id 520758
หลายวันก่อน เห็นในทีวีไม่ตลอด.... เพิ่งทราบความมากขึ้นจากคุณพุด น่าสนใจและน่าติดตาม...
30 กันยายน 2548 18:28 น. - comment id 521646
ได้รับข้อมูลอย่างมากมาย..ชื่นชมพี่พุดค่ะ...
30 กันยายน 2548 22:10 น. - comment id 521725
....... มาอ่านงานของพี่พุดแล้วคะ ชอบฟังเพลงนี้ค่ะ .... เพียงคำเดียว .... ชอบมากๆ ชอบเพลงนี้มานานแสนนานแล้วค่ะ ...... อ่านกลอน แล้ว ชอบ จังค่ะ พี่พุดเก่งๆๆมากๆค่ะ ..... อ่านเรื่องราวที่พี่พุดนำมาเสนอให้อ่านแล้ว เศร้าค่ะ อ่านพลาง น้ำตาซึมด้วย เฮ้อ ..
15 พฤษภาคม 2551 22:24 น. - comment id 850297
ขอบคุณมากครับ
21 พฤษภาคม 2551 22:54 น. - comment id 852284
....ใช่ค่ะ..... เพียงคำเดียว.... จะขอเป็นกำลังใจให้พี่โต้ง แห่ง บ้าน๑๕๐๐ ไมล์ (ที่ดอนหวาย) แห่ง มูลนิธิ ๑๕๐๐ ไมล์ แห่ง น่านน้ำทะเลไทย หนึ่งพันห้าร้อยไมล์ ทะเลไทย.... ...เสมอ และ ตลอดไปค่ะ... เพียงเพราะคำๆเดียวเท่านั้น...
21 พฤษภาคม 2551 23:06 น. - comment id 852296
...และอยากบอกว่า รู้สึกเข้าใจ ซาบซึ้ง ขอบคุณ คุณ "พุด" ที่ชื่นชม ยินดี และแบ่งปัน ความเข้มแข็งของลูกนาวีไทยคนนี้ให้ทุกคนที่ผ่านมา หรือ ที่อยู่ที่นี่ ค่ะ...