http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song65.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4658.html (คิดถึงพี่ไหม ) ....................... จุดเทียนทองบูชาหน้าพระพุทธ เดือนพิสุทธิ์หยาดสายหวานหว่านจากสรวง คืนพูนดวงจันทร์แจ่มฟ้ารักลาล่วง คนในทรวงมาแรมไกลในราตรี ช่อเอ๋ยช่อดอกรัก... แสนภูมิภักดิ์ในรักเราช่อศักดิ์ศรี ท่ามโลกแล้งแฝงเงาเศร้ามานานปี สร้อยชีวีผ่านเงาฝันฉันและเธอ ดอกความดีผลิช่อจากกอซื่อ ผ่านคำลือคำลวงใช่ห่วงเพ้อ เพียงรักมั่นนิรันดร์ธรรมใช่ละเมอ มิใช่เผลอหลงกลกามแห่งความรัก และ... คือสายใจสายใยคอยรัดร้อย คือโซ่สร้อยอักษราคล้องแน่นหนัก คือซื่อตรงคงมั่นนะที่รัก คือสลักแห่งงามดีพลีเพื่อกัน ฝันให้ไกลไปให้ถึงซึ่งฝั่งฝัน โลกหอมวันหอมคืนยื่นสวรรค์ มีเงาใจมีน้ำใจพลีกำนัล มีเธอฉันมาปันพลีดีแด่ชน แล้ว.. นิทราในราตรีที่หวานหอม กับพะยอมเคลียกิ่งไหวหนาวลมฝน ฉันมีเธอราวจันทร์แจ่มกลางกมล ทุกแห่งหนคอยตามติดสนิททรวง เธออยู่ไหนในไพรพงคงฝันถึง ย้ำความซึ้งตรึงใจใครคอยห่วง ร้างแรมไกลใจกับจันทร์อย่าแรมล่วง จันทร์เต็มดวงหมือนดวงใจใครคนนี้พลีรักเธอ..พลีรอเธอยังเพ้อครวญ..! ............................. ดวง.. จุดเทียน..วะวับแวม วางในตะเกียงทองเหลืองโบราณ อ่าน*กวีนิพนธ์ นิราศจักรวาล* แกล้มสายแสงจันทร์ ที่กำลังหยาดสายหวาน หว่านพลีพรายลงโลมไล้ร่างนวล ให้นอนดูพระจันทร์สวยสุดใจในราตรีนี้ บนเรือนจำปี... หวังทุกดวงใจในฝัน ที่จำพรากกัน จำแรมร้างห่างไกลกัน..คนละครึ่งฟ้า ทิ้งให้หนาวเหว่ว้าลำพัง ได้อธิษฐานฝันปันพลี กับดวงพระจันทร์หวาน...ในราตรีงาม..นี้..รอหวัง... ให้ราตรีหวานทิวากาล หมุนวนกลับมา รอ... คืนที่...ใจจะมิต้องดายเดียวเหว่ว้า ฟ้าจะมีทั้งจันทร์...มีทั้งดวงใจในฝัน ให้ได้คืนหลังกลับมาในเรือนใจ ได้ถวายหทัยทองพลีเป็นพุทธบูชา ได้พากันเป็นมิ่งมิตรกัลยาณมิตรธรรม แบบรักไม่รู้จบ.... ดวง.. จึงร่ายระรินรส..รจนาสด ขอพลี.. บทกวีบทเพลง และ บทความแสนดี จาก *ดวงจันทร์ถึงดวงใจ* ถึง กมลละไมทุกดวงใจ ในร่มรักในเรือนไทยเรือนทอง แห่งมิ่งมิตรน้องพี่ ไปกับราตรีแห่งงามเพ็ญผ่องนี้ ด้วยรักล้นใจค่ะ... ................................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song65.html ความรักไม่รู้จบ ....จิตราวดี จิตตเกษม ถึงจะอยู่สุดหล้าฟ้าดิน แม้จะสิ้นสิทธิ์และเสรี แต่วันนั้น ใจฉันยังคงที่ ความรัก ความภักดี ไม่มีสิ้นสลาย ถึงโลกแตกแหลกเป็นผงคลี รักเต็มปรี่ ไม่มีรู้คลาย ชีพถูกฝัง ความรักยังเวียนว่าย เคียงคู่เธอมิคลาย ฝากวิญญาณ ไว้เตือน ด้วย ความรักไม่รู้จบ แม้ผืนดินกลบ ยากเพราะความรักเลือน จะเนิ่นนาน กี่วันกี่ปี กี่เดือน ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจมิเลือน รักเธอ ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด... .................................. *จากดวงจันทร์ถึงดวงใจ! * กวีหรือนักเขียน ศิลปินหรือผู้สร้างงานศิลปะ ประชาชนคนเดินดินธรรมดาๆทุกๆคน ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นอาร์ติสก็ได้ ขอเพียงแค่ให้ มีใจดวงละมุน.. มักจะใช้จันทร์ฉาย จันทราจากฟากฟ้า เป็นแรงฝัน แรงบันดาลใจ ทั้งดาว เดือน ดาริกา ผีเสื้อ และมวลหมู่ดอกไม้ ท้องฟ้า ผืนดิน ธรรมชาติรายรอบ ที่งามสิ้นในโลกหล้าจักรวาล คือสิ่งที่หล่อหลอมให้บรรดาศิลปิน และผู้อยากจะเป็นได้ฝันใฝ่ไม่รู้สิ้น มีจินตนาการอันบรรเจิด..เพริศแพร้วมลังเมลือง..เกินธรรมดาๆ ถ้าเอาแต่มองน้ำครำ หรือมีชีวิตลำเค็ญท้องกิ่ว ไม่มีจะกิน ก็คงคิดอะไรไม่ออก ถ่ายทอดออกมาเป็นจินตนาการได้ยากยิ่ง เพราะคงได้ยินแต่เสียงท้องร้องจ้อกๆ แทน ท้องทุ่งนา ป่าเขา ลำเนาไพร ข้าวรวงเรียว ที่เห็นก็อยากแค่เอามาเคี้ยว แทนการเขียนบรรยายให้เห็นแค่งามนะซี.... มีเหมือนกัน ศิลปินไส้แห้ง ที่มีอุดมคติ ที่ทำงานด้วยใจรัก แต่มักจะอยู่สร้างฝัน ไม่ได้นานรีบ ตายเสียก็เยอะ เพราะโรครุมเร้า เล่นงาน จนทุกข์ทน.. เหมือนดั่งพระพุทธองค์ ที่ทรงแสวงหาทางสู่นิพพาน ความว่าง ความตรัสรู้ ด้วยการบำเพ็ญทุกกริยา เพียรทรมานทรกรรมร่างกายจนผ่ายผอม จนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ก็หาได้บรรลุไม่.. เพราะเป็นทุกข์ใจกับสังขารจนไม่มีสมาธิ... พระองค์จึงหันกลับมาเดินทางสายกลาง ทางสายที่พอดีๆไง ไม่หลงใหลในรูปรสกลิ่นเสียง ตู้เตียงฟูกหนา หรือแม้แต่กามโลกีย์ เพียงแต่ปล่อยวางเพื่อพบความว่าง จากทุกสิ่งที่จะทำให้ไม่ยึดติด และไม่ทำร้ายตัวเองอีกต่อไป.. อดหยากมากไป ใจของเราก็จะกระวนกระวาย สับสน คิดแต่เรื่องหาใส่ปากใส่ท้อง ที่ร้องจนน่าตกใจ พาให้รบกวนสมาธิ และพลังงาน การสร้างฝัน ใช้ชีวิตสุดหรู เกินไป ไม่ ติดดินเอาเสียเลย ก็เป็นศิลปินยาก เพราะต้องอาศัย ความโดดเดี่ยว ให้มีสมาธิ ที่ต้องนำมาใช้เขียน ใช้คิด ใช้จินตนาการ ให้งานออกมาจากแก่น แห่งความจริงแท้แน่นอนของชีวิต ที่มีความคิด คิด คิด เป็นเครื่องมือ ตอนสมองว่างๆ อย่างผู้ที่หวังผลิตงาน คือการเขียน เป็นเป้าหมายและผลผลิต..... ถ้าร่างกาย ทรุดโทรมมากเกินไป ด้วยโรคภัย สมองที่ไหนจะมาสร้างฝันแสนสวย แสนดีอยู่ได้ เพราะฉะนั้น สัจจธรรมที่แท้ ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน หรือนักอะไร ต้องมีความเป็นกลาง ความรู้จักคำว่าว่าง รู้จักคำว่าพอดีๆ.. ถ้ายอมทรมานตัวเอง เพื่อค้นหา ยอมทิ้งความสุขทุกสิ่งอย่าง มันก็ดี แต่ต้องมีขันติ และอดทนเป็นเลิศ กว่าจะไปถึงดวงดาว อาจจะยอม ท้อแท้ แพ้พ่ายเสียก่อน.. กว่าจะไปถึงคำว่าศิลปินใหญ่ น่าจะมีสองสิ่ง คู่กัน คือพรสวรรค์ พรแสวง... สำหรับดวง มาพลีใจฝันขวัญที่ซ่อนซุกสุขซึ้งไว้นานวัน ฝันไว้นานปีด้วยความรักรจนานี้ราวกับ เป็นหนึ่งเดียวจิตวิญญาณ และ.. ที่เขียนด้วยความรัก ความสุข สบายใจ จะดีหรือไม่ ก็คิดว่านั่นคือผลพลอยได้ เหนือสิ่งใด คือเราต้องทำด้วยใจ ด้วยความรัก ความสุข ฝากบอกทุกดวงใจวัยฝันที่เพิ่งเพียรเริ่มต้น ตั้งใจเขียนนะ แสวงหาแนวทาง และค้นคว้าอย่างตั้งใจซี ทำมันให้ดีด้วยชีวิตด้วยดวงใจทุ่มทั้งดวง เพื่อเก็บดาว.....พราวพรายฟ้า มากมี ที่ทอแสงรอท่า นำมาประดับใจ ประดับเกียรติ ให้ภาคภูมิ อ่านให้มาก คิดให้มาก และเปิดใจกว้าง กับทุกเรื่องราว ให้เข้ามาเป็น ประสบการณ์ชีวิต ไม่ว่าร้ายหรือดีก็มีคุณค่า ถ้านำมาเป็นบทเรียนสอนใจ ให้มองโลกเป็น เห็นงาม เห็นความว่าง ความพอดี.... และ จงพลีจำไว้ คุณ*ทมยันตี* นักเขียนระดับชาติ ผู้แสนจะรจนาทุกราวเรื่องได้อย่างพิลาสพิไล แสนบรรเจิดใจ..จิตวิญญาณได้กล่าวว่า *นักเขียนที่ดี ต้อง อ่าน ฟัง และค้นมาก แล้วจึงจะคว้ามาเขียน* และ... ที่สำคัญ ใจต้องสวยใสงามเนียนนวลละไมพอ ที่จะมาพ้อเพ้อสร้างฝันสร้างสวรรค์ สรรมอบสิ่งดีดี ที่จักจรรโลงโลกให้ฝันดีพลีให้แด่ผองชน บนผืนโลกนี้ได้ บางที เวลาดวงเข้าร้านหนังสือ จะได้สัจจธรรม นำมาสอนใจนะ ว่าโลกนี้มีหลายเส้นทาง เพราะหนังสือยังมีหลากหลายรูปแบบ และแนวทาง ของใครของมัน.. ทั้งวรรณกรรมเพื่อชีวิต ทั้งข้อเขียนขำขัน ให้ความบันเทิงใจ ทั้งศาสนา ปรัชญา นวนิยาย งานแปล งานประดิษฐ์ มากมายรายเรียง และสุดแท้แต่นักเขียนจะถนัดแนวไหน ให้เลือกหามาอ่านตามรสนิยม.... ดูแต่งานเขียนของ คุณอุดม แต้ สิ ที่เขียนจนสนั่นเมือง เพราะสามารถถ่ายทอดเรื่องราว สนุกสนานใกล้ตัว มาปรุงรสชาติ ให้มันส์ ให้ถูกใจวัยรุ่น ในวันนี้ จนขายดีต้องพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า... ดวง....อ่านงานหลากหลาย และแม้แต่นิยายประโลมโลกย์ ประโลมใจ ในวัยวันหนึ่ง ของชีวิต เพราะเวลานั้นอ่านแล้วมันแสนจะโดนใจ ในเวลานี้ หันมาอ่านหนังสือศาสนา ปรัชญา และวรรณกรรมเพื่อชีวิต และค้นพบว่า จริงๆ งานที่ดี ที่ชอบคืองานที่เรียบง่าย ใช้ภาษาบริสุทธิ์ใสใส ทั้งที่ตัวเองแสนจะยอกย้อน เวลาพรรณณา....ในงานเขียน แม้ใจอยากเขียนแบบนั้น แต่ก็เขียนไม่ได้ ไม่ถนัด และพยายามไม่ฝืนใจ แปลกดีไหม ที่เขียนได้แค่นี้ และ.. ยอมรับคำว่า นักเขียนเรื่องน้ำเน่า.... ที่เป็นทัศนะของท่านผู้อ่านบางคน.... ถ้าเป็นน้ำเน่า ก็ขอแค่ ให้ข้อคิด ในงานเป็นดั่งสะพาน ดั่งบันไดไม้ที่มากมีรัก เพื่อให้ผู้อ่าน ข้ามผ่าน ไปสู่สิ่งที่ดี ที่สร้างสรรกว่า..ของชีวิต และให้ปีนขึ้นไป พบความสวยงาม ที่รอท่าต้อนรับ ผู้ที่รักงานเขียน และมีความเพียรพยายาม กับงานที่ต้องขับเคี่ยวกับตัวเอง บนความว่างเปล่า ของหน้ากระดาษ ที่รอให้รจนา ออกมายังประโยชน์แก่โลกใบนี้ ที่บิดเบี้ยวขึ้นทุกๆวัน.... ขอให้พบกับโชคดี ที่ฝัน ที่ต้องการนะคะ จากดวงจันทร์ ถึงดวงใจ และจากผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อดวง.. ที่พร้อมจะเคียงข้างเป็นกำลังใจ ด้วยรักและปรารถนาดีนะคะ ... ..................................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4658.html คิดถึงพี่ไหม... โอภาส ทศพร คิดถึง พี่หน่อย นะกลอยใจพี่ ห่างกัน อย่างนี้ น้องคิดถึงพี่ บ้างไหม อย่าลืม อย่าลืม อย่าลืมสัจจา สัญญาที่ให้ ว่าตัวห่างไกลหัวใจชิดกัน คิดถึง พี่ก่อนน้องนอนก็ได้ เมื่อยาม หลับไหล น้องเจ้าจะได้ นอนฝัน ข้างขึ้นเมื่อใดแก้วใจโปรดมอง แสงของนวลจันทร์ เราสบตากัน ในแสงเรื่อเรือง คืนไหน ข้างแรม ฟ้าแซมดารา น้องจงมองหา ดาวประจำเมือง ทุกคืนเราจ้องดูเดือนดาว ทุกคราวเราฝันเห็นกันเนืองเนืองถึง สุดมุมเมือง ไม่ไกล คิดถึง พี่หน่อย นะกลอยใจเจ้า พี่ตรม พี่เหงา เพราะคิดถึงเจ้า เชื่อไหม ฝากใจกับจันทร์ ฝากฝันกับดาว ทุกคราวก็ได้ เราต่างสุขใจเมื่อคิดถึงกัน...
20 กันยายน 2548 08:29 น. - comment id 471108
มีคนแอบเอาจันทร์มาพรรณา พระจันทร์จะรู้ไหมว่า เขามีค่าแค่ไหน ...ทำให้คนอื่นมีความฝัน มีความสุข โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว...
20 กันยายน 2548 09:03 น. - comment id 476332
อืมนะ จริงค่ะ ทางสายลาง ไม่ว่าจะนักเขียนหรือนักอะไร จำต้องใช้ แล้วจะนำหลักที่กล่าวไว้ไปลองใช้ดูนะคะ เผื่อว่าจะเขียนอะไร อะไรได้ดียิ่งขึ้น ^_^
19 กันยายน 2548 01:19 น. - comment id 516607
จันทร์เต็มดวงคืนนี้พี่คอยเจ้า ระหว่างเราระหว่างฟ้านภาฝัน ระหว่างจันทร์ระหว่างใจห่างไกลกัน ระหว่างฝันระหว่างจริงยิ่งเพ้อทรวง กลิ่นจำปีหอมหวลข้างนวลแก้ม กลิ่นแก้วแซมแย้มผลิวิมานสรวง กลิ่นพะยอมหอมเย็นจริงอิงแอบทรวง อยากตักตวงกลัวกลิ่นหายจากกายนาง จันทร์เจ้าแจ่มแย้มเยือนฟ้านภาหอม พวงพะยอมคลอเคลียใจจนฟ้าสาง แต่จันทร์จริงอิงแอบใคร...ใจคงต้องละวาง มองจันทร์ห่างจากฟ้าไกล...ใช่ไหมจันทร์... ได้แต่แอบชมจันทร์บนฟากฟ้า... แล้วแอบนิทราหวานซ่านกลิ่นระรินหอม...
19 กันยายน 2548 08:26 น. - comment id 516632
สวัสดีค่ะ พี่พุดสุดรัก มิได้คิดฝันใฝ่ให้เป็นจริง มิหยุดนิ่งเฉยเผยความนัย แค่ทำสิ่งต้องการผ่านหัวใจ ที่ทำไปเพียงหทัยใคร่ปรารถนา... มิได้คิดเป็นศิลปินมีชื่อ แค่ยึดถือติดตามในภาษา ทำด้วยหัวใจใช่มารยา รู้คุณค่าภาษาอักษรกลอนกวี.... นักเขียน...คำนี้คงไกลเกินสำหรับมะกรูด... คงจะด้วยเหตุหลายอย่าง โอกาส...และมีบางอย่างที่คงยากทำใด้... แต่มะกรูดก็ชอบที่จะเขียน...แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม.... พี่พุดรักษาสุขภาพนะค่ะ คิดถึงเสมอ....
19 กันยายน 2548 14:03 น. - comment id 516693
แม้ใจอยากเขียนแบบนั้น แต่ก็เขียนไม่ได้ ไม่ถนัด และพยายามไม่ฝืนใจ แปลกดีไหม ที่เขียนได้แค่นี้ และ.. ยอมรับคำว่า นักเขียนเรื่องน้ำเน่า.... ที่เป็นทัศนะของท่านผู้อ่านบางคน.... ใครกันนะ .. ที่บังอาจกับจินตนาการของผู้อื่น อยากให้คุณพุดพัดชาจับเขามัดด้วยเถาวัลย์แห่งรัก มัดให้แน่น มัดให้ตึง .. อย่าได้หย่อนให้เชียว จากนั้นทุกวัน ก็รินรดความงดงามของอักษรให้ซาบซ่านในตัวเขา ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า วันแล้ว วันเล่า คืนแล้ว คืนเล่า เพื่อที่จะหล่อหลอมหัวใจอันกักขฬะของเขาให้ละมุนขึ้น หากเขายังดื้อดึง .. จงหวดเขาด้วยดอกไม้งามที่แสนหอม ให้ละอองเกสรฟุ้งกระจาย เปรอะไปทั่วร่าง อัลมิตราจะดูต้นทางให้ ... เย เย .. ตำหนวด มา
19 กันยายน 2548 15:44 น. - comment id 516760
พี่พุดจ๋า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเดือนมีตะวันให้เห็นเลยค่ะ มีแต่เมฆสีเทา และสายฝนที่เทลงมา น้ำที่เริ่มล้นตลิ่งตอนนี้เริ่มมีปลาเล็กปลาน้อยว่ายมารอเพื่อที่จะทำตัวให้ไหลไปตามน้ำ เมื่อไหร่ฝนจะซา ฟ้าจะสดใส เหมือนหัวใจของคนบางคนซักทีคะ มัดหมี่แวะมาเยี่ยมพี่พุดค่ะ คิดถึงพี่ เสาร์อาทิตย์ที่แล้วมัทไปดูนาข้าวมา เห็นลูกปลาช่อนที่ตัวสีแดง ตั้งหลายฝูง ลูกปลาช่อนที่ชาวบ้านเค้าเรียก ปลาลูกคลอกค่ะ อากาศดีจริง ๆ ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ เห็นเด็ก ๆ ขี่เจ้าทุยแล้วก็อยากจะขี่บ้าง แต่มันคงไม่ให้มัทขี่หรอกนะคะ มันคงกลัวว่าจะรับน้ำหนักมัทไม่ไหวค่ะ
19 กันยายน 2548 17:30 น. - comment id 516804
ระหว่างจันทร์ระหว่างใจมอบใฝ่หา ระหว่างลาระหว่างพรากจากเธอฉัน ระหว่างเศร้าระหว่างโศกโรคจาบัณ ก็เกิดพลันทั้งฉันเธอเผลอตรอมตรม กลอนไพเราะจังค่ะ ชอบค่ะชอบ
19 กันยายน 2548 17:48 น. - comment id 516819
แด่งานหมอกจาง *ฉันไม่อยากให้ความรักมีปีก* ดวงใจ ถ้าฉันจะมีปีก ขอปีกนี้ติดพลีที่หัวใจ ให้พ้นภัยรักพันธนา ฉันเบื่อรัก เบื่อเหว่ว้าหลงวน ในกลกามแห่งความรัก ฉัน อยากพักร่างจิต มิหลงยึดติดมายาใดมายาใจ มาเวียนว่าย ในทะเลโลกย์โศกน้ำตา ฉัน ขอติดปีกใจแล้วลอยเหินฟ้า เพื่อข้ามหานทีสีทันดร ลอยล่องดูชีวิตผู้คน ที่ยังหลงวนราวตกในเขาวงกต ยังลดเลี้ยวหาทางออกมิพบเจอ สำหรับฉัน อาจจะฝันเพ้อ ขอละเมอเพียร ด้วยใจดวงดี ดวงนี้ ที่หวังมิมืดบอดตราบชั่วกาล ฉันเพียงอยากผ่านภพจบด้วย ความสุข ความว่างนิรันดร์ แต่... ดวงใจ ใครกันจะช่วยได้ นอกจากเพียรเฝ้าติดปีกใจ ด้วยศีลสมาธิปัญญา เพื่อรอท่าวันเวลา ที่อาจจะยังยาวนานแสนไกล แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่เสียชาติเกิด ได้พบยอดพระรัตนตรัยอันแสนประเสริฐ เป็นรักเดียวที่ไร้ทุกข์ และปลายทางคือพ้นทุกข์นิรันดร์ ด้วยใจจากใจแด่ดวงใจ
19 กันยายน 2548 17:52 น. - comment id 516823
แด่ท่องเมฆา จันทร์คือจันทร์อันไสวในราวฟ้า ประดับนภาประดับใจในทุกหน จันทร์คือจันทร์อันใช่ของใครเพียงแค่คน จันทร์งามล้นจันทร์งามล้ำมาย้ำสัจจะธรรม... อย่าก้ำเกิน แค่เพลินชม..แค่เพลินใจ..
19 กันยายน 2548 17:56 น. - comment id 516828
แด่น้องรักมะกรูดหอม..ของพี่พุด ค่ะ..เสมอมาที่พี่พุดมิอาจเอื้อมกล้าใช้คำว่า นักเขียน แค่คำนักอยากจะเขียนเพียรรจนาฝัน ก็พอแล้วค่ะ สำหรับชีวิตเรา ในเมื่อยังมิได้อุทิศกายใจ ยึดเป็นอาชีพเลยค่ะ และ ขอสดุดีพลีคารวะ แด่นักเขียนที่ประสบความสำเร็จ สามารถเด็ดดอกรักไมตรีที่ผองชนพลี กำนัลได้สำเร็จนะคะ ทุกดวงใจในเส้นทางสายฝัน สายดอกไม้งาม ... ด้วยชื่นใจในรักน้องค่ะ พี่พุดไพร
19 กันยายน 2548 18:04 น. - comment id 516834
คุณอัลมิตรา หยาดน้ำตาพลีเอ่อแด่น้ำใจนี้ ที่รับซึ้งรับทราบ ให้กำซาบไปถึงวิญญาณ นักอยากจะเขียนคนนี้แล้วค่ะ ที่ รักร่มรักเรือนไทยเรือนทองแห่งนี้ มาหลายปีนัก รักที่จะ รจนาภาษาฝันสวรรค์หอม พลีฝากไว้ แม้นได้ดวงใจใครสักคนที่รู้รักงานมาจากกมลละไมละเมียด ก็แสนพิเศษพิสุทธิ์แล้วค่ะ และ ดวงตาฟ้าดิน ดวงตาสวรรค์ ก็มิเมินเฉย ได้หยิบยื่นคำเฉลย จากทุกน้ำใจคนดีมาพลีให้ เพื่อมิสิ้นไร้แรงใจไฟฝันค่ะ ที่ได้เททุ่มมาอย่างนานวัน มิสิ้นฝันมานานปี ตราบร่างและใจนี้ จะลาลับดับดวงไปตามตะวันลาค่ะ ด้วยซึ้งใจมากกกกกค่ะ
19 กันยายน 2548 18:11 น. - comment id 516836
น้องมัดหมี่ที่พี่พุดแสนรัก... รักที่จะค่อยๆละเมียดอ่าน คำจากน้ำใจแสนใสซื่อแสนงาม ของน้องค่ะ ที่พี่พุดจำจดได้ด้วย จิตใสใจดวงหอมๆหวานๆดวงนี้ของพี่พุด เช่นเฉกกัน คือสื่อสายใจสายใย ถักทอทอดทาบลงอาบหอม ให้ห้องห้วงใจพีพุดแสนไสว ไปด้วยความ รักค่ะความซาบซึ้งค่ะ ฝนตกทางนี้ฤาว่าทางไหน หากเราทุกดวงใจก็คงหวั่นไหวหวิวหวั่น มีพลังสดฉ่ำไปกับฟ้าฝนลมบนเสมอมา ตามลีลาแห่ง หอมใจคนกวี ที่มักจะพลีไหวหวาม กับทุกนิยามแห่งสายฝนค่ะ สาวนารักสายฝนรักแสงตะเกียง เลยแสนจะสุขล้นใจ เกินจักรำพัน เป็นภาษาใดเท่าใจนึกแล้วละค่ะคนดี รักษาสุขภาพให้ดีนะคะน้องน้อย