นอกจากนักแสดง จะมีซักกี่คนที่อยากได้น้ำตา ก็ในน้ำตาที่ดูใสนั้น ล้วนอิ่มไปด้วยความรู้สึก ทั้งดีและ เสียใจ แต่ส่วนใหญ่เราจะมีน้ำตาเมื่อตอนที่เสียใจซะมากกว่า บางทีอาจจะเพราะว่า ในชีวิตเรามีเรื่องที่ทำให้รู้สึกดีใจจริงๆอยู่น้อย เวลาร้องไห้ดีใจ ความรู้สึกเหมือนได้รับอะไรบางอย่าง เวลาร้องไห้เสียใจ ก็กลับรู้สึกสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป ต่อมน้ำตานั้น อยู่ที่ตาจริงๆหรือ แล้วใครรู้วิธีห้ามน้ำตาบ้าง ทั้งที่เพียงเป็นแค่หยดน้ำ ซึ่งราวกับจะหยุดไว้ได้ด้วยเปลือกตา แต่สุดท้าย ทั้งที่ใช้ทั้งสองมือแล้วก็กลับไม่อาจห้ามน้ำตานั้นได้ คงเพราะน้ำตานั้นถูกกลั่นมาจากความรู้สึกทั้งหมดที่มี จึงทำให้มันหนัก บางครั้งก็หนักจนเกินจะแบกไว้ได้ด้วยหัวใจเพียงดวงเดียว ตอนที่น้ำตาไหลออกมาอย่างมากมายนั้น จึงทำให้เราเหมือนใจจะสลาย ก็น้ำหนักที่มากมายนั้น ถาถล่มลงมาทับหัวใจในคราเดียว บางคนอาจลำบากกว่านั้น คอยกลั้นน้ำตาเอาไว้ หัวใจก็ต้องรับภาระแบกน้ำหนักน้ำตานั้นจนอ่อนล้า สะสมนานๆเข้าก็เหมือนเขื่อนที่รอวันแตก น้ำตาเป็นสิ่งพิเศษ ข้อความที่ไร้ถ้อยคำนั้น บางเวลา ก็เรียกร้องหาหัวใจอีกดวงมารับฟัง และร่วมแบกน้ำหนักของมัน และถ้าหัวใจดวงนั้นเป็นใจดวงเดียวกับที่เราปรารถนา น้ำตาแห่งความสุขคงจะรินไหลในไม่ช้า แต่ถ้าหัวใจดวงที่เราหมายปองนั้นเองที่ทำให้เรามีน้ำตา เวลานั้น เราคงทำได้แค่ปล่อยให้หัวใจของเราพูดไปจนหมดแรง ถึงอย่างนั้น น้ำตาก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหัวใจไม่อาจพูดสิ่งใด น้ำตาอาจจะเป็นหนทางเดียวที่เราจะสื่อสารกับหัวใจก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจของเราหรือหัวใจของคนอื่นก็ตาม
28 สิงหาคม 2548 20:53 น. - comment id 509378
...ร้องให้มันออกมาแล้วน้ำตาจะหยุดใหล ...ร้องให้เถิดร้องไปเดี๋ยวหัวใจมันชาชิน ...ได้ยินนักฟิกส์ในยุคกรีกกล่าวไว้ไหม ...หากว่าสสารใดเปรียบเช่นใจโดนกระทำ ...เขาบอกให้เราจำว่าเดี๋ยวทำ reaction ...แล้วมันจะต้านแรง ด้วยความแกร่งเพิ่มขึ้นมา ...อะอะอะอะอิอิ ก็ action = reaction ไง เดี๋ยว..หัวใจเราจะรับ..เรื่องราวที่เข้ามาต่อไปได้ดีเองแหละ สู้ๆนะ