http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song198.html(ปรารถนา) http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4658.html (คิดถึงพี่ไหม) .................... ฝนทิ้งช่วงไปนาน..แล้ว... จนดินดานแตกระแหง..แล้งไร้ไปทั่วทุ่ง สาวนาเพิ่งลงแรง เก็บเกี่ยวข้าวพันธุ์แก่นจันทร์มาไว้ในยุ้ง และ ให้หอมทั้งข้าวใหม่ลอมฟางจรุงไปทั่ว... สาวนา กำลังใช้แม่ควายคู่ใจช่วยไถแปร ตั้งใจจะลงข้าวโพดหวาน พันธุ์ที่ไม่มีการตัดแต่งพันธุกรรม ที่วิทยากรด้านเกษตรกรรมเพิ่งอบรม และแจกพันธุ์ให้มาฟรี เป็นพันธุ์ใหม่ธรรมชาติ ที่คงฝากหวานพอกันกับมือคนเพาะปลูก ที่ใช้น้ำรักรดระริน พลีหลั่งไว้ในผืนดินทองแผ่นดินเกษตรกรรมไทย.. ณ..ที่แห่งงามไสวด้วยฟ้าฝน..เป็นใจ.. สาวนา ไม่ค่อยสบายคล้ายๆภายในใจโหวงๆ และ คิดห่วงใยด้วยสมองใสๆซื่อๆแบบสาวนา เมื่อทราบจากใครใครว่าน้ำมันเริ่มแพงแสน แพงเสียจน อนาคตไม่ทราบว่า.. คนไทยคนในเมืองกรุงเรืองรุ่งศิวิไลซ์ เมืองที่วัตถุมากมายล้นไปทั่วทั้งเมือง จะอยู่กันอย่างไร ที่ต่างพากันฝากชีวิต ที่แสนฉาบฉวยไว้ในมือระบบสังคมทุนนิยม ที่คงจะพังลงในชั่วพริบตา หากโลกหล้าไร้น้ำมัน ไม่ว่าเครื่องบินรถรา โรงงานอุตสาหกรรมนานา และ แม้นกระทั่งสถานบันเทิงเริงรมย์ให้เลิกหลงลงนรก คงต้องตรอมตรมพร้อมกันหยุดกิจการ ประหยัดน้ำมัน ราวยามสงครามก็ไม่ผิด หากทว่าสำหรับชีวิตสาวนา ที่เดินสวนทางกลับกับใครๆ และโลกศิวิไลซ์นานมา คงมิเดือดร้อน สาวนา ไม่เคยใช้ไฟฟ้า มีเพียงแสงตะเกียงเคียงกระท่อมมาจนชิน มีเพียงเทียนทองทอ ในทุกยามที่ถวิลอยากจุด เพื่อให้ความรู้สึกละมุนงดงาม ในยามกราบกรานนั่งสวดมนต์สมาธิเพียรภาวนา หน้าองค์พระพักตร์พระพุทธ อย่างรู้หยุดรู้พอ อย่างขอแค่ความสุขสงบงาม ณ กลางจิตกลางใจ สาวนา เคยถูกปรามาสว่า ช่างคิดทำอะไรไม่เหมือนใครเอาเลย ใช่สิ.. เพราะสาวนาคนนี้เกิดมากับแสงตะเกียง รักเสียงสายฝนพรำ รักธรรม ธรรมชาติ รักสายแสงแห่งตะวันแรก ยามอรุณรุ่งอันแสนอบอุ่นอ่อนโยน ที่สาดสายอันโอบเอื้ออ่อนหวานอาบทาบทา ทั่วพรายผืนนา ดั่งพรมทองผ่องพิลาสพิไลผ่องผุด ให้ความงามพิสุทธิ์อย่างล้ำล้นใจ อย่างเลอค่าใจ ที่แสนจะยิ่งใหญ่ ให้รู้ค่าความงามธรรมชาติ ที่ฟ้าเบื้องบน ประทานให้มา ให้รู้สึกว่า ฟ้าช่างงามไสว ทำไม.. และ ไยหัวใจ....ช่างแสนละไมละเมียดละมุนเสียเหลือเกินแล้ว ให้ใจดวงมิหวังเบียดเบียนโลกได้จรุงในทุกครา ยามย่ำรุ่ง น้ำค้างพร่างกรุ่นกลางกลีบเกสรดอกไม้ ให้เรียวหญ้ารวงข้าวถูกไล้ด้วยเรียวหมอกหยอกเอิน ราวสาวอายเอียงเอียงอายยามต้องมือชายหมายรัก สาวนา ยังรักวิถีทุ่งวิถีธรรมชาติ ที่ดวงดอกไม้ไพร และ บัวกลางบึงยังค่อยๆแย้มกลีบใสบริสุทธิ์ ค่อยๆผลิละออไหวหวาน แย้มตระการรอรับมวลหมู่ภู่ผึ้งภมร ให้ค่อยๆร่อนถลาเชยชม ดอมดมดูดดื่มอย่างระรื่นรมย์ ให้ได้รับรสอันสดเกษมเปรมปรีย์ ค่อยๆเป็นไปตามวัฎฎธรรมชาติ ใช่...ดอกไม้เมือง ที่บางดวงดอก มิประเทืองประทับใจ ราวดอกไม้พลาสติกไร้ใจ คิดรีบปรุงรัก เร่าร้อน มิค่อยๆผลิหอมฝากค่า แบบค่อยเป็นค่อยไป จนต้องไหวครวญ ยามถูกขยี้หวานผลาญพร่า.... ให้กลีบรักร่วงแหลกกระจาย...!!!!!! โพล้เพล้..แล้ว ตะวันสีไพลใหญ่เท่ากระดังฝัดข้าว มาลอยเหนือราวไพร ดงไผ่กอ ให้สาวนานอนดูนกกระจาบบินกลับรัง พ่อ แม่ลูกคงทายทัก พากันร้องระงม สาวนา... เอนอิงร่างในกระท่อมไพรภาวนา ท่ามดงดอกลั่นทมหลากสีเหว่ว้า ที่พากันกรายกิ่งไหวมาริมหน้าต่าง มาแย้มเศร้าเฝ้าห่วงใยทักถาม ปานประหนึ่งสายลม...ที่ยังหวานระรินถวิลหา น้ำตาจากความปิติที่รักเงียบงามนิ่งงัน ชอบฝันดายเดียว...ราวโลกนี้ไร้ร้าง ช่างสงบสงัดชัดลึกให้รำลึกรู้ ราวในบึงใจ มีเพียงหยาดใสแห่งน้ำพระอมฤตธรรมที่ใสเย็นฉ่ำ ให้ดื่มด่ำเอมอิ่มเอิบงามในดวงวิญญาณ ....ปานประมาณนั้น สาวนา...จุดตะเกียงทองเหลือง และ ให้แสงทองทาทาบอาบงามไปทั่ว ก่อนที่จะพาตัวไปริมคอกวัว..ควายที่ใช้ไถนา แสงสลัวสะท้อนโหนกน้อยให้ค่อยๆเอามือลูบไล้ ให้.. สาวนาจุดไฟไล่เหลือบยุงริ้นไร ให้หญ้าน้ำ และปลอบด้วยคำหวานเบาๆ *อ้ายคงกลับมาในไม่ช้า แล้วนะ...เจ้าสายน้ำ* *เราจะรอเขานะ จนกว่าเขาจะตัดสินใจคืนหลังกลับบ้าน วิมานไพร วิมานวนา ของเรา* *วันที่เราสองคงจะมิเหงาใจอีกต่อไปนะ วันที่ฟ้าคงสว่างไสวกระจ่างจ้าจรัสราวเรียวรุ้ง ราวฟ้าหลังฝนหลังลมพายุพัดผันผ่าน และ วันที่เราจะมีกันและกันพร้อมหน้า ให้สาวนาซ้อนซบโอบร่างรักภักดีเอาไว้อย่างแนบแน่น แล้วขี่หลังเจ้ากรายทุ่งลุยนา มาครวญบทเพลงหวานแสนหวานบานเบิกใจ มาพรายนิ้วพลิ้วไหวพรมขลุ่ยยามเดือนเพ็ญ มาเดินเคียงไหล่ทุกเช้าเย็นดูผืนนาฟ้าสวย ดูลมระรวยล่องข้าวเบา * มาดูเงาน้ำในลำธาร ยามพายเรือไปเก็บบัวบูชา ดูสาวนาอาบน้ำ ในท่ามดาวเดือนกระพริบล้อ มากอดหยอกล้อ ยามสาวนาหนาวเนื้อใช้เนื้อห่มให้หนาวคลาย มาร่ายบทกวี แสนงาม ในยามเข้าไต้เข้าไฟ มาหอมหัวใจรักภักดี มาพลีเลือดและหยาดเหงื่อ หลังสู้ฟ้าหน้าสู่ดิน ถิ่นพสุธาทอง เพื่อผองชนคนไทยได้มีข้าวกินได้อิ่มท้อง และ ราวให้ใจเราสอง ได้แสนปิติภาคภูมิราวอิ่มทิพย์ ในชีวิตนิดน้อยหนึ่งนี้ ที่ยังมีชีวีแลร่าง ได้ฝากประโยชน์พลีแด่ผืนดินแม่มาตุภูมิ.... สาวนา...น้ำตาคลอ เมื่อแหงนเงยเห็น ดาวประจำเมือง พร้อมกับได้ยินเสียงอ้ายคล้ายเคยฝากไว้.... .............. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4658.html คิดถึงพี่ไหม... คิดถึง พี่หน่อย นะกลอยใจพี่ ห่างกัน อย่างนี้ น้องคิดถึงพี่ บ้างไหม อย่าลืม อย่าลืม อย่าลืมสัจจา สัญญาที่ให้ ว่าตัวห่างไกลหัวใจชิดกัน คิดถึง พี่ก่อนน้องนอนก็ได้ เมื่อยาม หลับไหล น้องเจ้าจะได้ นอนฝัน ข้างขึ้นเมื่อใดแก้วใจโปรดมอง แสงของนวลจันทร์ เราสบตากัน ในแสงเรื่อเรือง คืนไหน ข้างแรม ฟ้าแซมดารา น้องจงมองหา ดาวประจำเมือง ทุกคืนเราจ้องดูเดือนดาว ทุกคราวเราฝันเห็นกันเนืองเนืองถึง สุดมุมเมือง ไม่ไกล คิดถึง พี่หน่อย นะกลอยใจเจ้า พี่ตรม พี่เหงา เพราะคิดถึงเจ้า เชื่อไหม ฝากใจกับจันทร์ ฝากฝันกับดาว ทุกคราวก็ได้ เราต่างสุขใจเมื่อคิดถึงกัน... .......... และ... ด้วยใจดวงดินดวงเดิมดวงดี นาทีนี้ สาวนา ได้แต่รินน้ำตา ได้แต่ฝากปรารถนาไปในบทเพลง ที่คือบทบรรเลงรักร่วมกันมา อย่างแสนหวานชื่นฉ่ำระหว่างเรา ในเงาอดีตนานปี....!!!!!!!!! ...................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song198.html ปรารถนา...ทูล ทองใจ หากแม้นเลือกเกิด เองได้ คนทุกคนเลือกเกิดอย่างไร ตามใจเขา ปรารถนา แต่ตัวฉัน นั้นขอตั้ง สัจจะวาจา ถึงชาตินี้ ชาติหน้า ปรารถนาเกิดมาใกล้คุณ หากร้อนผิวกาย ใจระทม ตัวฉันยอมเลือกเกิดเป็นลม เฝ้าลูบชมเนื้ออ่อน ละมุน หากหนาวนัก ขอเอารัก วางไว้เป็นทุน ขอเกิดมา เป็นผ้าอุ่น เกิดเป็นหมอนหนุน สำหรับนาง อยากเกิดมาเป็น สีแดง แต้มแต่งสองริมฝีปากคุณ อยากเกิดเป็นแป้งหอมกรุ่น ลูบไล้เนื้ออุ่น สองปราง อยากเกิดเป็นสร้อยห้อยคอไว้ อยากเป็นดอกไม้ที่ทัดหู อยากอยู่ร่วมหอ ไม่ห่าง จะขอเป็นแหวนสวมก้อย เป็นกำไรสวมใส่มือน้อย เกิดเป็นรอยรับบาทของนาง อยากแนบเนื้อ ขอเป็นเสื้อสวมใส่สรรพางค์ ขอเกิดเป็นหมอนข้าง เพื่อนางนวลน้อง ได้กอดนอน...
4 กรกฎาคม 2548 12:40 น. - comment id 488061
สิ้นแสงดาวดุเหว่าแผ่วแว่วร้อง จากสุมทุมลุ่มน้ำตามลำคลอง เฝ้าสะท้อนสิ่งที่เคยกลั่นกรอง ยากใฝ่ปองคนสวยชาวบ้านนา.....อิอิ ครับงานงามมากครับ อ่านไปร้องเพลงไปเลยนึกถึงเพลงนี้แต่ดัดแปลงให้ถูกตามกลอน แด่สาวพุดชาวบ้านนาแห่งพงไพร ซะเลยครับ แก้วประเสริฐ.
4 กรกฎาคม 2548 12:54 น. - comment id 488081
แม่ดวงดอกพุดไพร ก็คิดถึงบทเพลงนี้ค่ะฃคุนแก้วแวประภัสส์ แต่ไม่ค่อยเข้ากับงานรจนาเรื่องนี้ เลยมาพลีร้องให้ฟังแทนนะคะ ก่อนจะแวบไปทำธุระแล้วค่ะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song283.html สิ้น แสงดาว ดุเหว่าเร่าร้อง จากสุมทุมลุ่มน้ำแม่กลอง พี่จำจากน้องคนงาม แว่วหวูดรถไฟ พี่แสนอาลัย สมุทรสงคราม คงละเมอเพ้อพร่ำ คิดถึงคนงามที่อยู่แม่กลอง ราช การทหารเรียกใช้ ลูกน้ำเค็มโอ้ทัพเรือไทย ฝึกเตรียมเอาไว้คุ้มครอง พี่ต้องขอลาจากแล้วแก้วตาลาถิ่นแม่กลอง คงหวนมาหาน้อง คนสวยแม่กลองคอยพี่กลับมา เมื่อ สงกรานต์งานวัดบ้านแหลม เคยเที่ยวชมกับโฉมแฉล้ม เมื่อคืน ค่ำแรมเมษา สรงน้ำร่วมน้อง ปิดทองพระ ปฎิมา อธิษฐานรักอยู่คู่ฟ้า หวังเกิดมา ร่วม ใจ ป้อม พระจุลไกลบ้านห่างน้อง เมื่อฝนมาฟากฟ้าคะนอง ได้ยินถึงน้องหรือไม่ พี่ส่งสัญญาฝากฟ้าครวญมาจากห้วงหัวใจ คือเสียงครวญหวนไห้ ทหารเรือไทยยังห่วงแม่กลอง... ด้วยซึ้งใจมากกกกค่ะ
4 กรกฎาคม 2548 13:04 น. - comment id 488091
พุดไพร..สาวนา มาฝากคำกระซิบว่า อย่าลืม... ฟังบทเพลงนี้แกล้มคลอเคล้าเคลียคลึงใจ ให้ไหวแรงรัก ด้วยวาบหวามงามเสน่หา ตาม *ปรารถนา*นะคะทุกคนดี ดวงใจ* ที่พุดไพรแสนรักเนื้อเพลงมากล้นค่า จนยากยิ่งจะรำพันฝันรำพึงบอกแล้วค่ะ และ หากใครมาคุกเข่าร้องให้ฟัง จะรักตายเลยอิอิ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song198.html หากแม้นเลือกเกิด เองได้ คนทุกคนเลือกเกิดอย่างไร ตามใจเขา ปรารถนา แต่ตัวฉัน นั้นขอตั้ง สัจจะวาจา ถึงชาตินี้ ชาติหน้า ปรารถนาเกิดมาใกล้คุณ หากร้อนผิวกาย ใจระทม ตัวฉันยอมเลือกเกิดเป็นลม เฝ้าลูบชมเนื้ออ่อน ละมุน หากหนาวนัก ขอเอารัก วางไว้เป็นทุน ขอเกิดมา เป็นผ้าอุ่น เกิดเป็นหมอนหนุน สำหรับนาง อยากเกิดมาเป็น สีแดง แต้มแต่งสองริมฝีปากคุณ อยากเกิดเป็นแป้งหอมกรุ่น ลูบไล้เนื้ออุ่น สองปราง อยากเกิดเป็นสร้อยห้อยคอไว้ อยากเป็นดอกไม้ที่ทัดหู อยากอยู่ร่วมหอ ไม่ห่าง จะขอเป็นแหวนสวมก้อย เป็นกำไรสวมใส่มือน้อย เกิดเป็นรอยรับบาทของนาง อยากแนบเนื้อ ขอเป็นเสื้อสวมใส่สรรพางค์ ขอเกิดเป็นหมอนข้าง เพื่อนางนวลน้อง ได้กอดนอน... ด้วยซึ้งใจ
4 กรกฎาคม 2548 13:25 น. - comment id 488097
นึกไม่ออกเลยว่า เวลาสาวนาถูกปลิงเกาะจะเป็นไง ผมเคยถูกปลิงควายเกาะที่สะบักเมื่อลงไปอาบน้ำเล่นน้ำในคลอง ไม่รู้ตัวจนเพื่อน ๆ เห็นมีเลือดไหลออกมาตรงปากหรือตรงก้นมันก็ไม่ทราบ ตัวเบ่งเลย ต้องรีบเอายาฉุนมาโปะมันก็หล่นไปเลือดออกอีกตั้งนานแผลกว่าจะหายหลายวันเลย ถ้าสาว ๆ ถูกเกาะกัดกินเลือดที่บริเวณเนื้ออ่อน ๆ คงร้องบ้านแตกแน่
4 กรกฎาคม 2548 14:07 น. - comment id 488140
สาวนาแสนหวาน.. อ่านแล้วพลอยวาดฝันไปจนเห็นไร่ข้าวโพดและธรรมชาติที่พลิ้วอยู่ในตัวอักษร...
4 กรกฎาคม 2548 16:28 น. - comment id 488203
อยากเป็นสาวบ้านนาค่ะ ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ บรรยายอบอวลไปด้วยความสดใส สดชื่น อบอุ่นมากค่ะ เป็นชีวิตที่น่าสัมผัสยิ่งนัก
6 กรกฎาคม 2548 15:38 น. - comment id 488815
กานต์ก็เป็นสาวบ้านนานะคะพี่พุด แต่คงไม่หวานเท่าพี่พุดค่ะ อ่านแล้วคิดถึงบ้านค่ะ
18 เมษายน 2553 10:39 น. - comment id 1121782
863456953
18 เมษายน 2553 10:42 น. - comment id 1121784
863781986