http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song634.html (สาวชาวสวน) http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song467.html (หอรักหอร้าง) .......... กับเริ่มรุ่ง ที่น้ำค้างยังใสพราวราวหยาดเพชร เกาะค้างจับกลีบกลางเกสรดอกไม้ใบหญ้า ไพลคว้าจักรยานคันเก่าคู่ใจค่อยๆพาตัวเอง ออกมาจากบ้านวิมานดินวิมานไพรในเมือง ตั้งใจจะมาทอดทัศนาทัศนียภาพ ยามอรุณเรื่อฟ้า... ยามนกกาผกโผผิน..กางปีก บินล้อลมแรกแทรกฉ่ำใส ไรแสงสาดสายพรายพรม ห่มพลิ้วด้วยริ้วนวลสายไหมไรหมอก ที่จะพากันหยอกเอินนาข้าวเขียวขจีเขียวไพล ที่บัดนี้อาจจะเหลือเป็นแปลงสุดท้าย ที่ใกล้เมือง ใกล้ใจไพลที่สุดแล้ว เพราะ เบื้องหลังนั้น.. เมื่อมองออกไปคือตึกเป็นแท่งสูงเสียดฟ้า หลายสิบแท่ง.. *อาณาจักรเมืองทองธานี* ที่เป็นของอภิบรมมหาเศรษฐี* ที่ชาตินี้ หากเอาเงินมากอง ก็คงสูงท่วมฟ้าพอกันกับแท่งตึก ที่นึกนึกดูก็คิดไม่ออกว่า ชาตินี้จะใช้หมดได้อย่างไร... และ ก็คือธานีทองของคนรวย มิใช่ของคนจนบนผืนหล้าที่มากมีมากมาย ไร้แม้กระทั่งที่ทำกิน แค่หวังพอฝากชีพสิ้นพออยู่รอดไปวันๆ อย่างคนจน *ที่ตำบลบ้านลานดอกไม้ดก..เมืองกำแพงเพชร* ที่มีชื่ออย่างแสนงามนามไพเราะ หากทว่าผู้คนจนยากไร้ ไม่มีหัวใจใสสดพอ ที่จะรอดูดวงดอกไม้ดก.. ตกร่วงควงพลิ้วหวาน.. หว่านสายพร่างลงมาณ..กลางลาน..ดอกนะ ได้แต่งันงกรับจ้างไปวันวัน เพราะแม้กระทั่งกระท่อมจะอยู่..ยังไม่มี อย่าว่าแต่ที่จะทำกิน *ทรัพย์ในดิน* ที่จะนำมาไถแปร*..มายังชีพชอบเลย และ.. นี่คือ ความแตกต่าง... ห่างกันไกลเหลือแสน..ในแดนด้ามขวานทอง อันชักจะผ่องผุดเพียงในมือนายทุน ผู้รวยยิ่งรวยล้นฟ้า กันอยู่ไม่กี่กลุ่ม..รุมกินโต๊ะชาติไทย ไม่ปันแบ่งใคร นอกจากวงศาคณาญาติ พรรคพวกเพื่อนพ้องพี่น้องเพื่อนฝูง ผู้ราวอภิสิทธิ์ชนคนกุมบังเหียนชาติ ฉลาดลงทุนหมุนวนเวียนรับ เพราะมีหนทางมากมายนักจากพลังเงินงาม มีมือยาวสาวผลประโยชน์ทั่วสยามได้กว้างไกลกว่า.. ........ เอาละนะ..เช้านี้.. ไพล..เพียง..พามาชมธรรมชาติ..*เริ่มรุ่งรับงาม * ไฉนลามไล้ ไประบายไปถึงความยากไร้ในทุกธุลีหล้าได้ก็ไม่รู้สินะ...! ...... กลับมานาทีนี้ กับเรื่องดีดีตรงหน้าดีกว่านะ ทุกคนดีทุกดวงใจในร่มรัก..แห่งผองเรา ที่ไพล...พลีพาร่างใจ..และจักรยานจอดไว้ไม่ไกล.. แล้ว เดินลัดเลาะเลี้ยว เข้าไปในเส้นทางลูกรังสายเล็กๆ ที่ณ.บัดนี้มีดวงดอกน้ำค้างยังแตะแต้มแก้มดงดอกหญ้าไพร ที่ต่างพากันไหวเอนระเนน ระบัดช่อพ้อพร่างอย่างอ่อนช้อยคล้อยตามระลอกลม เริงร่ายส่ายผสมระบำรับอรุณอันอุ่นเอื้อ..แรกแย้ม..! ใน..คะนึงนวล ไพลได้กลิ่นหอมอวล..นาข้าวพร่างพราย ร่ายมนตรามากับลมอรุณแรก แทรกมากับทิวาหวามในยามเช้านี้ ไพล ได้กลิ่นแม้กระทั่งจากใบตองนวลสไบนางฟ้า ที่พากันเริงร่าโบกสะบัดไหว ในริมรั้วเรือนไม้ชาวสวน ได้กลิ่นอวลตรลบของดวงดอกพุดซ้อน ที่ช้อนกลีบละออนวลหนานุ่มคล้ายกลีบละมุนกุหลาบขาว หากให้กลิ่นเร้าแรงรัดรึงตรึงใจ ให้ซึ้งซ่านหว่านหวามไหว ให้หลงในมนตราเสน่หาได้ลึกล้ำดำดื่มกว่ากัน.. เรือนไม้ชายสวนชาวสวน..และที่นาละแวกนี้ ที่บัดนี้... อาจะเหลือเพียงผืนเดียวหลังเดียวเดียวดาย พรายซ่อนซุกในรุกขชาติร่มไม้ไพรเทวาพันธุ์พฤกษ์ษาผืนนา เพียงหลังเดียว..โดดเดี่ยวมิโดดเด่น หากทว่าแฝงเร้น อยู่ในท่ามกลางความเงียบงามสุขสงบสมถะ แม้นว่า จักมิห่างจากเมืองวายวุ่น เคียงถนน ที่ผู้คนกำลังกรุ่นร้อน ไปด้วยความเร่งรีบกับรถราแน่นขนัด ที่พากันตะบึงบีบแตรระงม ให้หูตรมใจตรอมก็ตามทีเถอะนะ ละแวก... ที่มีนายทุนบ้านจัดสรร มาขันแข่งแย่งกันสร้าง ก่อแท่งตึกหน้าตาอัปลักษณ์ สร้างเป็นอาณาจักรอาณาเขตส่วนตัว มารุกคืบขยับไล่วิถีชีวีชีวิตชุมชน..วิถีไทย ให้ไม่เหลือหลอ...ความพอเพียงเพียงพอ..ดำรงอยู่คู่ฟ้าไทย ให้กลายเป็นอาณาจักรศิวิไลซ์ กั้นด้วยรั้วเหล็กประดิดประดอย แสนแพง หากทว่าสำหรับดวงใจไพล ดูเท่าไรๆในมโนนึกก็มิลึกล้ำมีค่า เพราะราวป้อมปราการฤาว่าหอคอยแห่งคุก คอยคุมขังชีวิตจิตวิญญาณ ให้ไร้นวล..แตกงาม..ได้สัมผัสค่าคำอิสรา ที่ดูอย่างไรก็ไม่งามเท่า รั้วไม้ไผ่... ที่มียอดกระถินตำลึงไล่เลื้อยพันพร่าง พ้อฝนพรายกอ...แตกช่อผลิงาม..เขียวไสว อวดอวบยอดตึงรึงรัด มัดคลึงเคล้าคลอพ้อพราว...ไปกับรั้วดิบเดิม ให้นึกแสนอบอุ่นอ่อนโยนเป็นยิ่งนัก..เสียยิ่งกว่า... ที่มีเพียงเรือนไม้... แม้นมิใช่จะทาสีฟ้าหรือมีม่านบังตาสีชมพู แบบในรังรักจินตนาการหวานหวัง...อย่างในบทเพลงก็ตามที หากก็ยังให้ความรู้สึกดีรู้สึก ดิน รู้สึกถวิลไพรกว่าเป็นไหนไหน เรือนไม้ ที่ยังมีที่นาเคียงใกล้มีสวนผักผลไม้ มีซุ้มเถาวัลย์ เถา ฟักแฟงแตงกวา แตงร้าน ห้อยย้อยอวดลูกยาวเรียวรีเขียวเขียวมันมัน ดกแทบถึงดิน ให้มิสิ้นงาม ให้นัยน์ตาเหงานิ่งงันได้สัมผัสล้ำลึก นึกเห็นแม้กระทั่ง.... หยดฝน ฉ่ำชื้นหยาดเย็นที่ยังจับนวลชื่นผิวผล ไพลเคยแวะคุย กับเจ้าของเรือนไม้ริมสวนริมนาหลังน้อยหลังนี้ ที่เขาบอกว่า *นี่คือสมบัติทรัพย์ในดินชิ้นสุดท้าย * ที่มาตรแม้นนายทุน จะใช้พลังเงินตรามาตามต่อขอตื๊อซื้อสร้างอาณาจักรหิน เขาก็จักไม่ขาย...ตราบชีพสิ้น... ในเมื่อ แผ่นดินนี้มีที่มาแห่งวิถีบรรพบุรุษ ฝากฝังทุกสิ่ง...ที่มากเรื่องราว. *หอมงามแห่งความทรงจำ* อันคือที่มาแห่งชีวีชีวิตนิดหนึ่งน้อยราวธุลีหล้านี้ ที่เคยได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย แบบครอบครัวคนไทย ที่แสนโอบเอื้ออบอุ่นใจ..แสนเป็นสุขใจ ที่ต่อให้เงินตราก็หามาแลกไม่ได้ เขาเพียงอยากฝากชีวิต..สถิตอยู่กับความสงบงาม อยู่กับความรู้พอดีพอเพียง... ในผืนดินถิ่นเกิดก่อกาย ได้รู้ค่าการใช้ชีวิต ที่มิยึดติดกับวัตถุ ที่แม้นจะหรูแสนหรูแพงแสนแพง ก็ดูดูจักไม่มีวันเติมสุขพอ ขอแค่มีกินมีใช้ และ ได้ไปวัดทำบุญสร้างกุศลทานบารมี ที่เขายังพอมีงานสุจริต รับซ่อมจักรยานให้เด็กๆแถวบ้านเพื่อเลียงชีพชอบ ได้ดำรงร่างประกอบบุญ ก่อนสิ้นลมหายใจสุดท้าย ที่จักใช่ แน่นอน มิวันใดก็วันหนึ่ง ......... เช้านี้ ...!!! ในนาทีนี้... ไพลจึงกำลังยืนนิ่งนิ่งซึมซึ้ง ดูฟ้าสวยใส..ไรแสงแรกแหวกหวาน ดูพระอาทิตย์ค่อยๆคลี่ดวงแดงแรงร้อนอ่อนอุ่น เอิบงาม ผ่านม่านมวลนวลเมฆนิ่ม อย่างอิ่มเอิบใจเป็นที่สุด ฟ้าเริ่มทอแสงกระจ่างแจ่ม แย้มรำไรรำไรระเรื่อระเรื่อสีแสงส้มอมชมพูจรัสเรือง มวลดอกไม้ไพรดวงดอกหญ้าใกล้ม่านเมือง เริ่มฟายฟ้อนร่ายร่อนซัดส่ายกลีบบางๆ ให้พร่างหยาดน้ำค้างระเหยหายไปกับพรายแดด..! รวงข้าวแรก..เริ่มผลิอวล หวานหอมละมุนมากับสายลมอรุณ มาทายทักริมหัวใจ สาวนาสาวไพล ให้ยิ่งหนาวนวลใจ ในละไมฝัน ราว..กำลังกระซิกกระซี้ระรี้ระริก พร่ำ..รำพันรำพึง ฝากกระซิบ คำซึ้งซึ้งซึ้ง ว่าแสน*รัก..รัก...รัก ..และ...รักรักรัก*.. เสียนักแล้ว นะเจ้าแก้วขวัญเจ้าจอมใจ....ในหอมใจ......!!!!!!! ******************* http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song467.html หอรักหอร้าง เรือนหอหลังนี้ พี่สร้างรอเจ้า แก่ต้อง อัปเฉา เฝ้าแต่รอ หม่นหมองฤดี เฝ้าแต่รอรักน้อง มาร่วมชีวี ฝันหวาน คอยพี่ สุขขี วันวิวาห์ เรือนน้อย คอยรัก คอย เธอ เคียงคู่ ได้แต่ มองดู ขาดยอดชู้ คู่ขวัญ ชีวา สิ้นสลาย รักคลาย สัญญา น้อยหรือ แก้วตา เปลื่ยนวาจา ลืม น้ำใจ ดึกดื่น ตื่นตา อกผวา ครวญ เห็นห้อง ให้หวล ครวญคร่ำอาลัย สาย ลม โชยกระซิบ ร่ำไห้ ห้องหอ เรือนใจ ไร้ เทวี เดียว ครอง เรือนหอหลังนี้ เห็นที จะร้าว สวาท ขาด จาง เปลี่ยว อ้างว้าง ไม่สม ปอง สร้างเรือนหอ ไว้รอ ปรางทอง เหลือ เพียงหอ ห้อง กับเจ้าของ เรือนรัก ทลาย เรือนหอหลังนี้ เห็นที จะร้าว สวาท ขาด จาง เปลื่ยว อ้างว้าง ไม่สม ปอง สร้างเรือนหอ ไว้รอ ปรางทอง เหลือ เพียงหอ ห้อง กับเจ้าของ เรือนรัก ทลาย... ***************** http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song634.html สาวชาวสวน .....ลัดดาวัลย์ ประวัติวงค์ โอ้ อก สาวชาวสวน นอน หนาวใจรัญจวน อยู่บ้านกลางสวน ทุเรียน ลม หนาว พาพัดอยู่ ฤดูผลัดหมุนแปรเปลี่ยน วัย สาวหมุนเวียน มา สิบแปดหน้า ฝน โอ้ อก สาวชาวสวน ฟังเสียงเรไรครวญ โศรกเศร้ากำศวร เหลือ ทน ยามแสงจันทร์นวลส่อง ฉันตรอง ครุ่นคิดหมองหมุ่น หากมี คู่รัก สักคน คงจะพ้น หนาว ใจ มองทุ่งมะลิวัลย์ เถาทอดเลื้อยพัน รอบรั้วกระถิน กลิ่นหอม ไกล มะลิยังพรอด กอดกระถินด้วยเหตุใด แมลงแกล้งจูบดอกไม้ เหมือนมีใครแอบ จูบแก้มฉัน โอ้ ดึก ดื่นคืนนี้ ในสวนยามราตรี แจ่มจ้าด้วยสี แสงจันทร์ ยาม ฉันมีชายคู่ คิดดูวาบหวิวใจหวั่น อยากให้เถา มะลิวัลย์ เป็นอ้อมแขนของ เธอ โอ้ ดึก ดื่นคืนนี้ ในสวนยามราตรี แจ่มจ้าด้วยสี แสงจันทร์ ยาม ฉันมีชายคู่ คิดดูวาบหวิวใจหวั่น อยากให้เถา มะลิวัลย์ เป็นอ้อมแขนของ เธอ... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song193.html(รังรักในจินตนาการ) http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song219.html(เดือนต่ำดาวตก) http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song162.html(กลิ่นโคลนสาบควาย) น้ำค้าง น้ำค้างพราววาวแววรับเรียวแสง เรียวแดดแรงโลมใล้คล้ายปลุกฝัน มวลดอกไม้สยายกลีบรับตะวัน น้ำค้างขวัญพลันมลายหายวับไป ดอกไม้หวานบานกลางไพรรอฟ้าสาง หยาดน้ำค้างแตะแต้มแกล้มกลีบไหว ดอกไม้เอ๋ยเจ้าได้เชยชุ่มฉ่ำใจ อย่าเสียใจรอเวลาท้าอรุณ กลางสายฝนลมแรงแกล้งกลีบเจ้า ให้รานร้าวชอกช้ำขวัญว้าวุ่น แต่ไม่นานดอกหนาได้ละมุน หยาดพิรุณแพรวน้ำค้างพร่างพริบพรายใต้เงาจันทร์กับฝันดี....
7 มิถุนายน 2548 16:42 น. - comment id 476522
มาดื่มด่ำกับภาษาสวยที่พลิ้วไหว คลอไปกับสาระของชาวเมืองและชาวดิน สวัสดีค่ะน้องพุด
7 มิถุนายน 2548 18:18 น. - comment id 476550
เป็นอีกหนึ่งอิริยาบถที่สร้างให้จิตใจไร้สิ่งพอกพูน ยามได้อ่านงานงามเหล่านี้ล้วนเป็นธรรมชาติใสสะอาดผ่องแผ้วชำระความหมักหมมออกจากจิตใจเสียบ้าง ขอบคุณครับแก้วประเสริฐ.
7 มิถุนายน 2548 20:11 น. - comment id 476647
ขอบคุณคุณพุดนะครับ อ่านแล้วรู้สึกรอยขมวดคิ้วคลี่สบายลงมากเลย ข้องใจอยู่ที่เดียวที่ไม่จินตนาการตามได้ทัน - - - - - - - - ที่เขาบอกว่า *นี่คือสมบัติทรัพย์ในดินชิ้นสุดท้าย * - - - - - - - - ไม่อยากอ่านแล้วผ่านเลยวานช่วยชี้กระจ่างด้วยนะครับ - - - - - - - - - - - - ใต้โตนด..ตระหง่านบ้านชานไม้ ที่ฤทัยไทยเก่าเนาสถาน ต่อเรือนรักรอเจ้าเยาวมาลย์ ฤๅแก้วกาญจน์หันหน้าหาเรือนใด พะไลร้างนางนวลหวนให้เศร้า กลิ่นกายเจ้าจากปะกนแต่หนไหน โอ้เหงางอนชะเง้อหน้าหาดวงใจ ดั่งหทัยรอเจ้าสู่เหย้าเดิม - - - - - - - - - - - - อื่ม..
7 มิถุนายน 2548 20:46 น. - comment id 476677
.... เรน..ชอบที่จะอ่าน..งานงดงาม..และอ่อนโยน.. ของพี่พุดพัดชา.. แต่เรน .. ก็ไม่รู้.. จะคอมเม้นท์ได้อย่างไร.. อยากจะเขียน .. บอกความรู้สึก .. ในธรรมชาติ .. ที่งดงาม .. อยากให้ทุกคน .. ได้สัมผัส .. แบบที่เรนได้ .. ด้วยดิคะ .. เรน.. คิดถึง .. พี่พุดพัดชา..นะคะ ..
7 มิถุนายน 2548 20:47 น. - comment id 476678
พี่ดอกแก้วคะ พุดขอบพระคุณนะคะ ที่ยังมาให้พลังใจกำลังใจกับคน หัวใจดวงโบราณๆใช้ภาษาโบราณๆค่ะ พุดก็วนไปเวียนไปมาตามประสาค่ะ เพราะคือความรักจริงแท้ ที่รักแสนรักธรรมดาใจ ธรรมชาติไพรอย่างมั่นคง แน่นอนนักในชีวิตนิดน้อยนี้ ที่ไม่นานก็จำพรากลาไกลไปลับแล้วละค่ะ ด้วยซึ้งใจที่ยังมีน้ำใจให้พุดค่ะ
7 มิถุนายน 2548 21:23 น. - comment id 476688
คุณรักษ์คะ ซึ้งใจอีกแล้วค่ะ ที่เข้ามาฝากกำลังใจให้นะคะ คำว่า*ทรัพย์ในดินชิ้นสุดท้าย* พุดรจนาหมายฝากว่า คนเรานะคะถึงจนยากอย่างไร หากมีผืนดินทำกิน เราก็จะมิสิ้นหวัง อย่างชายชาวนาชาวสวนริมชานเมืองนี้ ที่เขาคิดว่าตราบใดยังมีดินให้ไถแปร เขาก็จักมีข้าวกินค่ะ เสมือนคำ*ในหลวง*ที่ว่าให้รู้ค่าคำพอเพียง ใช้ชีวิตอย่างสายกลางแผ้วถางที่ทำกิน ขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกผักหญ้า แบบเศรษฐกิจพอเพียง พอเลี้ยงชีพชอบ และไม่ทะเยอทะยานอยากไปตามกระแสโลกย์วัตถุนิยม ไม่ตรมไปกับหนึ้สินจากความอยากได้ใคร่มีในสิ่งที่เกินพอดีพอใช้ชีวิตค่ะ สมัยก่อนชาวนาชาวไร่ มีชีวิตอย่างสงบสุขแสนสบาย ได้ฝากวัฒนธรรมประเพณี ที่ประณีตงดงามไว้มากมาย ไม่ว่าจะในงานงามยามว่างจากหว่านไถ มาเป็นผ้าทอไทยจากพลังแห่งจิตภายในดวงใสสวยค่ะ นะคะ หรือว่า พวกขนมไทยไทย ที่ต้องใช้ฝืมือละไมละเมียดค่อยๆปรุงปั้นออกมาและกุลสตรีไทยที่ยังรู้ค่าคำว่าแม่ศรีเรือนค่ะ พุดก็..ชอบความงดงามความประณีตไม่เร่งรีบ ฉาบฉวยแม้นกระทั่งกับความรัก ที่พุดมักรจนาให้หนักแน่นภักดีมั่นคง และซื่อตรงค่ะ มีธรรม มาประดับจิตให้ใสมีดวงใจเป็นดั่งผู้ให้ค่ะและ ทุกสิ่งคือเสน่หาแห่งความรักที่จักยืนยงค่ะ พุด..คงโบราณจริงๆค่ะคุณรักษ์ แต่มีคนเห็นตัวจริงมักคิดว่าพุดเปรี้ยวจิ๊ดค่ะ ก็แปลกดีนะคะ ไว้ค่อยคุยกันอีกนะคะ ด้วยรักและซึ้งซาบใจค่ะ
7 มิถุนายน 2548 21:33 น. - comment id 476690
แม่หยาดน้ำค้างกลางดวงใจพี่พุด ระยะนี้พี่พุดราวกับคิดถึงน้องมากค่ะ เพราะพี่พุดไม่ค่อยได้เข้ามาฝากคำถึงน้องๆที่รักบ่อยนักค่ะ แต่เหนือสิ่งใด คือน้ำใจน้องที่ยังคงไม่ลืมให้พลังใจพี่พุด รักงานพี่พุดก็จงหยิบฉวยแม้นสิ่งดีมีค่าสักนิดน้อยไปใช้ในชีวิตนะคะ พี่พุดอยากฝากกระซิบว่า ลูกผู้หญิงนั้นเสน่ห์นอกไม่เท่าเสน่ห์ใน เสน่ห์ภายในดวงใจดวงจิต ที่คิดที่รู้*ให้*และ แสนมีเมตตาธรรมอย่างจริงแท้ และ ที่แน่แน่ คือต้องรักธรรมชาติมีความสะอาดเป็นระเบียบไม่ฉาบฉวย สวยแต่รูปจูบไม่หอมค่ะอิอิ เสมือนพีพุดเคยฝากไว้ในงาน *ผู้หญิงในฝันในใจของผมไงคะ* และพี่พุดก็รักน้องเช่นกันค่ะ อย่างมากมายด้วยค่ะ
7 มิถุนายน 2548 21:08 น. - comment id 476701
พุดกราบขอบพระคุณคุณแก้วค่ะ อย่างซาบซึ้งที่สุดแล้วสำหรับนักรจนา ที่มีหัวใจรักรจนาอย่างจริงแท้ พุด ได้อาศัยพิงพัก ในร่มเงาแห่งปีกฟ้าที่แสนกว้าง และ ให้อิสราหัวใจทุกดวงได้สร้างฝัน ได้ระบายฝัน ดั่งนกไพรไร้พันธนา พากันเหินบินอย่างมิสิ้นพลังใจไฟฝัน เพื่อเอื้อมเก็บดาวเดือนตะวัน มาส่องพลีกำนัลแด่ผองชน และดับร้อนเร่า แห่งโลกนี้ที่ผู้คนนับวันจะวายวุ่นค่ะ แต่ หากทว่าหัวใจเรายังมีหวังหวานหอมกรุ่น มีน้ำใจโอบเอื้อฝันปันพลีซึ่งกันและกัน ตราบนั้นโลกนี้ก็คงจะดีขึ้นค่ะ และ จงอย่าสิ้นหวังกำลังใจ สำหรับพุด ในโลกรจนาโลกฝัน พุดได้รับพลังใจแสนงามล้ำเลอค่า จากมิ่งมิตรน้องพี่มาอย่างยาวนานค่ะ โดยเฉพาะ คุณแก้ว ที่พุดคิดว่า ช่างมีใจดวงประเสริบฐอย่างจริงแท้ค่ะ พุดสัมผัสได้จากกำลังใจที่รินหยาดใสให้น้องพี่มาอย่างสม่ำเสมอ แม้นบางครั้งคอมพุดมักไม่เป็นใจให้พุด ได้ฝากคำขอบคุณคืนกลับก็ตามที พุด จึ่งได้แต่ซาบซึ้งใจอย่างที่สุดค่ะ และ หวังสักวันเราคงได้พบกันนะคะ พุดกราบขอบคุณอีกครั้งค่ะ ด้วยรักคารวะศรัทธาในน้ำใจใสงามค่ะ
7 มิถุนายน 2548 22:08 น. - comment id 476719
บรรยากาศยามเช้าช่างละมุนละไมนักค่ะพี่พุด คิดถึงนะค่ะ
8 มิถุนายน 2548 09:32 น. - comment id 476835
ฝากไว้ในงานคุณช่อ เช้านี้ และ พลีกำนัลแด่ทุกดวงใจใสงาม ที่รักพุดพัดชา สาวบ้านนาป่าไพรค่ะ เด็ดพุดซ้อนอ้อนน้ำค้างเสียบข้างแก้ม แล้วก็แย้มยิ้มรับกับเช้าใหม่ คิดถึงคนแสนรักในดวงใจ แล้วดอกไม้ในหอมใจก็ไหวบาน ตระการแก้วพร่างพราวราวสายรุ้ง จรัสรุงมีใครหนอพ้อคำหวาน ทุกทิวาราตรีปีผันผ่าน ดั่งบัวบานกลางบึงกว้างมิร้างรัก หยาดน้ำค้างดั่งเพชรพรมห่มให้ชื่น ปลุกให้ตื่นฟื้นมาสู้นะยอดรัก โลกเรานี้มีโศกสุขคลุกเคล้าหนาวเหน็บนัก ร่มพุทธพักรักษาใจหยาดน้ำใสอมฤตธรรม ทางสายงามทอดยาวเคล้าธรรมชาติ ทางสะอาดแสนว่างกลางชีพร่ำ ชีวิตเราแค่ลมหายใจมาใฝ่ธรรม เลิกสร้างกรรมทำความดีพลีมอบรัก เมตตาทุกดวงใจณ.ตรงหน้า ทุกเวลาอภัยใจแน่นหนัก รู้การให้ต่อสายใยสายใจภักดิ์ คือสลักแห่งงามตามตรึงใจ ไม่มีเขาไม่มีเราไม่มีร่าง ทุกสิ่งว่างมาเพียงพบแล้วหลับไหล ในนิรันดร์สวรรค์ชั้นฟ้าวิมานใจ ทิพย์นิรมิตใดไหนเล่างามเท่านี้ งามดวงใจจิตวิญญาณเพียงผ่านหล้า มิหลงฟ้าหลงฝูงมายาสี บินเหนือโลกโบกใบบุญนะคนดี เพียรพร้อมพลีจิตร่างกลางธารธรรม.. ลมหายใจเหลือน้อยค่อยหรี่ดับ ราวตะวันรอลับฟ้าในยามค่ำ โลกชีวีหมุนเวียนชดใช้กรรม อย่ารอทำความดีพลีผองชน..กมลเรา...!!!! ......... พุดค่ะคุณช่อ อุษาสวาทสว่างอีกคราแล้วค่ะ นาทีนี้นภานภางค์สว่างกระจ่างแจ่ม ด้วยไรเมฆแสนหวานแสนสวยค่ะ พุดเด็ด*ดอกพุดซ้อนเสี่ยงทาย* ที่.. คนไกลอยู่ถึง *ครีบแลนด์แดนดินแห่งความฝัน* มาขยันปลูกกอ หวังแตกช่อรอรัก ผลิหวานบานตระการพราวค่ะ ใกล้ร่มรักเรือนจำปี ที่ทุกทิวาหวาม จะมีนกเขาไพรมาขันปลุกพุดทุกเช้าค่ะ นี่ก็ยังไม่หยุดขันหวานแว่วอยู่เลยค่ะ และ พุดตัดใบตอง ที่อวบงามเกินงามค่ะ เก็บไว้ มาไว้รองจานจัดโต๊ะอาหารค่ำคืนนี้ค่ะ พุดก็อดช้อนชำเลือง ทอดนัยน์ตาดูตำลึง ของชาวสวนหลังบ้าน ที่ยังมีบึงเล็กๆมิได้ ที่ยังมีกอไผ่ ใบหญ้า เป็นธรรมชาติตาให้สุขธรรมดาใจมากค่ะ และ.. บัดนี้พากันเลื้อยไสว ทอทอดยอดพร่าง มาพันถึงรั้วบ้านพุดแล้วค่ะ งามมากกกก งามใส ที่ทอดห้อยพวงใบ ใสใสเขียวไพลละอออ่อน หยักย้อยร้อยรัดรึง ตรึงใจพุด ที่รู้สึกแสนสวยมากค่ะ อธิบายยากจัง อิอิ อ่านงานคุณช่อ ที่แสนมลังเมลือง แสนประเทืองประทับใจ และ ช่างแสนประณีตละเมียดละไมละมุน หอมกรุ่นในดวงใจเป็นยิ่งนักแล้ว และ ราวพลังสายแสงอาทิตย์อลังการ มาพรายพร่าง ราวเรียวรุ้งฉายฉานพุ่งพราว ผ่านม่านเมฆ มาจากฟากฟ้าแคว้นแดนไกล และ พาให้กระทบดวงใจพุด พาให้คิดถึงและด้วยความรักคิดถึงซึ้งใจ พุดจึ่ง ขอฝากบทเพลงนี้พลีกำนัลแด่คุณช่อนะคะ หวังวอน..ให้กลับบ้านเราค่ะ ด้วยรักล้นใจค่ะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html เพลงบ้านเรา บ้าน เรา แสน สุขใจ แม้จะอยู่ ที่ไหน ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา ด้วยพระบารมีล้นเกล้า คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์ รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง พริ้วแดดส่อง สดใส งามจับใจ มิใช่ฝัน ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น หอมทุกวัน ระบือ ไกล บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้ จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ ขอวานหน่อยได้ไหม ลอยล่องไป ยังบ้านเขา จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย... ........... ด้วยรักรักรักค่ะ
8 มิถุนายน 2548 09:55 น. - comment id 476840
พี่พุดจ๋า ว่าง ๆ ไปฟังมัทร้องเพลงที่ยาฮูนะคะ สาวชาวสวน มัดหมี่ร้องให้ฝรั่งฟัง เค้าชอบมากค่ะ แถวเมืองทองธานี มีบ้านตึกเป็นแท่ง ๆ น่าแปลกนะคะ ที่คนเราไปอาศัยอยู่แบบนั้นได้ ป๊าเคยเล่าให้มัทฟังว่า เจ้าของโครงการเป็นคนฝรั่งเศส มาลงทุนทำบ้าน โดยมีหุ้นส่วนที่เป็นคนไทย ถัดไปหน่อย จะเป็นบ้านของคนไทยที่อาศัยอยู่แถวนั้น มีไร่ มีนา บ้านบางหลังก็ตั้งอยู่โดดเดี่ยว มีรั้วรอบ เป็นต้นไม้ เป็นไม้เลื้อย บรรยากาศน่าอยู่นะคะ แต่มัทคิดว่าที่ดินแถวนั้นคงราคาแพงมากค่ะ มัทชอบนกตัวสีขาว ๆ ที่ป๊าบอกว่าเป็นนกกระยางขาว คอยาว ตัวมันสะอาดดีค่ะ มองชัด ๆ จากกล้องส่องทางไกล แล้วสวยมากค่ะ แถวนั้นมีนกแบบนี้เยอะนะคะพี่พุด แล้วพี่พุดอยู่แถวนั้นป่าวคะ มัทผ่านไปแถวนั้นบ่อย ๆ ด้วยเสาร์อาทิตย์หากว่าง ๆ ก็จะไปทานปลาช่อนเผาที่อยุธยากับป๊า คิดถึงพี่พุดนะคะ
8 มิถุนายน 2548 10:49 น. - comment id 476870
^J^ ................ .....where have on the flowers gone...... Long time......etc.
9 มิถุนายน 2548 12:49 น. - comment id 477410
เข้ามาอ่านงานของพุดพัดชาครั้งใดเต็มอิ่มสดชื่นทุกครั้งไป สบายดีนะครับ