http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song718.html (เดียวดาย) ขอเจ้าเป็นดั่งนกไพรบินเดียวดายแม้ไร้ฝูง หากบินสูงเหนือโลกย์โศกเหว่ว้า มีอัญมณีไพรใจดวงงามไร้พันธนา ฝ่าพายุกล้าสู่เวิ้งว่างหนทางไกล บินข้ามหล้ามหานทีสีทันดร ข้ามสิงขรห้วงทุกข์อสงไขย พบฝั่งฝันนิรันดร์สุขไร้ทุกข์ใด นะดวงใจเจ้านกกล้าท้าตะวัน ฝันให้ไกลไปให้ถึงซึ่งวิมุตติ อย่าสิ้นสุดหยุดบินอย่าสิ้นฝัน แม้นเหนื่อยล้าเหน็บหนาวในคืนวัน มีอ้อมขวัญอ้อมใจไออุ่นรัก หยุดหลบเลียแผลใจหากเหนื่อยล้า พักปีกกล้าใต้กิ่งใจในอ้อมตัก มีพฤกษ์ไพรบึงกว้างธารน้ำภักดิ์ คอยรอซับหยาดเลือดหยดน้ำตา ต่อเติมใจเติมจิตเติมนิรมิตหวัง เติมพลังเติมแรงใจให้แกร่งกล้า พร้อมโผผินบินหว่านดาวดวงร่วงสู่พื้นพสุธา เป็นขวัญหล้าขวัญชีวิต..ดั่งรวงทิพย์อัญมณี...!!!!!! .............. เมื่อคืนไพลดูละครเรื่อง *อยู่กับก๋ง*แล้วสะท้อนสะเทือนใจประทับใจ จนอยากร้องไห้ ในหลายฉากตอน ที่วนซ้อนย้อนรอยให้ถอยหลังกลับไป ในวิถีวัยเยาว์ที่เคยพบพานผ่านมา และ ราวกลับมา สอนสัจจธรรมใจ ให้กับเด็กไทยในวันนี้ให้รู้ใช้ชีวิต... ที่มีดวงจิตห่างไกลวิถีงามแห่งความเรียบง่าย ให้รู้ค่าความยากไร้ในชีวิตติดดินแบบเด็กชนบท ที่แสนงดงาม รู้ใช้ชีวิตอย่างสมถะพอเพียง ได้ชิดใกล้ธรรมชาติ และ มีความสงบสุขตามประสายาก หากทว่า มีงามดวงใจใสพร่างนี้ ที่แสนกระจ่างสว่างพราว ราวร่างได้อาศัยในวิมานแมนวิมานวนา... หากมองย้อนกลับไป ที่นับวันจะหามีไม่แล้วในวิถีไทยทุกวันนี้ ที่มีแต่แก่งแย่งแข่งดีเร่งรีบเร่าร้อนรุนแรงไร้ละเมียดละมุนใจ ไร้ประณีตใจ.. ชีวิตวัยเยาว์แบบข้นแค้นแสนยากลำบากร่าง หากฝากงาม ที่คอยหลอมหล่อจิตวิญญาณบ้านภายใน ให้งามใสพราว*ดั่งดวงแก้วอัญมณีไพร* เพราะ.. ว่าทุกดวงจิต ทุกชีวี...ไม่คิดทุรนทุรายเร่าร้อน ผ่อนหนี้วัตถุที่รุกโหมคืบบ่า มาทำลายความเรียบง่ายไร้อยาก...อย่างผู้คนทุกวันนี้ ที่ถูกกลืนกินไปตามกระแสกิเลสโลกย์โศกสุข ที่มิยอมหยุดโหมบุกรุกคืบทำลายให้ยิ่งย่อยยับอับจน ทั้งร่างใจ ... มี...คนกล่าวไว้ว่า ยามดูหนังดูละครแล้วให้นำมาย้อนสอนใจตน เพราะโลกทุกวันนี้ ที่ว่าแสนสับสนวายวุ่น *ก็เปรียบดั่งโรงละครเช่นเฉกกัน ต่างกันที่เราจะเลือกเล่นบทใดรับบทใด และโลกแห่งชีวี ก็มีสุขทุกข์คลุกเคล้าดั่งตัวละครในนวนิยายโลกย์ ที่มีทั้งดีร้ายโศกสุขหมายฝากค่าคนค่าคำ ฝากสัจจธรรม...ฝากบทเรียนก่อนลาไกล ก่อนจะถึงวันที่สิ้นลมหายใจแห่งชีวิตที่แสนนิดหนึ่งน้อยนี้ ที่ช่างแสนสั้น จะเหลือก็เพียงดีชั่ว.. ฝากไว้ประดับหล้าพสุธาใช่เพียงร่างแลชีพชนม์..ฤาก็หาไม่..!!!! ........... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song718.html เดียวดาย ขวัญ เอ๋ย เคยภิรมย์ชิดชื่น สุขสันต์ หลง เพ้อฝัน รักมั่น มิทันจะเนิ่น เธอ เมินหมาง โอ้ อ้างว้างอารมณ์ ฤดี เหมือนโนรี จากคอน หลงรังนอน ลืม พี่ เหมือนชีวี เดียวดาย เอกา โอ้ ดึกเดือนคล้อย เดือนเจ้าจะลอย จากตา มอง นภายังเห็นดารา เรียง ราย เหลียวหา จนทิวาโฉมเจ้า แล หาย หรือ รักแล้วแหนงหน่าย รักเอ๋ย ลืมง่าย ใย เมินเฉย โอ้ ใจเอ๋ยใจเลย แรมรอน ฉันยังจำ ติดตา ทุกทิวาคืนก่อน เหลืออาวรณ์ใจเอย ค่ำลง โอ้ ใจสะท้อน จะหลับจะนอนพะวง ลืมไม่ลง มันเหมือนมีมนต์ ดล ใจ... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html อาลัยรัก ฉัน รักเธอ รักเธอ ด้วยความไหวหวั่น ว่า สัก วัน ฉัน คง ถูกทอดทิ้ง มินานเท่าไร แล้วเธอก็ไป จากฉันจริงจริง เธอ ทอด ทิ้ง ให้อาลัย อยู่กับความรัก แม้ มีปีก โผบิน ได้เหมือนนก อก จะต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก ฉันจะบิน มา ตาย ตรงหน้าตัก ให้ยอดรัก เช็ด เลือด และ น้ำตา แม้ มี ปีก โผบิน ได้เหมือนนก อก จะ ต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก ฉันจะบิน มาตาย ตรงหน้าตัก ให้ยอดรัก เช็ดเลือด และน้ำตา...
6 มิถุนายน 2548 11:00 น. - comment id 475641
เพลงที่คลอมาน่ะเพราะมากพี่พุด
6 มิถุนายน 2548 11:11 น. - comment id 475645
อาลัยรัก เสียดายโฉมเจ้า เดียวดายแสนเหงาในจิต ห่วงหาอาลัย รักล้น ฤดี มิตร ของเพียงมีพี่สถิตอยู่แนบชิดนิทรา แก้วนีดาก็ดูค่ะพี่พุด....อยู่กับก๋ง...ให้ข้อคิดคติธรรมดีๆๆทุกตอนเลยค่ะ.......
6 มิถุนายน 2548 11:13 น. - comment id 475647
เคยเขียนงานเดียวดายไว้เมื่อวานก่อนครับ เดียวดาย... แทนคุณแทนไท เมื่อรักห่างร้างแรมยิ่งแต้มเศร้า ในวันหนาวจึ่งร้าวรานกว่าวานไหน ในดวงมานที่ซานซบสยบนัย ยังเจ็บแปลบแนบหทัยหัวใจชาย ทุกข์ท้อโถมโรมเร้าเศร้าถึงจิต เหตุพ่ายพิษความรักที่หักหาย ชีวิตสิ้นสูญหวังซังกะตาย มานสลายมลายหมดที่งดงาม เหลือแต่ความที่ถามโศกวิโยคอยู่ ในรู้สึกระลึกรู้ทุกคำถาม แต่สร้อยเศร้ายังเย้ายั่วทุกเนื้อนาม สุดจะห้ามความคิดยามพิศถึง ที่ตรงนั้นฝันเอ๋ยเคยพิลาศ บุพชาติสะอาดใสในโลกหนึ่ง ยังหอมหวลชวนหาทุกตราตรึง ในคะนึงยังซึ้งซ่านทั้งมานเรา กล้ำสะอื้นกลืนสะอึกระทึกระทด น้ำตาหยดรดแก้มแต้มความเศร้า ยามเหว่หวาดขลาดสะทกหัวอกเยาว์ ขมก็ข่ม ถมเข้า เอาเป็นทุน เคยเด็ดเดี่ยวแม้เดียวดายเมื่อกายทุกข์ ใครที่ปลุกปลอบให้ใจละไมอุ่น ใครที่เคล้าเคลียคลอ... ขอรอคุณ โอ๋อกเอ๋ยเคยอุ่นกรุ่นอุรา มิคิดคาดชีวาตย์มาขาดบั้น ใจหวิวหวั่นพรั่นไหวไร้หรรษา ทรมานซ่านซัดหัทยา โชคชะตาพาหายทลายลาญ ก่อนเคยมีสตรีหนึ่งพึงปลุกปลอบ ก่อนกุกอปกรรมกิจผลิตผสาน แต่บัดนี้มิมีนางมาเนาว์นาน นุชนงคราญได้ลี้ตีจากไป นี่ทนได้อย่างไรใจไม่รู้ รู้แต่สู้อยู่ระหว่างความว่างไหว หนึ่งนาทีที่ทุกข์ทับแทบขาดใจ เราอยู่ได้อย่างไรไม่มีเธอ เมื่อใจโศกเห็นโลกกว้างสิ้นทางหวัง หมดพลังที่ตั้งจิตคิดเสมอ มีแต่ความอุ่นไอละไมละเมอ นั่งยิ้มเก้อแล้วหนอต่อแต่นี้ ด้วยชีวิตผิดพลาดพินาศป่น จึงได้ดลสร้อยสลดกำสรดศรี ถ้อยที่เผยเอ่ยหลากจากฤดี วันนี้มีแต่เศร้ารานเร้ารอน ............................................ พระอังคารที่ ๑๕ กุมพาพันธ์ ๔๘ พี่พุดสบายดีนะครับ ระลึกถึงเสมอๆ
6 มิถุนายน 2548 11:19 น. - comment id 475649
พี่พุดมาตอบคำอีกคราค่ะดอกข้าว จากคำ..ดอกข้าว..ที่ว่า ...... ผมโตมาจากท้องไร่ท้องนาจริงครับ ชีวิตวัยเด็กก็ดูเหมือนจะต่างเด็กๆทั่วไป ที่พี่พุดบอกว่ามันเป็นวิมานใบหญ้า..บึงกว้าง อย่าคิดอย่างนั้นเลยครับ มันมีแต่ความทุกข์ยากของพ่อแม่ที่ดอกข้าวเห็นจนชินตา ลำบากครับ..แต่ก็ปนสนุกๆอาจจะเป็นดอกข้าวคนเดียวที่สนุกนั่นล่ะ ........... . ดอกข้าว สำหรับพี่พุด คำว่า..*วิมาน.*มิได้หมายถึง วิมานในแง่งามความสบายทางกายดอกค่ะ วิมานสำหรับพี่พุดคือ ความสุขทางจิตวิญญาณทางด้านจิตใจ ที่พ่อแม่ลูกได้อยู่กันพร้อมหน้า มิใช่กระจัดกระจายพรายพลัดพรากจำจากกัน ไปคนละทิศละทางคนละวิถี อย่างสังคมศิวิไลซ์ทุกวันนี้ ที่ผู้คนแสวงหา ความสุขภายนอกมาเติมเต็ม จำต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก อาจจะจำเป็นเพื่อชีวิตรอด ซึ่งพี่พุดก็เข้าใจ สำหรับพี่พุด ทำไมจะไม่ทราบถึงความยากไร้ ในเมื่อเกิดมารองเท้า ก็ไม่มีใส่ไปโรงเรียน ผู้คนบ้านพี่พุด สมัยก่อน ไม่มีเงินมาก หากทำไมชีวิตแสนสุขสงบ อยู่อย่างพอกินพอเพียง ซึ่งผิดกับเดียวนี้ ที่ผู้คนมีธุรกิจมีเงินมากมาย หากราวกับนรกก็มิปาน เมื่อโลกแห่งความเจริญ คนแห่งความเจริญ มารานรุกบุกโหมโดยใช้เงินตรา เป็นตัวนำมาให้เกิดกิเลสแห่งความอยากได้ใคร่มีกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และ.. เมื่อคืนพี่พุดดู *อยุ่กับก๋ง*แล้วร้องไห้ ทุกฉากชีวิต มีความเรียบง่ายสงบงาม ที่พี่พุดราวเคยผ่านพบทุกฉากตอน และสอนชีวีให้ติดดิน รู้รักค่าความยากลำบาก ที่ณ..นาทีนี้สอนให้เรา มองโลกในวิถีผิดแผกคิด พิเศษพิสุทธิ์ มิหมุนจิตไปอยากได้ใคร่มี เหมือนใคร ขอเพียงมีจิตดวงใสดวงงาม รู้ค่าคน ค่าลมหายใจก็เพียงพอ เพื่อเพียรต่อสะสมบุญสร้างกุศล มิใช่สะสมวัตถุนอกกาย แม้น จะราวนกดายเดียวไร้ฝูง..ก็ตามที พี่พุด รักวิถีเย็นๆช้าช้า ทว่าเต็มไปด้วยความเข้าใจรู้รักธรรม ธรรมชาติ เห็นความยากไร้เป็นความ*ให้* คุณค่าในแง่มโนธรรม และความเอื้อโอบแบ่งปัน หากเรามองเป็นจะเห็นสัจจธรรมค่ะ พี่พุดไพร 06 มิ.ย. 48 - 08:41
6 มิถุนายน 2548 11:22 น. - comment id 475651
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song47.html โลกนี้คือละคร สุเทพ วงศ์กำแหง โลกนี้นี่ดูยิ่งดูยอกย้อน เปรียบเหมือนละคร ถึงบทเมื่อตอน เร้า ใจ บทบาทลีลาแตกต่างกันไป ถึงสูงเพียงใด ต่างจบลงไป เหมือน กัน เกิดมาต้องตาย ร่างกายผุพัง ผู้คนเขาชัง คิดยิ่งระวัง ไหว หวั่น ต่างเกิดกันมาร่วมโลกเดียวกัน ถือผิวชังพรรณ บ้างเหยียดหยันกัน เหลือเกิน โลก นี้ คือละคร บทบาทบางตอน ชีวิตยอกย้อน ยับเยิน ชีวิตบางคนรุ่งเรืองจำเริญ แสน เพลิน เหมือนเดินอยู่บนหนทางวิมาน โลกนี้นี่ดู ยิ่งดูเศร้าใจ ชั่วชีวิตวัย หมุนเปลี่ยนผันไป เหมือน ม่าน เปิดฉากเรืองรองผุดผ่องตระการ ครั้นแล้วไม่นาน ปิดม่านเป็น ความเศร้าใจ โลกนี้นี่ดู ยิ่งดูเศร้าใจ ชั่วชีวิตวัย หมุนเปลี่ยนผันไป เหมือน ม่าน ปิดฉากเรืองรองผุดผ่องตระการ ครั้นแล้วไม่นาน เปิดม่านเป็น ความเศร้าใจ...
6 มิถุนายน 2548 11:25 น. - comment id 475654
มาชมความงามบทกวีอันละไม หวัดดีครับพี่พุด
6 มิถุนายน 2548 11:30 น. - comment id 475658
พรระวีน้องรัก บทเพลงนี้มีคนคุกเข่าร้องให้ฟัง และ ตอนนี้เขาลาล่วง ไปสู่สรวงสวรรค์แล้วละค่ะ จึงเป็นเพลงทั้งรักทั้งฝากความรานร้าว แสนเศร้าดายเดียวค่ะ รักพี่พุด ก็ฟังคลอเคล้าเคล้าดายเดียวเดียวดายในดวงใจไปด้วยกันนะคะทุกดวงใจ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song718.html เดียวดาย สุเทพ วงศ์กำแหง ขวัญ เอ๋ย เคยภิรมย์ชิดชื่น สุขสันต์ หลง เพ้อฝัน รักมั่น มิทันจะเนิ่น เธอ เมินหมาง โอ้ อ้างว้างอารมณ์ ฤดี เหมือนโนรี จากคอน หลงรังนอน ลืม พี่ เหมือนชีวี เดียวดาย เอกา โอ้ ดึกเดือนคล้อย เดือนเจ้าจะลอย จากตา มอง นภายังเห็นดารา เรียง ราย เหลียวหา จนทิวาโฉมเจ้า แล หาย หรือ รักแล้วแหนงหน่าย รักเอ๋ย ลืมง่าย ใย เมินเฉย โอ้ ใจเอ๋ยใจเลย แรมรอน ฉันยังจำ ติดตา ทุกทิวาคืนก่อน เหลืออาวรณ์ใจเอย ค่ำลง โอ้ ใจสะท้อน จะหลับจะนอนพะวง ลืมไม่ลง มันเหมือนมีมนต์ ดล ใจ...
6 มิถุนายน 2548 11:37 น. - comment id 475661
ดายเดียวเปลี่ยวเหงาในม่านเมือง เมื่อวานนี้ที่อนุสาวรีย์ชัย รจนาค้างไว้ค่ะ ผู้หญิง..ในชุดกางเกง และเสื้อยืดรัดรูปสีขาว คอตั้งไหล่ล้ำ ยกผมสูงรวบตึง แล้วติตกิ๊ปวะวับวาว ปล่อยให้ผมสยายยาวแผ่ไปทางเบื้องหลัง กำลังยืนนิ่งงันราวตกในภวังค์ ทอดนัยน์ตาเศร้าดายเดียว บนสะพานลอยแถวอนุสาวรีย์ ในท่ามผู้คนมากมาย ราวกับโลกนี้มีเธอเพียงลำพัง ผู้คนที่กำลังเดินอย่างเร่งรีบรีบร้อน อลหม่านอลวน ราวกับฝูงมดฝูงผึ้งยามแตกรังก็มิปาน ทั้งๆที่ในยามนี้เป็นวันหยุด หากสถานที่แห่งนี้ ก็มิเคยหยุดคับคั่งผู้คนเลยสักวัน พากันผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนหน้ามามิขาดสาย ราวกับโลกนี้คือโรงละครแห่งชีวิตนี้ ที่หมุนเวียนเปลี่ยนฉากตอน การเกิดแก่เจ็บตาย มาว่ายเวียนวงชดใช้กรรม
6 มิถุนายน 2548 12:35 น. - comment id 475705
คุณ พุดสาวงามแห่งพงไพร เพลงเดียวดายนี้ผมจำไม่ลืมเคยร้องให้เขาฟัง มีหญิงคนหนึ่งน้ำตาคลอและขอให้ผมร้องอีกครั้งหนึ่งครับ หากอยู่ใกล้ๆคุณจะร้องให้ฟังมาพบอีกทีในนี้ จำนองได้แต่เนื้อจำไม่ได้แล้ว เขียนได้ดีเหมือนเดิมครับ แก้วประเสริฐ.
6 มิถุนายน 2548 13:54 น. - comment id 475760
ขอเป็นเพื่อพุดจะได้ม่เดียวดาย
6 มิถุนายน 2548 15:14 น. - comment id 475785
ถึงพุดไพร หัวใจดาหลา งามเหลืองานนี้ มา อ่าน ด้วยหัวใจ .......เที่กำลังเดียวดายเต็มทีค่ะ
6 มิถุนายน 2548 21:54 น. - comment id 476048
.. พ่อ..น้อง และผมชอบดู แก้วลืมคอนครับ จบไปแล้ว ตอนอยู่ที่บ้านนะครับ ผมกลับหอ ที่ห้องผมไม่มีทีวีดู เลยไม่ค่อยได้ดูทีวี แต่ตอนอยู่บ้านผมก็ดูนะครับ
6 มิถุนายน 2548 23:01 น. - comment id 476107
หยุดหลบเลียแผลใจในวันเหนื่อย แล้วเรื่อยเปื่อยเดินไปอย่าได้ถอย เชื่อซิว่าสิ่งที่หวังตั้งใจคอย จะได้พบนะเจ้าน้อยเจ้ากลอยใจ แต่งได้ดีค่ะ คิดถึงพี่พุดนะค่ะ
8 มิถุนายน 2548 21:36 น. - comment id 477182
^J^ ............ ............ไม่เดียวดาย รอบกายมีธรรมชาติ... ที่แสนงดงาม...ที่คนกรุงไม่มีโอกาสวาสนาได้สัมผัส.......กำลังจะหาเวลาไปพักผ่อนชื่นชม กับธรรมชาติบ้าง....แต่ยังไม่รู้จะไปที่ไหนดี... พูดจริง ๆ นะเนี่ย....